Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 361
TXV – 361 กับดัก !
ใกล้ๆกับเวที บนเก้าอี้ตัวหนึ่งมีชายอ้วนคนหนึ่งนั่งหลับตาอยู่ด้วยท่าทางที่สงบ จู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าทําให้เขาเห็นเซี่ยเหลี่ยและหลงบิงกําลังเดินเขามา เขาจึงพูดเป็นภาษาเกาหลีไปว่า “คุณเป็นใคร? คุณเข้ามาได้อย่างไร? “
เซี่ยเหลียและหลงบิงไม่ได้ตอบ ทั้งคู่เดินเข้าไปและหยุดอยู่ตรงหน้าเขาโดยเว้นระยะไว้ประมานหนึ่ง
“ไอบ้าเอ๊ยยยยย!” คนอ้วนที่เห็นว่าท่าไม่ดีแล้วได้หยิบจอบที่อยู่บนพื้นและตรงไปหาเซี่ยเหลียและหลงบิงดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย เขาพร้อมที่จะฟาดจอบออกไปเมื่อเข้าระยะโจมตี
ในเวลานี้ลู่เชิงได้ยินเสียงพูด ทําให้เขาลืมตาขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไปให้พัน…..”
เสียงของลู่เชิงที่เปล่งออกมาดูเป็นเสียงของคนที่อ่อนแอมาก คล้ายกับคนไม่มีแรง
คนอ้วนยกจอบขึ้นมาและพยายามจะตีไปที่หัวของเซี่ยเหลียอย่างสุดแรงของเขาที่เขาจะทําได้
เซี่ยเหลี่ยไม่ได้หลบหนีไปด้านไหน เขายื่นมือออกไปและคว้าข้อมือของคนอ้วนจากนั้นก็จับลงมา พร้อมกับตีเข่าไปที่แขนเขาอย่างแรงจากนั้นก็เตะไปที่เท้าของเขาอีกหนึ่งครั้ง ทําให้เขาล่วงลงไปกองกับพื้นพร้อมจอบที่เขาใช้ทุบ
“ไอ้ลูกหมา!” เสียงของคนอ้วนคนนั้นพูดเป็นภาษาจีนและพูดต่ออีกว่า “ไปตายซะ!”
สิ้นเสียงพูดของเขา หลงบิงก็เดินเข้าไปหาพร้อมเตะจอบให้ห่างออกไป จากนั้นก็จับขาของชายอ้วนทั้งสองข้างขึ้นมา พร้อมเหยียบไปตรงระหว่างขาของเขาอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นชายอ้วนก็แหกปากร้องด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเหี่ยวย่นคิ้วขมวดเพราะทนความเจ็บไม่ไหว ตรงบริเวณระหว่างขานั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นจุดอ่อนของทุกๆคน
แต่ที่สําคัญคือด้วยความเจ็บปวดและความกลัวทําให้เขานี่ออกมารดกางเกงตัวเอง และในตอนนี้มันส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว
เซี่ยเหลี่ยมองไปที่หลงบิงด้วยท่าทางที่ตกใจ
หลงบิงหันกลับมาพูดกับเซี่ยเหล่ยว่า “ยังไงล่ะ? ยังไม่รีบไปช่วยเขาอีกงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหลียได้สติแล้วรีบเดินขึ้นไปบนเวที
“หนีไป….. “ ลู่เชิงพูดด้วยน้ําเสียงที่อ่อนแรงอีกครั้ง
เซี่ยเหลี่ยสงสัยในสิ่งที่ลู่เชิงพูดจากนั้นก็พูดต่อว่า “หมายความว่าไง?” แม้ว่าเขาจะพูดอยู่แต่มือของเขาก็ไม่หยุดตัดเชือกที่มัดมือของลู่เชิงเอาไว้อยู่ด้วยมีดทหารอย่างรวดเร็ว
“นี่คือ …………”ลู่เชิงพูด
เมื่อเชือกคลายเรียบร้อยแล้วร่างกายของลู่เชิงก็พร้อมจะล้มลงกับพื้น
เซี่ยเหลียคว้าตัวของลู่เชิงเอาไว้ไม่ให้ลมจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “พูดมาเร็วๆ”
“กับดัก….. ” ลู่เชิงเปร่งเสียงออกมาสั้นๆสองพยางค์ด้วยน้ําเสียงที่อ่อนแรงของเขาพร้อมกับพิงไปที่ไหล่ของเซี่ยเหลี่ยเหมือนกับคนไม่มีแรงที่จะยืน
หลงบิงตอบสนองคําพูดของลู่เชิงทันที เธอหยิบปืนพกขึ้นมาและเล็งไปที่ประตูลิฟท์อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ตัวเลขที่แสดงว่าลิฟต์อยู่ชั้นไหนยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว มันยังคงอยู่ในตําแหน่งเดิมแสดงว่ายังไม่มีใครใช้ลิฟต์ตัวนี้
เซี่ยเหล่ยก็เช่นกัน เขากระตุกตาซ้ายของเขาเล็กน้อยพร้อมใช้ความสามารถ จากนั้นก็มองออกไปรอบๆอย่างรวดเร็วและทั่วพื้นที่ทําให้รู้ว่าภายในชั้นใต้ดินตอนนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้วนอกจากพวกเขาแถมบนผนัง หรือเพดานก็ไม่มีกล้องวงจรปิดเช่นกัน
“เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” เซี่ยเหลี่ยรีบพูด
หลงบิงพยักหน้าพร้อมเดินนําร่องไปที่ประตูลิฟต์และพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กว่า “เจ้าหน้าที่หวู่สถานการณ์ข้างบนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าหน้าที่หรูในวินาทีแรกที่เธอถามแต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงของใครคน หนึ่งพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กขึ้นมาแทนว่า “ฮ่าฮ่า… คุณมันไร้เดียงสาจริงๆ คุณคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน? “
นี่คือเสียงของอันซูฮยอน
หลงบิงได้ตอบกลับไปอย่างเยือกเย็นว่า “อันซูฮยอน ฉันไม่รู้ว่าคุณกําลังคิดอะไรอยู่แต่ที่นี่คือประเทศจีน!”
“ผมไม่สนใจ! ผมคืนอันซูฮยอน!” อันซูฮยอนพูดพร้อมหัวเราะเยาะ “นี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเราก็ว่าได้ เซี่ยเหลี่ยผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าผมจะต้องทําให้คุณมาคุกเข่าขอโทษผมตรงหน้าให้ได้ดูเหมือนว่าวันนั้นจะมาถึงแล้วนะ ฮ่าฮ่า…”
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปว่า “เอาล่ะ ผมจะขอโทษคุณจะให้ขึ้นไปด้านบนหรือคุณจะลงมาหาผมด้านล่างนี่หล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า …… คุณยังต้องการที่จะขึ้นมาอีกงั้นเหรอ? ไม่มีทางหรอกนะ” อันซูฮยอนพูดด้วยน้ําเสียงเยาะเย้ย
จังหวะนี้หลงบิงได้เดินไปยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์ เธอเอื้อมมือไปด้านหน้าเพื่อจะกดปุ่มให้ลิฟต์เปิดประตู แต่กลับกันลิฟต์ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลยแม้แต่น้อย
ลิฟต์ตัวนี้เป็นช่องทางเดียวที่จะขึ้นไปด้านบนได้ซึ่งตอนนี้มันใช้ไม่ได้แล้วทําให้หลงทิ้งเซี่ยเหลียและลู่เชิงจะต้องติดอยู่ที่นี่ นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสําหรับเซี่ยเหลี่ยและหลงบิงแต่กับลู่เชิงแล้ว…มันเลวร้ายยิ่งกว่า นั่นก็เพราะบาดแผลของเขาต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
หลงบิงเตะไปที่ประตูลิฟต์หนึ่งครั้งแต่มันก็ยังคงไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด
จังหวะนี้เซี่ยเหลี่ยได้วางลู่เชิงไว้ที่พื้นพร้อมเดินไปยืนอยู่หน้าลิฟต์ ก่อนจะเตะออกไปที่ประตูลิฟต์อย่างรุนแรง แต่ยังไงประตูลิฟต์ก็ยังไม่เปิดเซี่ยเหลี่ยทําได้เพียงแค่ประตูลิฟต์ยุบเข้าไปด้านในเท่านั้น
หลงบิงกําหมัดพร้อมทุบไปที่ประตูลิฟต์อีกครั้งแต่มันก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมา
เซี่ยเหลยตัดสินใจถีบไปที่ประตูลิฟต์อีกครั้ง
ปัง!! ครั้งนี้ได้ผลประตูลิฟต์เปิดออกแล้ว
นี่ดูเหมือนเป็นการกระทําที่ดูจะไร้เหตุผลในตอนแรก แต่จริงๆแล้วมันคือกลยุทธ์ที่พวกเขาคิดออกมาเหมือนกันในเวลาเดียวกันได้ พวกเขาคิดจะออกไปจากที่นี่โดยใช้ลวดสลิงของลิฟต์
จังหวะนี้หลงบิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อเตรียมจะโทรออกขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่สามารถโทรได้ นั่นก็เพราะห้องใต้ดินนี้ไม่มีสัญญาณเลยแม้แต่น้อย
“ไร้ประโยชน์” อันซูฮยอนพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กและยังพูดต่ออีกว่า “ผมรู้ว่าพวกคุณจะทําอย่างไรต่อ หากต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ดังนั้นผมจึงเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยสําหรับพวกคุณโดยเฉพาะ”
จู่ๆภายในช่องระบายอากาศชั้นใต้ดินก็มีควันสีขาวลอยออกมามากมายกระจายไปทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว
มันไม่ใช่ไอน้ําธรรมดาๆและหลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเหลียและหลงบิงรับรู้ได้ทันที
“แก๊สยาสลบ!” หลงบิงพูดพร้อมกับรู้สึกกังวลใจขึ้นมาเพราะพื้นที่แคบๆและเป็นพื้นที่ปิดแบบนี้ มันจะทําให้พวกเขาทั้งหมดไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย!
แม้ว่าประตูลิฟต์ตอนนี้จะสามารถเปิดได้แล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ในสถานการณ์ที่สุดโต่งตอนนี้
แก๊สยาสลบในตอนนี้เริ่มกระจายภายในชั้นใต้ดินมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
เนื่องจากสภาพร่างกายตอนนี้ของลู่เชิงอ่อนแอมาก ดังนั้นเมื่อเขาได้รับแก๊สยาสลบเพียงเล็กน้อยก็ทําให้เขาเป็นลมสลบไปในทันที
สถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ทําให้เความเครียดของเซี่ยเหลี่ยเองก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกันแม้กระทั่งความกลัวก็เริ่มที่จะเขามาครอบงําตัวเขาเล็กน้อยแล้วแต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น จู่ๆเขาก็รู้สึกแปลกๆกับร่างกายของตัวเอง มันรู้สึกร้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและสุดท้ายสมองของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลง!
มันเป็นสิ่งที่อธิบายด้วยคําพูดได้ยาก
สมองของเขาได้เปลี่ยนเป็นเครื่องมือที่มีความคิดที่ระเอียดและแม่นยําสูง ความคิดของเขาไหลออกมาอย่างรวดเร็ว ทําให้ในวินาทีถัดมาความคิดที่ดีที่สุดก็ผุดขึ้นมาในสมองของเขา มันเป็นความคิดที่ดีที่สุดที่รวมปัจจัยในทุกๆด้านรวมถึงสภาพแวดล้อม ณ ปัจจุบันเข้าไปด้วย!
ในขณะที่สมองคิดวิธีทางได้แล้ว ร่างกายของเขาก็ตอบสนองอย่างทันทีเช่นกัน เขาถอดเสื้อรวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกจากนั้นก็ปลดกางเกงและนี่ไปที่เสื้อของตัวเองให้เปียกชุ่ม
“คุณ … ” หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหลี่ยด้วยความตะลึงแม้ว่าเธอจะเห็นเซี่ยเหลี่ยจากด้านหลัง แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าน้ําที่ออกมาจากระหว่างขาของเขานั้นเป็นน้ําอะไร
เซี่ยเหลี่ยพูดกับหลงบิงโดยไม่ได้หันไปมองที่เธอว่า “เร็วเข้า รีบทําตามผม!”
ใบหน้าของหลงบิงเป็นสีแดงทันทีเรื่องที่เซี่ยเหลี่ยขอนี้เธอไม่อยากที่จะทําตาม!
แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังคงพูดต่ออีกว่า “ไม่มีเวลาแล้ว เร็วเข้า!”
จู่ๆหลงบิงก็ได้เข้าใจแล้วว่าเป้าหมายของเซี่ยเหล่ยต้องการที่จะทําอะไร เธอรีบถอดเครื่องสื่อสารขนาดเล็กออก พร้อมกับถอดเสื้อของตัวเองลงไปตั้งไว้ที่พื้นจากนั้นก็พูดกับเซี่ยเหล่ยว่า “คุณ … คุณช่วยฉีมาที่เสื้อของฉันหน่อยสิ “
“คุณบอกช้าไปแล้ว” เซี่ยเหลี่ยตอบ
สถานการณ์ในตอนนี้ของหลงบิงไม่มีทางเลือกมากแล้ว
เซี่ยเหลียหันไปที่เธอและพูดขึ้นอีกครั้งว่า “เร็วเข้า! คุณอยากจะตายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? เวลานี้ไม่จําเป็นต้องอายแล้ว เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นคุณได้ตายอยู่ที่นี่จริงๆแน่? “
หลงบิงกัดฟันจากนั้นก็ถอดกางเกงและกางเกงในออกพร้อมนั่งยองๆลงที่พื้นและใส่เสื้อของตัวเอง
ฉือออออ
เสื้อของเธอค่อยๆเปียกอย่างช้าๆจนในที่สุดก็เปียกจนทั่ว!
หลังจากผ่านไปหลายวินาที หลงบิงก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เธอจึงหันกลับไปมองที่เซี่ยเหลี่ยและก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง
เซี่ยเหลี่ยรีบหยิบเสื้อของตัวเองขึ้นมาจากพื้นจากนั้นก็หันไปรอบๆและแสร้งว่าไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น
“ถ้าออกไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะคิดบัญชีกับคุณแน่” หลงบิงพูดพร้อมกับใส่กางเกงให้เรียบร้อยและหยิบเสื้อที่เปียกไปด้วยฉีขึ้นมาปิดปากและจมูกตัวเองเอาไว้
แม้ว่าจะเป็นกลิ่นของตัวเองแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทนได้เหมือนกัน
แก๊สยาสลบได้กระจายไปทั่วจนมาถึงพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
แก๊สยาสลบตอนนี้ได้เข้ามาแทนที่สภาพอากาศรอบๆ ทําให้การมองของพวกเขาแย่ลงมากขนาดที่ว่าแม้จะอยู่ข้างกันแต่ก็มองไม่เห็นซึ่งกันและกันเลย
หลงบิงพยายามจะเดินเข้าลิฟต์แต่ก็เสียหลักชนกับเซี่ยเหลียเข้า จึงทําให้เธอเสียการทรงตัวและไปนอนทับตัวของเขา และเป็นความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อแขนของเธอก็ไปสัมผัสเข้ากับส่วนสําคัญของเซี่ยเหลี่ยเข้า เธอหน้าแดงทันทีเพราะมันกําลังแข็งตัวอยู่
“น่าเกลียด คุณกําลังนึกภาพลามกๆอยู่สินะ!” หลงบิงพูดพร้อมเขกหัวของเซี่ยเหลียหนึ่งครั้ง
เซี่ยเหลียจับไปที่ข้อมือของเธอจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เงียบไว้” จากนั้นก็จับมือของเธอพร้อมพาเดินไปยังประตูลิฟต์ แม้ว่าตอนนี้รอบๆข้างของพวกเขาจะเต็มไปด้วยแก๊สยาสลบสีขาวแต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อสายตากา รมองเห็นของเซียเหล่ย เขาสามารถเดินไปยังประตูลิฟต์ได้อย่างสบาย
พวกเขาเดินมาถึงประตูลิฟต์และเปิดมันออกอย่างเงียบๆ
จู่ๆเสียงของอันซูฮยอนออกมาจากเครื่องสื่อสารขนาดเล็กว่า “เซี่ยเหลีย ทําไมคุณไม่พูดหล่ะ? ตอนนี้ผมจะให้โอกาสคุณด่าผมเลยนะ ไม่ต้องการงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหลี่ยไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะเขารู้ว่าอันซูฮยอนต้องการจะเช็คว่าพวกเขาสลบไปแล้วหรือ ยังแน่นอนว่าถ้าพูดออกมาเขาจะต้องรู้อย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามเซี่ยเหลียได้ถอดไมโครโฟนสําหรับการสื่อสารออกไปก่อนหน้านี้แล้ว นั่นก็เพราะป้องกันเสียงที่อาจจะเล็ดลอดออกมาในระหว่างที่พวกเขาเดิน
“ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนเก่งแต่ผมจะบอกเอาไว้เลยว่าทุกอย่างมันจะไร้ประโยชน์เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับผม อันซูฮยอนคนนี้! ฮ่าฮ่าฮ่า” อันซอยอนพูดเยาะเย้ยและพูดต่ออีกว่า “อยากรู้ไหมว่าต่อไปคุณต้องเจอกับอะไร? “
ติดตามตอนต่อไป…