Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 377
TxV – 377 ขัดขวาง !
ในเวลานี้กลุ่มคนกําลังเดินออกมาจากสนามบินมากมาย หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นมีทั้งเซี่ยเหลียเซียเสวียและฉิงเสวียงเดินออกมาด้วยเช่นกัน
เมื่อถึงเวลาที่มหาวิทยาลัยปิดเทอม เซี่ยเสวียจะต้องกลับบ้านแต่หากเธอกลับบ้านไปตอนนี้เธอจะต้องอยู่คนเดียวเซี่ยเหลี่ยไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นจึงให้เธอเดินทางมาที่โรงงานผลิตอาวุธเพื่อให้เธอได้ทํางานและศึกษาระบบการทํางานในโรงงานช่วงที่เธอปิดเทอมอยู่
บริษัทที่เซี่ยเหลียสร้างขึ้นมาต่อไปก็ต้องมีเซี่ยเสวียขึ้นมาช่วยดูแล ดังนั้นการที่ให้เธอมาเริ่มศึกษาดูงานตั้งแต่เนิ่นๆจะทําให้เธอเข้าใจระบบการทํางานได้มากขึ้น ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่เพราะต่อไปเธอเองก็จะมีบทบาทสําคัญในการดูแลและบริหารอาชาสายฟ้าคอร์เปอเรชั่น
ทั้งฉิงเสวียงและเซี่ยเสวียเมื่อเดินออกมาจากสนามบินแล้วก็ตรงไปขึ้นรถเซฟโลเลตที่เป็นกระบะกึ่งเอสยูวีเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉิงเสวียงก็ออกตัวจากที่จอดรถอย่างรวดเร็วสไตล์การขับของเธอดุดันอย่างมากมันทั้งเร็วและโฉบเฉียวบางทีเธออาจจะลืมไปชั่วขณะว่าภาหนะที่เธอกําลังขับอยู่นี้คือรถยนต์ไม่ใช่รถจักรยานยนต์
“พี่ใหญ่เสวียง ขับช้าๆหน่อยก็ได้ พี่คงไม่ต้องการให้รถคันนี้บินหรอกใช่มั้ย?” ภายในรถเซี่ยเสวียพูดขึ้นพร้อมกับจับเข็มขัดนิรภัยเอาไว้อย่างแน่นทั้งสองมือ
เซี่ยเหลี่ยมองตาโตไปที่เซี่ยเสวียก่อนจะพูดว่า “ทําไมเรียกเธอว่าพี่ใหญ่หล่ะ? ไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ?”
เซี่ยเสวียแลบลิ้นใส่เซี่ยเหลีย
ฉิงเสวียงยิ้มก่อนจะพูดว่า “ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ? ฉันเองชอบที่จะให้เธอเรียกฉันว่าพี่ใหญ่เสวียงเพราะคนในโรงงานทุกคนต่างก็เรียกฉันว่าพี่ใหญ่เสวียงเป็นแบบนี้แล้วคุณต้องการจะไปดุพวกเขาทุกคนด้วย ไหม?”
“หึหึ” เซี่ยเสียพึมพําในลําคอ จึงทําให้ไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ
เซี่ยเหลี่ยยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ พี่ใหญ่เสวียง หลังจากที่ผมไปรัสเซียแล้วคุณต้องจัดการดูแลเธอให้ดีๆ อย่าให้เรื่องแบบคราวก่อนมันเกิดขึ้นอีกหล่ะ”
“เข้าใจแล้ว” ฉิงเสวียงพูด
“ฉันเคยถูกหลอกมาครั้งหนึ่งแล้ว คิดว่าฉันจะถูกหลอกเป็นครั้งที่สองอีกงั้นเหรอ? นี่พี่…ฉันไม่ใช่ผู้หญิงโง่หรอกนะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก” เซี่ยเสวียพูด
เซี่ยเหล่ยพูดกลับไปว่า “เธอยังไม่รู้หรอกว่าโลกภายนอกมันโหดร้ายและอันตรายมากแค่ไหน วันนี้พี่ปกป้องเธอได้พรุ่งนี้พี่ปกป้องเธอได้แต่มันก็ต้องมีวันที่พี่ไม่ได้อยู่ปกป้องเธอ ดังนั้นเธอจะต้องดูแลตัวเองให้ได้ทุกอย่างมันจะขึ้นอยู่กับเธอ”
“พี่หมายความว่ายังไง?” เซี่ยเสวียพูดอย่างกังวลพร้อมมองไปที่เซี่ยเหลี่ย
เซี่ยเหลี่ยยิ้มและพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากให้ระมัดระวังตัวมากกว่านี้และอย่าหลงเชื่อคําพูดของคนแปลกหน้าง่ายจนเกินไป”
“อื้ม ฉันจะจําไว้ แบบนี้ดีแล้วใช่ไหม?” เซี่ยเสวียพูดพร้อมกับความรู้สึกขอบคุณพี่ชายของเธอเอง
“หลังจากที่พี่ไปรัสเซียแล้วก็ฝากดูแลลู่เชิงแทนพี่ด้วย เขาต้องเจ็บตัวก็เพราะเธอดังนั้นดูแลเขาให้ดีๆ”เซี่ยเหลี่ยพูด
“อืม…ฉันตั้งใจจะไปเยี่ยมพี่ลู่ในวันพรุ่งนี้อยู่แล้วด้วย” เซี่ยเสวียพูด
หลังจากขับรถเป็นเวลานานในที่สุดตอนนี้ก็มาถึงหน้าโรงงานผลิตอาวุธในเมือง เมืองป่ายลู่
เซี่ยเหลี่ยลงจากรถและรีบตรงไปยังโกดังสินค้าทันที ภายในโกดังสินค้าอเลน่ากําลังเถียงอยู่กับนายทหารคนหนึ่ง บรรยากาศตอนนี้ค่อนข้างจะอึดอัดไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่?
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยเหลี่ยพูดพร้อมเดินเข้าไปหาทั้งคู่
อเลน่าหันไปตามเสียงและเห็นว่าเป็นเซี่ยเหลียที่เดินเข้ามา ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มที่สุดในทันทีพร้อมกับตอบกลับไปเป็นภาษาเยอรมันว่า“ลูคัสฉันวางแผนไว้ว่าจะไปรับคุณที่สนามบินพร้อมกับฉิงเสวียงแต่ก็ไปไม่ได้เนื่องจากมีสินค้าล็อตแรกเข้ามาฉันจึงไปไม่ได้”
เซี่ยเหลี่ยเองก็เปลี่ยนเป็นพูดภาษาเยอรมันออกไปว่า “เรื่องนั้นไม่เป็นไร ว่าแต่ตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
อเลน่าตอบกลับไปว่า “เจ้าหน้าที่คนนี้จะเอาปืนไรเฟิลล็อตแรกไปทั้งหมด ซึ่งถ้าเราให้เขาไปเราจะไม่มีปืนไรเฟิลไปเข้าร่วมงานในประเทศรัสเซีย”
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดกับอเลน่าก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเป็นภาษาจีนว่า “นายทหารคุณชื่ออะไร?”
ทหารคนนั้นตอบกลับมาว่า “ผมชื่อ เถียนจุน”
เซี่ยเหลียยื่นมือออกไปจับมือกับมือของเถียนจุนจากนั้นก็ยิ้มพร้อมพูดทักทายเขาว่า “สวัสดีผมชื่อเซี่ยเหลี่ย”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร คุณมาก็ดีแล้ว เรามาคุยกันดีกว่า ผมพูดกับผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยเข้าใจเลย”เถียนจนพูดจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “ผมมาจากแผนกอุปกรณ์ ผมได้รับคําสั่งให้นําปืนไรเฟิลเหล่านี้ไปทั้งหมด”
เซี่ยเหลี่ยขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า “สถานการณ์ของเราตอนนี้คือต้องนําปืนไรเฟิลไปจัดแสดงในงานนิทรรศการอาวุธที่จะจัดขึ้นในประเทศรัสเซียและมันเป็นงานนิทรรศการระดับนานาชาติดังนั้นเราให้คุณนําไปทั้งหมดไม่ได้หรอกนะเราจะให้ตัวอย่างคุณไปและเราจะผลิตให้กับคุณอีกครั้งแต่ยังไม่ใช่สินค้าล็อตนี้”
เถียนจุนส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทําแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ผมต้องเอาไปทั้งหมดตอนนี้เพราะนี่เป็นคําสั่งที่ผมได้รับมอบหมายมา”
เซี่ยเหลยละสายตาไปจากเถียนจุนเพื่อมองไปยังกล่องพลาสติกสีดําที่สั่งทําขึ้นมาเป็นพิเศษก่อนจะขยับตาซ้ายเล็กน้อยและมองทะลุเข้าไป ภายในมีปืนไรเฟิลกว่ายี่สิบกระบอก จากนั้นก็หันไปมองกล่องไม้ที่สั่งทําขึ้นพิเศษเช่นกัน ภายในมีปืนไรเฟิลอยู่สี่กระบอกซึ่งหนึ่งในนั้นสี่กระบอกนั้นเป็นปืนไรเฟิลที่สามารถยิงได้ไกลถึงสามพันห้าร้อยเมตรและปืนไรเฟิลกระบอกนี้จะต้องนําไปจัดแสดงในงานนิทรรศการที่กรุงมอสโคประเทศ รัสเซีย
เซี่ยเหล่ยหยุดใช้ความสามารถพร้อมหันไปพูดกับเถียนจุนว่า “เอาล่ะ งั้นคุณเอากล่องสีดํานั้นไปภายในกล่องมีปืนไรเฟิลอยู่ยี่สิบกระบอก
ปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ยี่สิบกระบอกนี้มีราคาขายอยู่ที่กระบอกละหนึ่งล้านหยวน ดังนั้นปืนไรเฟิลล็อตนี้จึงมีราคายี่สิบล้านหยวน นี่เป็นปืนไรเฟิลล็อตแรกของบริษัทที่ผลิตขึ้นมาแม้ว่าหากเทียบกันแล้วบริษัทในตอนนี้ยังถือว่ามีกําลังผลิตที่ต่ํามาก แต่ในอนาคตมันจะต้องขยายใหญ่และกลายเป็นธุรกิจที่ทําเงินได้มหาศาลจนไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
เถียนจุนหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดอย่างจริงจังออกไปว่า “คุณเซีย ยี่สิบกระบอกงั้นเหรอ?” พูดเสร็จก็ชี้ไปที่กล่องไม้ด้านข้างอเลน่าจากนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า“ผมเห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องนั้นแล้วมันมีอีกสี่กระบอกนี่”
อเลน่ารีบพูดหันไปพูดกับเซี่ยเหลี่ยทันทีว่า “เขาตรงเข้ามาทันที ฉันหยุดเขาไว้ไม่ทัน”
เถียนจุนที่ไม่สนใจคําพูดของอเลน่า เขาพูดขึ้นต่อทันทีว่า “ภายในสถานที่แห่งนี้ คุณไม่มีทางหยุดผมได้อยู่แล้วผมมีสิทธิที่จะตรวจคนหรือทําอะไรก็ได้ที่นี่ก็ได้”
“มีสิทธิ์งั้นเหรอ?” เซี่ยเหลี่ยพูดพร้อมกับความรู้สึกไม่พอใจและโกรธอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกไป
“ใช่ ฝ่ายอุปกรณ์ของเรามีสิทธิ์ขาดในการดูแลโรงงานการผลิตของคุณ เราไม่สนใจเรื่องการผลิตหรอกนะเพราะเรามีหน้าที่ตัดสินใจเพียงอย่างเดียว” เถียนจุนพูดอย่างเขร่งขรึมก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ปืนไรเฟิลสี่กระบอกนั้น ผมก็จะเอามันไปด้วยและขอเลย…อย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของผม”
เซี่ยเหลี่ยรีบตอบกลับทันทีว่า “งั้นผมก็จะพูดให้ชัดเจนเหมือนกันว่าปืนไรเฟิลสี่กระบอกนี้จะต้องไปจัดแสดงที่งานนิทรรศการอาวุธที่กรุงมอสโคประเทศรัสเซีย เราได้รับการอนุมัติแล้วเช่นกัน”
“ผมเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมต้องทําตามหน้าที่ของผม” เถียนจุนพูดย้ําความต้องการเดิมของเขา
“มันเป็นคําสั่งของใคร?” เซี่ยเหล่ยถาม
“คุณไม่จําเป็นต้องรู้” เถียนจุนตอบ
“เข้าใจแล้ว” เซี่ยเหลี่ยพูดจบก็ชี้ไปที่ประตูทันทีพร้อมกับพูดว่า “งั้นคุณก็กลับไปซะ ผมจะไม่ให้ปืน ไรเฟิลกับคุณแม้แต่กระบอกเดียว!”
เถียนจุนโกรธอย่างมากก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณพูดว่าไงนะ!” พูดเสร็จก็หันหน้าไปด้านข้างก่อนจะตะโกนออกมาว่า “เข้ามาเดี๋ยวนี้!”
ทหารหลายคนเข้ามาภายในโกดังสินค้าพร้อมกับอาวุธประจํากาย
เถียนจุนยังพูดขึ้นอีกว่า “ขนปืนไรเฟิลทั้งหมดกลับไปเดี๋ยวนี้!”
ทหารเหล่านั้นเมื่อได้รับคําสั่งก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด พวกเขาตรงเข้าไปขนกล่องพลาสติกที่ภายในบรรจุปืนไรเฟิลทันที
ระหว่างที่ทหารคนอื่นๆกําลังขนกล่องสีดํากันอยู่ เถียนจุนก็พูดชื่อนายทหารออกมาสองคนจากนั้นก็ออกคําสั่งไปว่า “พวกคุณสองคน ไปยกกล่องไม้และพาไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้”
ทหารสองคนที่ได้รับคําสั่งเดินตรงไปยังกล่องไม้ทันที
“คุณจะเอามันไปไม่ได้!” อเลน่าพูดพร้อมขวางทางเดินของพวกเขา
“หลีกไป!” ทหารคนหนึ่งยื่นมือออกและผลักอเลน่าออกไปด้านข้าง
อเลน่าที่ถูกผลักออกไปก็เดินเซจนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น
“ไอเวรเอ๊ยย!” เซี่ยเหลี่ยพูดออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาวิ่งไปเตะที่กันของทหารคนนั้นอย่างสุดแรง ทําให้เขาล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็วและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ทหารอีกคนที่ได้รับคําสั่งจ้องไปที่เซี่ยเหลี่ยด้วยความตกใจทันที
เซี่ยเหลี่ยเดินไปที่ทหารคนเดิมและเริ่มเหยียบไปที่ส่วนสําคัญของทหารคนนั้นอย่างแรงอีกครั้ง
จากสิ่งที่เซี่ยเหล่ยกําลังทําอยู่นี้ทําให้ทหารอีกคนที่ได้รับคําสั่งเดินถอยหลังกลับไปสองก้าวด้วยความตกใจ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทั้งเถียนจุนและเหล่าทหารที่กําลังปฏิบัติหน้าที่ตามคําสั่งตะลึงอย่างมากเพราะพวกเขาไม่คิดว่าเซี่ยเหลี่ยจะกล้าลงมือทําร้ายเจ้าหน้าที่ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆมีอาวุธครบมือ!
ที่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้กังวลว่าจะมีทหารคนไหนหยิบปืนขึ้นมายิงเขา ก็เพราะเขาใช้ความสามารถมองทะลุตั้งแต่ทหารเหล่านั้นเข้ามาในโกดังสินค้าตั้งแต่แรกแล้ว เขาจึงรู้ว่าปืนของทหารเหล่านั้นไม่มีลูกกระสุน
หลังจากจัดการทหารคนนั้นเสร็จก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเถียนจุน
“คุณกล้ามากนะ” เถียนจนพูดพร้อมยกปืนสั้นออกมาเล็งไปที่เซี่ยเหลี่ย
เซี่ยเหลี่ยเห็นว่าปืนที่เถียนจุนยกขึ้นมาเล็งอยู่ในตอนนี้มีกระสุนทําให้ในเวลาเดียวกันกับที่เถียนจุนยกปืนขึ้นมาเล็ง เซี่ยเหล่ยก็เตะมือเขาในทันทีเพื่อไม่ให้เถียนจุน มีโอกาสทําตามใจชอบได้
“หึ! ไปจับเขาเดี๋ยวนี้!” เถียนจุนออกคําสั่งด้วยความโกรธผสมกับความอาย
เหล่าทหารที่ได้รับคําสั่งมาแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปที่เซี่ยเหลียพร้อมกับออกหมัดใส่เขาไม่ยั้ง
แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น เหล่าทหารที่ตรงไปเพื่อจะจัดการกับเซี่ยเหลี่ยต่างพากันล้มลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นพร้อมกับจมูกที่หักหรือใบหน้าที่บวมปูด
จังหวะเดียวกันกับที่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปจับตัวเซี่ยเหล่ย เถียนจุนก็ใช้โอกาสนี้มองหาปืนที่โดนเซี่ยเหลียเตะทิ้งไปก่อนหน้านี้ เขาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่ามันกระเด็นไปอยู่มุมหนึ่งของโกดังสินค้าเขารีบวิ่ง ไปเพื่อจะหยิบปืนขึ้นมาแต่จังหวะที่เขากําลังก้มลงไปเก็บปืนกระบอกนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เซี่ยเหลี่ยใช้เท้าเหยียบไปที่หลังมือของเขาพอดี
“อ้ากกก !” เถียนจนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและความอาย
เซี่ยเหลี่ยในตอนนี้ได้พูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “คุณคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน? อยากจะทําอะไรก็ทํางั้นเหรอ?”
“ปล่อยมือของผมเดี๋ยวนี้!” เถียนจุนตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดและความโกรธ
เซี่ยเหลี่ยไม่สนใจ เขาไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยเท้าออกจากมือของเถียนจนแต่ยังขยเพิ่มอย่างแรงเข้าไปอีก
“กร้อด!!” เถียนจนกัดฟันแน่นก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึมขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย แล้วคุณจะต้องเสียใจ!”
“ผมเสียใจแน่ถ้าปล่อยให้คุณเอาไป แต่…!” เซี่ยเหลี่ยพูดด้วยความโกรธและยังพูดต่ออีกว่า “ว่าแต่ใครส่งคุณมา? เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญอยู่แล้ว ปืนไรเฟิลเหล่านี้จะต้องไปจัดแสดงที่งานนี้ทรรศการแต่คุณกลับจะเอามันไปก่อนที่พวกเราจะนํามันไปแสดงมันต้องมีคนอยู่เบื้องหลังใครส่งคุณมา?!”
“พูดเรื่องอะไรของคุณ ถ้ายังไม่หยุดทําอะไรบ้าๆ เราจะได้ไปเจอกันที่ศาลทหารแน่!” เถียนจนพูด
“ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะไม่รู้อะไร!” เซี่ยเหลี่ยพูดเยาะเย้ยก่อนจะพูดอีกว่า “ว่าแต่คุณมาที่นี่แล้ว…ทําไมคุณไม่ซื้อไรเฟิลเหล่านี้แทนจะเอาไปฟรีๆซะหล่ะ!”
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร ทําไมผมต้องทําตามที่คุณบอกปล่อยมือผมเดี๋ยวนี้!” เถียนจุนตะคอกออกมาก่อนจะพูดด้วยความโกรธต่อทันทีว่า “ผมจะนับแค่หนึ่งถึงสามเท่านั้น หนึ่ง! สอง! สาม!”
แต่เซี่ยเหลี่ยไม่สนใจ เขาปล่อยให้เถียนจนนับต่อไป
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูโกดังสินค้า
ไม่จําเป็นต้องหันกลับไปดูเซี่ยเหล่ยก็รู้ได้ว่าเป็นเสียงของใครเพราะเขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มากเธอคือถ่างหยู่เหยี่ยนั่นเอง
เมื่อเห็นว่าเป็นคําพูดของถ่างหยู่เหยี่ย เซี่ยเหล่ยก็ยกเท้าออกจากมือของเถียนจุนแต่ทันใดนั้นเถียนจุนก็หยิบปืนขึ้นมาพร้องเล็งไปที่เซี่ยเหลี่ยทันที
“ปัง !!” เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด
ปืนในมือของเถียนจนหลุดออกจากมือทันที่เป็นเพราะจังหวะเดียวกันนั้นถ่างหยูเหยี่ยหยิบปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมเล็งไปที่มือของเถียนจุนและยิงออกไปทันที เพราะรู้ว่าเถียนจุนจะต้องไม่หยุดแน่ๆ
เมื่อยิงเสร็จแล้วถ่างหยู่เหยี่ยก็พูดขึ้นว่า “เถียนจุน คุณเองก็พอได้แล้วเหมือนกัน หากคุณยังสร้างปัญหาขึ้นมาอีกคุณคงรู้นะว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง”
“ถ่างหยู่เหยี่ย คุณทําอะไรของคุณ?” เถียนจุนพูดอย่างเยือกเย็นและพูดต่ออีกว่า “อย่าคิดว่าผมจะกลัวพ่อของคุณนะเพราะเรื่องนี้แม้แต่พ่อของคุณก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับไปว่า “คุณไม่จําเป็นต้องกลัวพ่อของฉันแต่คุณควรจะกลัวปืนในมือของฉันตอนนี้เซี่ยเหลี่ยไม่มีอํานาจพอจะทําอะไรคุณได้แต่หากคุณยังดึงดันที่จะยิงเขาต่อถึงตอนนั้นฉันจะฆ่าคุณเอง”
เถียนจุนก้มลงเก็บปืนที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาแม้ความจริงเขาอยากที่จะเล็งปืนไปที่หัวของเซี่ยเหลี่ยข่มขู่ให้เซี่ยเหล่ยคุกเข่าและขอโทษเขาแต่เถียนจุนก็ไม่มีความกล้าพอ นั่นก็เพราะคําขู่ของถ่างหยู่เหยี่ยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสํานักงานลับ101ที่รู้กันดีว่าถ้าบอกว่าจะฆ่าก็คือฆ่า
“ไม่กล้างั้นเหรอ? ถ้าไม่กล้าก็กลับไปซะ” ถ่างหยูเหยี่ยพูดและยังพูดต่ออีกว่า “และกลับไปบอกผู้ที่ออกคําสั่งให้คุณมาจัดการเรื่องนี้ด้วยว่าครั้งนี้ฉันจะไปรัสเซียพร้อมกับเซี่ยเหลียเพื่อเข้าร่วมงานนิทรรศการอาวุธที่กรุงมอสโค หากพวกเขาต้องการจะหยุดพวกเราจริงๆละก็ฉันจะทําให้เรื่องมันใหญ่เกินกว่าที่เขาจะจัดการได้เอง !”
เซี่ยเหลี่ยมองไปที่ถ่างหยู่เหนี่ย เขามีความรู้สึกว่าเธอจะต้องรู้แน่ๆว่าใครส่ง เถียนจุนมา
“พวกเรา…กลับ!” เถียนจุนออกคําสั่งพร้อมกับเดินออกจากโกดังทันที เหล่าทหารที่ติดตามมาด้วยก็ถอยกลับเช่นกัน…
ติดตามตอนต่อไป…..