Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 358
TxV – 358 ล้วงความลับ !
ในตอนนี้ตํารวจได้เข้ามาภายในและรวบตัวอันซูจุนที่กําลังบ้าคลั่ง
ส่วนอเลน่าก็ได้ขับรถ SUV พาเซี่ยเสวียกลับโรงงานผลิตอาวุธส่วนเซี่ยเหล่ยก็ออกมาด้านนอกพร้อมเรียกรถแท็กซี่และตรงไปยังสํานักงานลับ 101
เมื่ออยู่บนรถแท็กซี่แล้ว เซี่ยเหล่ยได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพยายามที่จะโทรหาลู่เชิงแต่ก็ไม่สา มารถติดต่อได้นั่นก็เพราะโทรศัพท์ของเขาปิดเครื่อง
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยได้ให้เขาทําหน้าที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ความหมายที่แท้จริงของตําแหน่งก็คือการให้เขาคอยปกป้องเซี่ยเสวียซึ่งครั้งนี้เขาควรจะอยู่กับเธอแต่เขากลับหายไปและไม่สามารถติดต่อได้
เซี่ยเหล่ยมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดอะไรบางอย่างที่ไม่ดีขึ้นกับลู่เชิง
ซึ่งถ้าหากมีลู่เชิงอยู่ เซี่ยเสวียจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ นั่นก็เพราะเขามี ประสบการณ์ในการเป็นกองกําลังพิเศษแถมยังศึกษาหมัดหวิงชุนมาหลายปีแล้วด้วย อันซูจุนไม่มีทางได้เข้า ใกล้เธอแน่ๆ แผนของอันซูฮยอนและอันซูจุน ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้
การที่อันซูฮยอนและอันซูจุนเริ่มแผนในวันนี้ก็คงเป็นเพราะลู่เชิงไม่ได้อยู่กับเซี่ยเสวียด้วย!
ยิ่งคิดเรื่องนี้เท่าไหร่ เซี่ยเหล่ยก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้นเพราะสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดมากที่สุดก็คือ การที่มีคนอื่นมาทําร้ายน้องของเขาแต่อันซูจุนก็ได้ทําเรื่องนี้ขึ้น เขาจะต้องรับผิดชอบ!
เซี่ยเหล่ยนั่งรถมาเรื่อยๆ จนมาถึงสํานักงานลับ 101 เขาก็เจอเข้ากับหลงบังตรงทางเข้า
“ฉันเพิ่งได้รับข่าว” ไม่ทันที่เซี่ยเหล่ยจะได้พูดหลงบิงก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนและก็พูดต่ออีกว่า “ตอนนี้คุณใจเย็นๆก่อน”
เซี่ยเหล่ยตอนนี้คล้ายกับสัตว์ร้าย เขาพร้อมที่จะลงมือกับใครหน้าไหนก็ได้หากว่าคนๆนั้นมาทําร้ายเซี่ยเสวีย
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ผมทํางานให้กับสํานักงานลับ 101 แต่ตอนนี้กลับมีศัตรูที่คิดแก้แค้นผมด้วยการใช้น้องสาวของผมเป็นเหยื่อ คุณจะให้ผมใจเย็นงั้นเหรอ แถมบอดี้การ์ดของน้องสาวผมก็หายไปและไม่สามารถติดต่อได้เลย คุณจะให้ผมใจเย็นได้อีกอย่างนั้นเหรอ?”
หลงบิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลู่เชิง แม้ว่าเขาจะเป็นคนมีความสามารถแต่ฉันคิดว่าเขาไม่เหมาะสมเท่าไหร่หรอกนะที่จะทําหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับน้องสาวของคุณ”
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า “คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
“เอาล่ะ ฉันรู้ว่าคุณไม่พอใจแต่ก็ใจเย็นก่อน ” หลงบิงพูดต่อว่า “ฉันคิดว่าที่จริงแล้วลู่เชิงควรจะบอกคุณว่าตอนนี้น้องสาวของคุณกําลังมีความรักหรือคบอยู่กับใคร ” หลงบิงพูด
“เซี่ยเสวียเป็นคนที่รักอิสระมาก ผมเดาว่าเธอคงจะแอบคุยกับอันซูจุนโดยที่ลู่เชิงอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็เป็นได้หรือไม่ก็ลู่เชิงอาจจะรู้เรื่องนี้แล้วแต่น้องสาวของผมก็บอกกับเขาว่าไม่ให้บอกผม ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริงผม ก็ไม่โทษเขาหรอกนะ” เซี่ยเหล่ยพูด
หลงบิงยักไหล่ก่อนพูดขึ้นว่า “ฟังจากที่คุณพูดมา คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่?”
“แม้ว่าผมจะไม่พอใจที่เขาหายตัวไปแต่ผมก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล” เซี่ยเหล่ยพูดต่ออีกว่า “และการที่ผมมาที่นี่ก็เพราะต้องการให้อันซูจุนถูกสอบสวนและผมจะต้องเป็นคนสอบสวนเขาด้วยตัวเอง
“นี่….” หลงบิงพูดและพูดอีกว่า “ฉันต้องถามผู้บริหารฉือก่อน”
ประตูสํานักงานลับเปิดออกอย่างกระทันหันและฉือโบเหยียนเป็นคนเปิดประตูออกมาเอง เขาเดินออกมาจากทางเข้าพร้อมพูดกับเซี่ยเหล่ยและหลงยิ่งว่า “มันจะเป็นการสอบสวนแบบตรงไปตรงมาหรือไม่? หากเป็นแบบนั้นก็ไม่มีปัญหา! แต่ห้ามทําอะไรเกิดกว่าเหตุเด็ดขาด!“
เซี่ยเหล่ยหันไปพูดกับฉือโบเหยียนทันทีว่า “ขอบคุณ ผู้บริหารฉือ”
ฉือโบเหยียนได้หันมาพูดกับเซี่ยเหล่ยอย่างจริงจังว่า “แต่ผมจะบอกอะไรเอาไว้ก่อนเลยว่าหากคุณทําอะไรเกินกว่าที่ควรจะเป็นแล้วเรื่องมันมาถึงผมจนทําให้ผมตกงาน ผมจะคิดบัญชีกับคุณแน่ๆ”
บนใบหน้าของเซี่ยเหล่ยยังคงมีรอยยิ้มและพูดกลับไปว่า “ขอบคุณอีกครั้ง ผู้บริหารฉือ”
“เอาหล่ะ รีบไปกันได้แล้ว “ฉือโบเหยินพูดพร้อมสะบัดมือให้พวกเขารีบไปได้แล้ว
จังหวะนี้ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะเดินไปเขาได้หันกลับมาพูดก่อนว่า “ผู้บริหารฉือ ความจริงเรื่องนี้ผมไม่ได้มีส่วนผิดเลยนะเพราะถ้าผมไม่ได้ไปเกาหลีใต้เพื่อขโมยดาบอาทิสล่ากลับมา ผมก็คงไม่กลายเป็นศัตรูกับอันซูฮยอน “
ฉือโบเหยียนจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยเพราะอยากจะเถียงในสิ่งที่เขาพูดแต่ก็ไม่มีคําพูดใดลบล้างคําพูดของเซี่ยเหล่ยได้เพราะนั่นคือความจริงที่เกิดขึ้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เซี่ยเหล่ยและหลงบิงได้หนังสืออนุญาตและกําลังเดินทางไปยังสถานีตํารวจที่คุมขังอันซูจุนเอาไว้
ผู้กํากับหลี่ได้รับหนังสืออนุญาตจากเซี่ยเหล่ยและหลงทิ้งเมื่อเขาทําความเข้าใจข้อความภายในหนังสืออนุญาตแล้วเขาก็พาเซี่ยเหล่ยและหลงวิ่งไปที่ห้องคุมขังของ อันซูจุน
ในขณะนี้อันซูจุนนั่งอยู่ภายในห้องขังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันมาเห็นเซี่ยเหล่ยผู้ซึ่งกําลังเดินเข้ามา เขาก็รีบพุ่งตัวมาจับรั้วเหล็กพร้อมพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ไอ้สารเลว! ผมจะฟ้องคุณ! “
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยไม่สนใจคําขู่ของอันซูจุนแม้แต่น้อย….
ผู้กํากับหลี่ขมวดคิ้วก่อนพูดว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่หยิ่งมาก เขาพูดซ้ําๆเพียงแค่ว่าเขาเป็นคนเกาหลี เขาต้องการพบเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลและทนายความ เราได้เชิญล่ามเพื่อมาคอยแปลภาษาเพื่อต้องการสื่อสารกับเขาแต่เมื่อพูดภาษาเกาหลีกับเขาแต่เขาดันพูดภาษาอังกฤษตอบกลับมา “
“คุณมาจับผมเรื่องอะไร คุณควรจะจับตัวผู้ชายคนนี้มากกว่า เขาเป็นคนร้าย เขาทําร้ายผมทําไมคุณไม่จับเขาหล่ะ คุณต้องจับเขาสิ!” อันซูจุนพูดอย่างไม่พอใจ
ผู้กํากับหลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดว่า “พูดอะไรของคุณ? เขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่จะมาจัดการเรื่องนี้โดยตรง ดังนั้นผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีกแล้ว”
หลงบิงพูดว่า “ผู้กํากับหลี่ ได้มอบอํานาจให้เราเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้ว”
ผู้กํากับหลี่พูดว่า “เอาหล่ะ ผมยกเขาให้กับพวกคุณ” เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินออกไปทันที
จังหวะนี้อันซูจุนก็ตะโกนออกมาว่า “กลับมาเดี๋ยวนี้! เฮ้…กลับมา! ไอ้บ้าเอ๊ยยย! แล้วถึงจะต้องเสียใจในวันหลัง! “
“คุณใจเย็นๆก่อน” ลองบิงพูดพร้อมกับหยิบกุญแจขึ้นมาและไขประตูห้องขัง
“เฮ้…คนสวย คุณมีเงินเดือนปีนึงเท่าไหร่? ผมจะให้เงินคุณเป็นสองเท่าหากคุณมานอนกับผมหนึ่งคืน ” อันซูจุนพูดด้วยน้ําเสียงและท่าทางที่หยาบคายพร้อมจ้องไปที่หลงทิ้ง
จังหวะนี้หลงบิงก็ได้ใช้เข่ากระแทกไปที่หน้าท้องของ อันซูจุน อย่างรุนแรง เขาล้มลงคุกเข่ากับพื้นทันที
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยเขารู้สึกว่าอันซูจุนเป็นคนที่โง่มากแม้ในเวลานี้เขาก็ยังทําอะไรโง่ๆอยู่
“เอามือมา” หลงบิงพูดอย่างเยือกเย็น เธอต้องการให้เขายื่นมือมาเพื่อจะปลดกุญแจมือ
อันซูจุนลุกขึ้นยืนแน่นอนว่าเขาไม่ได้ทําตามที่เธอสั่ง เขาปิดปากและพร้อมที่จะยั่วอารมณ์ของหลงบิงอีกครั้ง
แต่เขายังไม่ทันจะได้พูดอะไร หลงบิงที่เห็นว่าเมื่อเขาไม่ยอมทําตามคําสั่ง เธอจึงเตะไปที่ระหว่างขาของเขาทําให้เขาจุกอย่างมากและล้มลองไปนอนกองกับพื้นอีกครั้ง
หลังจากอันซูจุนล้มลงไปแล้ว หลงบิงก็จับขาทั้งสองข้างของเขาแยกออกจากกันและใช้เท้าเหยียบไปเต็มแรงตรงเป้าของเขา
“อ๊ากกกก !” อันซูจุนร้องออกมาเสียงดังเสียงมันเหมือนกับหมูกําลังจะโดนเชือด
“เอามือมา” หลงบิงพูดและยังพูดอีกว่า “ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ายังขัดขืนคุณได้เจ็บมากกว่านี้แน่ “
ตอนนี้อันซูจุนก็หลั่งน้ําตาออกมา มันเป็นน้ําตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่พอใจแต่ถึงอย่างนั้นหลงทิ้งก็ไม่อ่อนข้อและยอมปล่อยเขา เธอยังคงเหยียบอยู่ที่เดิมและยังขยเป็นบางครั้ง
อันซูจุนเองก็ยังคงร้องด้วยความเจ็บปวด
เซี่ยเหล่ยเริ่มสงสัยว่าส่วนลับของอันซูจุนยังใช้การได้อยู่อีกไหมเมื่อโดนหลงบิงเหยียบอย่างรุนแรงซะขนาดนั้น
ตอนนี้หลงบิงก็ได้ปล่อยขาทั้งสองข้างของอันซูจุน พร้อมกับเอื้อมมือไปปลดกุญแจมือก่อนที่จะจิกผมของเขาพร้อมกับพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ฉันจะเตือนเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้ายังมาล้อเล่นกับฉันอีก ฉันจะทําให้มันใช้เข้าห้องน้ําไม่ได้อีกตลอดไป”
บนใบหน้าของอันซูจุนซีดทันที มันแสดงให้เห็นถึงความกลัว
“คุกเข่าเดี๋ยวนี้!” หลงบิงตะคอกเสียงดัง
อันซูจุนรีบคุกเข่าทันทีแม้ว่าจะยังเจ็บไม่หาย
กลายเป็นว่าตอนนี้อันซูจุนกลับมายอมทําตามทุกอย่างที่เธอสั่ง
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยหนึ่งครั้งก่อนพูดว่า “ตอนนี้เขาเป็นของคุณแล้ว เริ่มจัดการเลย”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและลากเก้าอี้มาตั้งด้านหน้าอันซูจุนจากนั้นก็ถามเขาไปอย่างเยือกเย็นว่า “ผมมีคําถามง่ายๆเพียงไม่กี่คําถาม คุณจะตอบผมไหม?”
อันซูจุนจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างเย็นชาและทําสีหน้าไม่พอใจ
หลงบิงจิกหัวของอันซูจุนให้เชิดขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับตะคอกอีกว่า “พูดเดี๋ยวนี้!”
“ผม……ผมจะทําตามทุกอย่าง” อันซูจุนพูดโดยอัตโนมัติเห็นได้ชัดว่าเขากลัวหลงบิงมาก
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เอาล่ะ งั้นคําถามแรก คุณเริ่มติดต่อกับน้องสาวของผมนานแค่ไหนแล้ว? “
“ผมและน้องสาวของคุณ…. “อันซูจุนทําท่าทางคิดและพูดขึ้นว่า “เป็นเวลาหนึ่งเดือน”
“คุณทําอะไรไปแล้วบ้างในเวลาที่ผ่านมา?” เซี่ยเหล่ยถามต่อ
“ผมยังไม่ได้ทําอะไรน้องคุณเลย น้องคุณเป็นคนหัวโบราณ ผมใช้เวลากว่ายี่สิบวันจึงจะเริ่มสานความสัมพันธ์ต่อจากคําว่าเพื่อนกับเธอได้”
เขาประสบความสําเร็จโดยใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบวันในการเข้าไปกุมหัวใจของเซี่ยเสวียได้จนในที่สุด เขาก็กลายเป็นแฟนหนุ่มของเธอ
“ค่าถามที่สองของผมคือ ปกติน้องสาวของผมจะมีบอดี้การ์ดอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาแล้วคุณมาใกล้ชิด และทําความรู้จักกับเธอได้อย่างไร?” เซี่ยเหล่ยถามต่อ
“ผมย้ายโรงเรียนมาจากเกาหลีใต้และได้มาอยู่ห้องเดียวกับเซี่ยเสวีย เรากลายเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ในตอนแรกแถมตอนนั้นน้องสาวของคุณเองก็ระวังตัวมากด้วย ดังนั้นบอดี้การ์ดเลยไม่สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างผมและเธอ”
“ผมจะถามคุณอีกสองข้อเป็นคําถามสุดท้าย” เซี่ยเหล่ยพูดต่อทันทีว่า “คุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับอันซูฮยอน? แล้วตอนนี้บอดี้การ์ดของน้องสาวผมอยู่ที่ไหน? “
“ผม….. ” อันซูจุนพูดออกมาได้นิดเดียวก็เอามือมาปิดปากตัวเองไว้
เซี่ยเหล่ยเดินไปหาอันซูจุนพร้อมกับใช้ทั้งสองมือตบไปที่ไหล่ของเขาอย่างแรงและกําลังจะพูดว่า
จู่ๆในขณะนี้ก็มีเสียงฝีเท้าหลายเสียงเดินอยู่ด้านหน้าห้องขัง เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้พูดก็รีบหันไป
“คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะกักตัวประชาชนของประเทศเราไว้!” เป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดออกมาและยังพูดต่ออีกว่า “ผมมีสิทธิ์ในการปกป้องเขาและผมขอใช้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้!”
“ผมเป็นทนายความ!” เป็นเสียงของผู้ชายอีกคนที่พูดขึ้นและยังพูดต่ออีกว่า “ถ้าคุณไม่ทําตามขั้นตอนทางกฎหมาย ผมมีสิทธิ์ที่จะยื่นฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อให้คุณรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น!”
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็คลายมือที่จับไหล่ของ อันซูจุนออกพร้อมกับเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว….
ติดตามตอนต่อไป….