Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 375
TXV – 375 รําลึกความหลัง !
ภายใต้แสงสลัวของค่ําคืนในเมืองห่ายๆ มันสวยราวกับอยู่ในความฝัน
เมื่อออกจากโรงพยาบาล เซี่ยเหลียยังคงนึกถึงคําพูดสุดท้ายของเจียงหยู่ยีที่ก้องติดอยู่ในหูของเขาว่า: ฉันจะรอคุณกลับมา ฉันจะรอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็จะรอ และหากคุณเหนื่อยคุณก็กลับมากลับมาพักผ่อนที่นี่
ภาพในวัยเด็กของเซี่ยเหล่ยก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัวของเขา เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆว่า “ถึงคุณจะพูดแบบนั้นแต่จริงๆแล้วเราจะทําอย่างไรต่อไปดี?”
เซี่ยเหลยไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกตอนนี้อย่างไร อารมณ์ภายใจจิตใจของเขาตอนนี้มีมากจนเกินไปแล้ว
“หรือว่าบางที่เราควรจะหาใครซักคนและแต่งงานกับเธอ เราจะได้ไม่มีอารมณ์และความคิดแปลกๆ
แบบนี้อีก” จู่ๆในหัวใจของเซี่ยเหล่ยก็คิดอะไรแปลกๆขึ้นมา
กริ้งงง กริ้งงง กริ้งงง …
เซี่ยเหล่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่าเป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับสายดีไหมเพราะไม่คุ้นเบอร์แต่ที่สุดก็ตัดสินใจรับสาย
หลังจากกดรับสายก็มีเสียงของผู้หญิงพูดผ่านโทรศัพท์มาว่า “เซี่ยเหล่ย นี่ฉันเอง เค่อเหวิน”
เซี่ยเหลี่ยรู้สึกประหลาดใจมากก่อนจะตอบกลับไปว่า “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ถึงทําให้คนอย่างคุณโทรหาผมได้?”
เค่อหวินยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “เรามาลืมเรื่องราวเก่าๆของเรากันดีกว่า คุณว่ามั้ย?”
เซี่ยเหลี่ยขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า ” ดีหรือไม่งั้นเหรอ? เค่อเหวินถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะทํางานให้เฉินตูเทียนหยินแต่เราก็ไม่ใช่เพื่อนกันดังนั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ ผมจะวางสาย”
“ใจเย็นก่อนสิ ฉันมีเรื่องสําคัญจะพูดด้วยนะ” เค่อเหวินพูดก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ฉันโทรมาเพื่อต้องการจะบอกว่าตอนนี้อันซูฮยอนได้รับการปล่อยตัวเรียบร้อยแล้ว”
เซี่ยเหลี่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากแม้ว่าเขาจะรู้ว่าซักวันหนึ่งอันซอยอนจะได้รับการปล่อยตัวเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองแต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ ในความคิดของเขาคิดว่าอันซูฮยอนน่าจะถูกควบคุมตัวไว้สองถึงสามเดือน
“และวันนี้เขาก็มาหาเฉินตูเทียนหยิน” กู้เค่อเหวินยังพูดต่ออีกว่า “ฉันอยู่ด้วยในขณะที่เขาอยู่กับเฉินตูเทียนหยินเขาพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจมือถือของพวกเขาและสุดท้ายเขาก็พูดถึงคุณ “
เซี่ยเหลี่ยพูดอย่างสงสัยว่า “พูดเกี่ยวกับผมงั้นเหรอ?”
“ใช่…แต่เขาไม่ได้พูดชื่นชมคุณหรอกนะ เขาบอกว่าคุณเป็นหัวขโมย คุณขโมยดาบอาทิสล่าดาบโบราณที่มีค่าจากบ้านของเขาและยังบอกอีกว่าคุณวางแผนใส่ร้ายเขาจนต้องทําให้เขาต้องถูกจับนอกจากนี้เขายังบอกว่าจะมาคิดบัญชีกับคุณอีกด้วย “
เซี่ยเหลียหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดขึ้นว่า “แล้วเทียนหยินพูดว่าอะไรบ้าง?”
เค่อเหวินตอบกลับไปว่า “ก็แน่นอน เธอก็พูดว่าให้อันซูฮยอนใจเย็นๆและขอให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทําอะไรคุณแต่ก็เท่านั้นแหละ คุณก็พอจะเดาได้ต่อหน้าเฉินตูเทียนหยินเขาก็รับปากทุกอย่างแต่ในความเป็นจริงเขาไม่มีทางรักษาสัญญาในเรื่องนี้หรอก”
“ผมพร้อมเผชิญหน้ากับเขาอยู่แล้ว” เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปด้วยน้ําเสียงที่เยือกเย็น!
“แค่นี้แหละ ฉันวางสายละนะ” กู้เค่อเหวินพูด
“เดี๋ยวก่อน” เซี่ยเหลี่ยรีบพูดก่อนที่เธอจะวางสายและรีบพูดขึ้นต่อทันทีเลยว่า “ว่าแต่คุณมาบอกเรื่องนี้กับผมทําไม?”
“แล้วคุณคิดว่าทําไมฉันถึงมาบอกเรื่องนี้กับคุณหล่ะ?” กู้เค่อเหวินพูดเธอตอบคําถามด้วยคําถาม
“คุณและผมไม่ได้เป็นเพื่อนกันและจากเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา คุณควรจะร่วมมือกับเขาคอยให้แนะนํากับเขาเพื่อแก้แค้นผมนี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถาม
เค่อเหวินเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “จําเรื่องที่ฉันเคยเสนอไปครั้งก่อนได้ไหม?”
เซี่ยเหลียนึกย้อนกลับไปในตอนที่ตระกูลหมดอํานาจ เค่อเหวินได้ถอดชุดราตรีของเธอออกและใช้เรือนร่างของเธอยั่วยวนให้เซี่ยเหลียร่วมมือกับเธอเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อของเธอแน่นอนว่าตอนนั้นเซี่ยเหลี่ยปฏิเสธเธอไปและก็ไม่ได้คาดหวังว่าตอนนี้เธอยังจะต้องการมันอยู่และจะพูดขึ้นในเวลานี้ด้วย
“สิ่งที่ฉันเคยบอกไปก็ยังเป็นสิ่งที่ฉันต้องการจนถึงตอนนี้ ข้อเสนอที่เคยเสนอไปก็ยังมีผลจนถึงตอนนี้…” เค่อเหวินพูด
“เค่อเหวิน ผมขอบคุณมากที่เตือนผม แต่…” เซี่ยเหลียพูดแต่จู่ๆเขาก็หยุดและเปลี่ยนความคิดก่อนจะพูดไปด้วยน้ําเสียงเรียบง่ายว่า”คุณพร้อมจะทําอย่างที่พูดจริงๆงั้นเหรอ คุณต้องการอย่างนั้นจริงๆงั้นเหรอ? แต่ยังไงก็เถอะคุณไม่ใช่สเปคของผม”
“เฮ้…” กู้เค่อเหวินยิ้มก่อนจะพูดอีกว่า “คุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ แต่ยังไงซะถ้าคุณตกลง ฉันก็สามารถช่วยอะไรคุณได้หลายอย่างเช่นกันแม้ว่าตอนนี้ตระกูลจะสูญเสียอํานาจไปแล้วแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดตอนนี้ฉันยังมีลูกน้องที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน พวกเขาเป็นแหล่งข้อมูลที่หาซื้อด้วยเงินไม่ได้และด้วยพวกเขาเหล่านั้นสามารถช่วยเหลือคุณได้มากมายมันสามารถทําให้ความเจริญของบริษัทของคุณไล่ตาม บริษัทเหวี่ยนเทียนได้ทันภายในสิบปี !”
แม้ว่าในความเป็นจริงสถานการณ์บริษัทของเซี่ยเหลี่ยในตอนนี้ ไม่จําเป็นจะต้องใช้เวลามากถึงสิบปีถึงจะไล่ตามทันบริษัทเหวียนเทียนทันแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เค่อเหวินพูดมาก็มีเหตุผลหากได้เธอมาเป็นผู้ช่วยคงจะดีไม่น้อยเพราะเธอมีลูกน้องที่มีประสิทธิภาพไม่อย่างนั้นเฉินตูเทียนหยินคงไม่รับเธอเข้ามาเป็นผู้ช่วยอย่างแน่นอน
ด้วยข้อเสนอของเค่อเหวินในตอนนี้ทําให้เซี่ยเหลี่ยค่อนข้างจะลังเลใจอยู่เหมือนกัน
“ถ้าเปลี่ยนใจยังไงก็บอกหล่ะ” เค่อเหวินพูด “ตอนนี้ฉันจะพยายามเกาะติดกับอันซูฮยอนให้มากที่สุดจากนั้นจะรายงานทุกความเคลื่อนไหวของเขากับคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เช่นกัน”
ในความจริงเซี่ยเหลี่ยควรจะพูดขอบคุณอย่างสุภาพกับเธอแต่อย่างไรก็ตามปากเขาหนักเกินกว่าจะพูดมันออกมาได้
ด้านกู่เค่อเหวินพูดเสร็จก็วางสายทันที
เซี่ยเหลี่ยแอบคิดในใจทันทีว่า “ตระกูลต้องสูญเสียอํานาจไปก็เพราะเรา กู้ดังชานต้องตายรวมถึงเค่อหวินก็ถูกคุมขังคิดยังไงก็ไม่มีทางที่เธอจะไม่เกลียดเราได้แต่เธอกลับไม่ต้องการแก้แค้นเราและยังขอให้เราร่วมมือกับเธอเพื่อช่วยเธอแก้แค้นให้กับพ่อของเธอถ้าเราเชื่อเธอก็คงจะต้องเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ “
“กู้เค่อเหวินเธอเป็นผู้หญิงฉลาด เธอสามารถคิดเรื่องแค่นี้ได้แน่ๆ แต่ทําไมเธอถึงยังทําแบบนี้กันหล่ะ?” เซี่ยเหลียยังคงสงสัยและหาคําตอบไม่ได้
ไม่เพียงแต่ไม่คิดจะกลับมาแก้แค้นแต่กลับต้องการให้ความช่วยเหลือด้วยซ้ํา เค่อเหวินต้องการอะไรกันแน่?
การกลับมาของกู้เค่อเหวินในครั้งนี้ เธอกลายเป็นคนที่เข้าใจยากจริงๆ
เซี่ยเหลี่ยรีบเดินไปขึ้นรถและรีบออกรถอย่างเร็วแม้ว่าในหัวของเขาจะเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายแต่เมื่อเขาคิดกลับไปถึงเจียงหยู่ยี่ก็ทําให้หัวใจเขากลับมาอบอุ่นอีกครั้ง
เซี่ยเหลี่ยขับรถด้วยความเร็วบนถนนที่การจราจอดปลอดโปร่งไปเรื่อยๆจู่ๆก็มีรถจักรยานยนต์คนหนึ่งขับปาดหน้ารถของเขาก่อนที่จะโยนอะไรบางอย่างที่สีขาวๆให้ไปติดกับกระจกหน้ารถของเซี่ยเหลียด้วย ความสงสัยทําให้เซี่ยเหลี่ยมองดูด้วยความประหลาดใจและเมื่อมองใกล้ๆก็พบว่ามันคือหมากฝรั่ง
แน่นอนว่านี้คือสารจากเยเลน่า
หลังจากทิ้งหมากฝรั่งไว้เสร็จ เธอก็เร่งเครื่องและขับหายไปจากสายตาของเซี่ยเหลี่ยทันที
เซี่ยเหลยรีบเปิดไฟเลี้ยวและหาที่จอดข้างทาง ไม่ถึงสิบวินาทีก็เจอที่จอด เขารีบลงจากรถและเดินไปหยิบหมากฝรั่งที่แปะอยู่ตรงกระจกทันที
“เธอต้องส่งข้อความผ่านทางหมากฝรั่งทุกครั้งสินะ” เซี่ยเหลียบ่นขณะเดินไปหยิบหมากฝรั่งและเดินกลับมาขึ้นรถ
ในหมากฝรั่งซ่อนข้อความสั้นๆไว้ว่า: ถึงลูกชาย พ่อต้องการปืนไรเฟิลของลูก และที่สําคัญเตรียมปืนไรเฟิลสําหรับไปประเทศรัสเซียให้ดีเพราะในประเทศจีนตอนนี้มีใครบางคนกําลังเริ่มจับตาดูลูกอยู่พ่อยังไม่รู้ว่าเป็นใครแต่กําลังตรวจสอบถึงแรงจูงใจและเหตุผลของพวกมันอยู่ได้เรื่องเมื่อไหร่จะติดต่อไปอีกครั้ง
บนกระดาษที่อยู่ในหมากฝรั่งเป็นลายมือของเซี่ยฉางห่ายแสดงให้เห็นว่าข้อความนี้เชื่อถือได้แน่นอนเพราะพ่อของเขาเขียนด้วยตัวเอง
“พ่อต้องการปืนไรเฟิลของเรางั้นเหรอ” เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขึ้นก่อนจะพูดต่อว่า “เขาจะมาเอาด้วยตัวเองสินะ”
ด้วยตัวเองสวย ต้องการสินใน
เมื่อคิดไปว่าจะได้เจอพ่อ เซี่ยเหลี่ยก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยสําหรับการที่จะได้เจอกันครั้งแรกในรอบหกปี!
เซี่ยเหล่ยห่อกระดาษกลับเข้าไปในหมากฝรั่งก่อนจะทิ้งออกไปข้างทางจากนั้นก็กําลังจะออกรถเพื่อเดินทางต่อแต่แล้ว….
กริ้งงงง กริ้งงงง…
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาพอดี
“ใครกันนะ?” เซี่ยเหลี่ยคิดในใจก่อนจะหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาดูพบว่าเป็นเจียงหยยี่ เขาจึงรับสายทัน
“ตอนนี้คุณอยู่ที่สนามบินแล้วหรือยัง?” เจียงหยูยถาม
“ไม่ ผมอยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนหนึ่งคืนแล้วพรุ่งนี้ผมค่อยกลับ” เซี่ยเหลี่ยพูด
“ฉันก็นึกว่าคุณจะกลับเลยทันที ถ้าอย่างนั้นคุณกินอะไรหรือยัง?” เจียงหยูยถาม
“ยังเลย คุณหล่ะถ้ายังเราไปหาอะไรกินกันไหม ?” เจียงหยูยถาม
“เอาสิ คุณจําร้านบาบีคิวที่เราเคยกินกันตอนสมัยเรียนได้ไหม ฉันอยากไปกินที่นั่น คุณสนใจไปกับฉันรึปล่าว ?” เจียงหยยพูดด้วยน้ําเสียงออดอ้อน
“ได้ งั้นผมจะรีบไปรับคุณที่โรงพยาบาล” เซี่ยเหลี่ยพูดเสร็จก็วางสายจากนั้นก็รีบออกรถเพื่อกลับไปยังโรงพยาบาลทันที
ภายในโรงพยาบาลหยางหยุ่นได้ยินที่เจียงหยูพูดทุกคํา เธอยกนิ้วโป้งให้ลูกสาวของตัวเองหนึ่งครั้งก่อนจะพูดว่า “ถูกแล้ว ผู้หญิงควรจะพูดจาด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนและน่าฟังไม่ใช่พูดอย่างกับเด็กผู้ชายเหมือนก่อนหน้านี้เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากแต่งงานด้วยหรอกนะ “
“แม่” เจียงหยูยพูดขึ้นเพราะเธอรู้สึกอาย
“เอาล่ะๆ ไม่พูดแล้ว” หยางหยื่นพูด
ในเวลาเดียวกันตรงมุมมืดของถนนที่เซี่ยเหล่ยหยุดรถก่อนหน้านี้ มีชายร่างสูงคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะโทรออกและพูดเป็นภาษาเกาหลีว่า “ท่านประธานดูเหมือนจะมีปัญหาเกิดขึ้น”
เสียงจากโทรศัพท์ตอบกลับมาว่า “ปัญหาอะไร? “
ชายร่างสูงตอบกลับไปว่า “มันก็ไม่เชิงแต่มันค่อนข้างแปลก ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอ….”
ชายร่างสูงยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆเขาก็โดนเข็มฉีดยาฉีดเข้าที่คออย่างรวดเร็ว มันรวดเร็วจนเขาไม่ทันจะได้ป้องกันตัว
หลังจากโดนฉีดยาบางอย่างไปหนึ่งวินาที ชายร่างสูงก็กําลังจะล้มลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นแต่ยังไม่ทันจะถึงพื้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปพยุงตัวเขา จากนั้นก็พาขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนนอย่างรวดเร็วระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่ที่ผู้ชายคนนั้นถูกฉีดยาจนพาเขาขึ้นรถใช้เวลาไปไม่ถึงยี่สิบวินาทีด้วยระยะเวลาที่น้อยแค่นี้ทําให้ไม่มีใครสนใจช่วงเวลาที่เขาลงมือเลย
ติดตามตอนต่อไป….