Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 347
TXV- 347 เหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้ !
หนึ่งวันหลังจากนั้น ณ สนามบินนานาชาติกรุงอิสลามาบัดบนเครื่องบนรบพิเศษ
ฉือโบเหยียนได้หยิบหนังสือโบราณที่เซี่ยเหลียนำกลับมาด้วยจากชนเผ่าขึ้นมาอ่านอย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถอ่านมันได้เนื่องจากเป็นภาษาที่อยู่ในหนังสือ เขาไม่เคยเห็นมาก่อนถึงแม้ว่าจะมีอีกหนึ่งเล่มที่ผ่านการแปลให้เป็นภาษาพาสโตแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถอ่านมันได้อยู่ดี
“มันเขียนไว้ว่ายังไงบ้าง?” ฉือโบเหยียนหันไปมองที่เซี่ยเหลี่ยและถามเขาด้วยความสงสัย
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับไปว่า “นี่คือหนังสือโบราณของชนเผ่าเฮปตาไลท์ มันได้บันทึกประวัติความเป็นมาแทบจะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตเกี่ยวกับพวกเขา มันบันทึกเอาไว้เยอะมากรวมถึงเรื่องของเจ้าหญิงหยงเหม่ยด้วยแต่เรื่องของเธอก็ไม่ได้ละเอียดมากขนาดว่าเจาะลึกทุกความเป็นไปของเธอแต่ก็ถือว่าเยอะพอสมควร ผมยืมมันมาจากแคนลามและสุดท้ายก็ต้องเอาไปคืนเธอ
“แล้วคุณจะใช้มันทำประโยชน์อะไร?” หลงบึงพูดแทรกขึ้นมา เธอสงสัยคำพูดตรงประโยคสุดท้ายของเซี่ยเหลียที่ว่าต้องนำกลับไปคืน หลงบิงไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เธอไม่ต้องการให้เขากลับไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
เซี่ยเหลี่ยตอบว่า “ภายในมีตัวหนังสือมากมายซึ่งมันอาจจะเกี่ยวข้องกับราชวงศ์หมิงรวมถึงโลหะประหลาด ผมต้องการให้หนิงจิงช่วยดูมัน เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้บางทีเธออาจจะเจอเบาะแสอะไรเพิ่มขึ้นก็ได้”
ฉือโบเหยียนมองไปที่เซี่ยเหลี่ยและพูดขึ้นว่า ” หนังสือนี้ผมจะนำไปให้หนิงจิง เองส่วนคุณก็หมดหน้าที่จากเรื่องนี้แล้ว เข้าใจใช่ไหม?”
เซี่ยเหลี่ยถอนหายใจเล็กน้อย “ผมคิดว่าคุณต้องการมองหาสถานที่ถัดไป ซึ่งคุณไม่ต้องการให้ผมช่วยแล้วงั้นเหรอ?”
“ในตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็น ถ้าต้องการแล้วผมจะบอกคุณอีกครั้ง” ถือโบเหยียน พูดขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก
คิ้วของเซี่ยเหลียเที่ยวย่นเล็กน้อย เขาค่อนข้างจะอึดอัดและไม่พอใจ เขากระตือรือร้นที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับอัลลอยด์โบราณด้วยความอยากรู้อยากเห็นและต้องการจะหาความจริงเกี่ยวกับมันทำให้เขาต้องการจะทำภารกิจต่อจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งตอนนี้ก็พอจะมีข้อมูลให้สืบหาต่อได้แต่ต้องมาถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำอะไรเพิ่มเติม เขาจึงอึดอัดและไม่พอ
ฉือโบเหยียนเหลือบไปมองใบหน้าของเซี่ยเหลียและถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เหล่ยอย่ารู้สึกอึดอัดหรือไม่พอใจเลย เรื่องนี้มันมีความสำคัญอย่างมากกับประเทศของเราและผมก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวคนเดียว โดยปกติเรื่องนี้จะมีผู้รับผิดชอบอยู่แล้วดังนั้นถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมจะบอกคุณเอง”
หลังจากที่ฉือโบเหยียนได้อธิบายให้เซี่ยเหลียได้ฟังดูเหมือนเขาจะลดความอึดอัดและไม่พอใจลงบ้าง เขาเองก็พอจะเข้าใจว่าด้วยอำนาจของฉือโบเหยียนคงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว
“ เอางั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะขอพูดเอาไว้ก่อนเลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเรื่องนี้ถ้าครั้งหน้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น” เซี่ยเหล่ยพูด
“เจ้าเด็กนี่… “ ฉือโบเหยียนพูดเสร็จก็ยิ้ม
ด้านหลงบิงหรือถ่างหยู่เหยี่ยเมื่อได้ยินเซี่ยเหลี่ยพูดขึ้นก็ไม่ได้มีท่าทางโกรธหรือคิดที่จะตำหนิเขาเนื่องจากตำแหน่งของพวกเธอไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้
“มาดื่มชากันดีกว่า” ถ่างหยู่เหยี่ยได้พูดขึ้นเพื่อไม่ต้องการให้บรรยากาศแย่ไปกว่านี้หลังจากพูดเสร็จเธอก็ส่งถ้วยชาให้กับฉือโบเหยียน
หลังจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “เหล่ย คุณเองก็ดื่มด้วยสิ” พูดเสร็จเธอก็ส่งชาให้กับเซียเหล่ยอีกด้วย
“อืม.ขอบคุณ” เซี่ยเหลี่ยพูดและรับชามาจากถ่างหยู่เหยี่ย
ฉือโบเหยียนแม้ว่าจะรับชามาแล้วแต่เขาก็ยังไม่ดื่ม เขาลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกไปแต่ก่อนจะเดินออกไปเขาก็พูดขึ้นก่อนว่า “ผมว่าผมไปที่อื่นน่าจะดีกว่าดูเหมือนว่าผมจะแก่เกินไปสำหรับร่วมวงสนทนากับคนหนุ่มสาว”
“อั้ม” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม
ฉือโบเหยียนมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยก่อนจะเดินไปที่ค็อกพิท
“จะไปที่บ้านฉันเมื่อไหร่?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมยิ้มอย่างสดใสและก็มองไปที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหลี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบกลับไปว่า ” ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเพราะผมมีเรื่องที่ต้องจัดการก่อน”
“โอเค เราค่อยพูดเรื่องนี้กันอีกทีแล้วกัน” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
จังหวะนี้หลงบิงก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับพวกเขาจากนั้นก็พูดขึ้นว่า ” ฉันเพิ่งได้รับข่าวว่าอันกวนมาที่ประเทศจีน”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “ฉันรู้เรื่องการเคลื่อนไหวของคุณในเกาหลีใต้แล้ว อันกวนคงต้องการดาบอาทิสล่าคืนสินะ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและตอบไปว่า “เขาคงต้องการดาบอาทิสล่าคืนแต่แม้ว่าเขาจะรู้ว่าดาบอยู่ที่ชนเผ่าเฮปตาไลท์ ผมว่าเขาคงไม่กล้าพอที่จะตามไปเอาคืนหรอก”
คิ้วของหลงบิงย่นลงทันทีพร้อมพูดขึ้นว่า “เราไม่ควรดูถูกเขาด้วยอำนาจของเขานั้นน่ากลัวมากแถมครอบครัวของเขายังมีอิทธิพลอย่างมากด้วยเช่นกัน”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณสบายใจได้เลย ผมไม่ได้ดูถูกเขาหรอกนะแต่ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ประเทศจีนไม่ใช่ประเทศเกาหลีใต้ เขาคงทำอะไรไม่ได้มากในขณะที่อยู่ที่ประเทศของเราแต่จะว่าไปในตอนที่ผมอยู่เกาหลีใต้ผมจะต้องหลบหนีและซ่อนตัวจากเขา แล้วในประเทศจีนผมจะต้องทำแบบนั้นอยู่หรือเปล่า? ”
“อืม…ใช่” หลงบึงพูดและพูดต่ออีกว่า “เอาเป็นว่าฉันไม่รบกวนการสนทนาระหว่างพวกคุณแล้วเชิญพูดกันต่อได้เลย”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่หลงบิงดูเหมือนเธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างที่มีเซี่ยเหลี่ยเกี่ยวข้องด้วยแต่ที่สุดแล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เซี่ยเหลียเองในตอนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเนื่องจากเพิ่งพูดถึงเรื่องของอันกวนและเรื่องเกาหลีใต้ทำให้จู่ๆเขากลับคิดถึงใครบางคนขึ้นมา
คนนั้นก็คือหลางชื่อเหยา ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ?
จู่ๆตอนนี้ เครื่องบินก็สั่นอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ่างหยู่เหยี่ยที่เสียหลักจึงได้ล้มลงไปที่ต้นขาของเซี่ยเหลียและมันก็ถูกจุดมาก จุดที่เธอล้มลงไปเป็นจุดที่อ่อนไหวสำหรับเขาร่างกายของเซี่ยเหลี่ยมีการเปลี่ยนแปลงทันที
ใบหน้าของถ่างหยู่เหยี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงและรีบพูดขึ้นว่า “นี่…ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”
“ไม่เป็นไร” เซี่ยเหลี่ยตอบกลับด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วมจู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องที่เธอเห็นก้นของเขาแต่มันเทียบไม่ได้กับสถานการณ์ในตอนนี้เลย นั่นก็เพราะตอนนี้หลงบิงได้นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขาด้วย
“เรายังวางใจเรื่องอันกวนไม่ได้หรอกนะ “ หลงบิงพูดขึ้นเพื่อพยายามเปลี่ยนบรรยากาศของสถานกาณ์ในตอนนี้
ในขณะนี้เครื่องบินก็สั่นอย่างรุนแรงอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นเซี่ยเหลี่ยที่เสียหลัก ร่างของเขากระเด็นไปยังฝั่งตรงข้ามที่หลงบิงนั่งอยู่ ด้วยร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ในขณะเสียหลักทำให้มือของเขาไปสัมผัสกับหน้าอกของเธอ
มันเป็นสัมผัสที่นุ่มและยืดหยุ่นอย่างไรก็ตามเชี่ยเหลียไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาเพียงได้แค่อ้าปากค้างและทำสีหน้าว่ากำลังเจ็บถึงแม้ว่ามือของเขาจะรู้สึกสัมผัสที่อ่อนนุ่มแต่ในระหว่างที่เขาเสียหลักเมื่อกี้นี้ หัวเข่าของหลงบิงได้กระแทกเข้ากับสิ่งที่อยู่ระหว่างขาของเขาอย่างจัง
“คุณ … ไม่เป็นไรใช้ไหม?” หลงบิงถามออกไปด้วยปฏิกิริยาที่แสดงออกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ
“มะไม่เป็นไร ทุกอย่างโอเค” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นพร้อมใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง
หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับมาเงียบ บรรยากาศระหว่างทั้งสามคนไม่มีเสียงพูดใดๆจากใครเพราะพวกเขารู้สึกอึดอัดใจกับเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้
ตึง! เครื่องบินสั่นเป็นครั้งที่สา การสั่นครั้งนี้รุนแรงกว่าทั้งสองครั้งที่ผ่านมา
โชคดีที่ทั้งสามคนไม่ได้เสียหลักไปไหน จึงไม่เกิดเรื่องน่าอึดอัดใจขึ้นอีก
“ทุกคนรัดเข็มขัดนิรภัย!” เสียงพูดดังออกมาจากลำโพง ซึ่งมันเป็นเสียงของนักบิน
สิ้นเสียงพูดของนักบิน พวกเขาทั้งสามยังไม่ทันจะได้รัดเข็มขัดนิรภัยเครื่องบินก็สั่นอย่างรุนแรงอีกครั้ง ครั้งนี้ก็รุนแรงกว่าครั้งไหนๆที่เคยเกิดขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่รู้สิ” หลงบึงพูดขึ้นและพยายามจะรัดเข็มขัดนิรภัย
เซี่ยเหล่ยกลัวกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างมากเพราะเขาไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงใดๆได้เลย
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเขาก็พอจะรับรู้ได้ว่าตอนนี้เครื่องบินกำลัง พุ่งลงพื้นเรื่อยๆ
ในจุดที่ต้องเสี่ยงกับความเป็นความตายและไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงเรื่องของครอบครัวหรือการกระทำที่เคยทำในอดีตแต่ไม่ใช่กับเซี่ยเหล่ย เขาต่างออกไป เขาไม่ได้คิดถึงพ่อ เซี่ยฉางเห่ย หรือน้องสาว เซี่ยเสวีย เขากลับคิดถึงเรื่องราวของราชวงศ์หมิงและเจ้าหญิงหยงเหม่ย!
แม้ว่าจะไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัดแต่เซี่ยเหล่ยก็ยังคิดถึงเรื่องของเจ้าหญิงหยงเหม่ยตลอดเขาคิดว่าเธองดงามอย่างมากในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงเรื่องที่ตัวเองตาฝาดเห็นว่าเธอเปิดตาและกระพริบตาอยู่ก็ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา
ตึง! เสียงดังขึ้นอีกครั้งเครื่องบินที่กำลังร่วงก็ได้กลับมาอยู่ในสภาพการบินปกติอีกครั้ง
ทุกคนบนเครื่องไม่ได้พูดอะไรต่อกัน เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ฉือโบเหยียนเดินออกมาจากค็อกพิทพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆทำไมเครื่องยนต์ก็ดับลงไปแต่โชคดีที่ตอนนี้มันกลับมาใช้การได้แล้ว”
บนหน้าผากของฉือโบเหยียนมีคราบเหงื่อเต็มไปหมดนี่แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็กลัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง?” หลงบิงที่ตั้งสติได้ก็ถามออกไป “เครื่องบินลำนี้เพิ่งได้รับการบำรุงรักษาที่สนามบินก่อนออกเดินทาง ผลการตรวจสอบออกมาว่าทุกอย่างเรียบร้อยไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย”
ฉือโบเหยียนตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด เราจะรู้รายละเอียดของปัญหาอีกครั้งก็ต้องหลังจากการตรวจสอบที่สนามบินอย่างละเอียด”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นว่า “เหลีย เมื่อกี้นี้คุณคิดอะไรอยู่ ?”
เซี่ยเหลียยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า “ผมคิดว่าเมื่อกี้นี้ถ้าผมเป็นอะไรไป น้องสาวของผมคงต้องอยู่ตัวคนเดียวแน่ๆ”
“งั้นเหรอ? อืม…” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้น
เซี่ยเหลี่ยมองไปที่หลงบิงพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหล่ะคิดอะไร?”
“เรื่องน้องสาวของคุณ” หลงบึงตอบ
“น้องสาวของผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเหลียรู้สึกสงสัยและพูดขึ้นอีกว่า “คิดว่าอะไรหล่ะ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็มองไปที่หลงทิ้งเพราะเธอเองก็ต้องการได้ยินคำตอบจากหลงทิ้ง
หลงกิ่งตอบอย่างไม่แยแสว่า “ฉันคิดว่า ฉันควรจะบอกข่าวคราวการตายของคุณให้เธอฟัง”
เซี่ยเหลียหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าเมื่อกี้นี้เครื่องยนต์ไม่ได้กลับมาใช้ได้ ผมมั่นใจว่าบนเครื่องนี้คงจะไม่มีใครรอดไปได้ซักคนแล้วคุณจะบอกน้องสาวของผมได้อย่างไรว่าผมตายแล้ว?”
หลงวิ่งไม่ได้ตอบอะไรกับเซี่ยเหลี่ย
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดหยอกล้อขึ้นว่า “เธอจะเปลี่ยนตัวเองเป็นปีศาจร้ายแล้วก็ไปบอกน้องสาวของคุณว่าคุณได้ตายไปแล้วไง…”
“เราอย่าพูดเรื่องนี้กันดีกว่า” เซี่ยเหลี่ยพูดขึ้นเพื่อต้องการหยุดพูดเรื่องไร้สาระ
“เห้อ…” ถ่างหยู่เหยี่ยถอนหายใจ
แม้ว่าตอนนี้เซี่ยเหลี่ยจะไม่ได้คิดอะไรแต่จู่ๆเรื่องราวของเจ้าหญิงหยงเหม่ยก็เข้ามาอยู่ในความคิดของเขาอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่น่าจะเป็นไปได้แม้ว่าจะมีคนเอาปืนมาจ่อที่หัวของเรา เราก็ไม่เชื่อว่าโลกใบนี้จะมีภูติผีปีศาจจริงๆหรอกนะ เซี่ยเหลี่ยคิดขึ้นในใจแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อในเรื่องนี้ก็ตาม แต่เขาก็หยุดความคิดที่ว่าการเครื่องบินขัดข้องเมื่อกี้นี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงหยงเหม่ยและอัลลอยด์โบราณหรือไม่? ”
ในโลกนี้ที่มีวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำยุคแต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเรื่องภูติผีปีศาจนี้มีจริงหรือไม่ สิ่งลี้ลับและอาถรรพ์ก็เป็นเรื่องที่ยากจะบอกได้ว่ามีจริงหรือไม่เช่นกัน? แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเซี่ยเหล่ยก็ยังสงสัยไม่หายว่าทำไมเครื่องบินที่เพิ่งได้รับการบำรุงรักษาก่อนออกบินจะเกิดขัดข้องอย่างกระทันหันและจู่ๆก็กลับสู่สภาพปกติได้โดยไม่ทราบสาเหตุ เซี่ยเหลี่ยตัดความเป็นไปไม่ได้ของเรื่องภูติผีปีศาจที่เขาไม่เชื่อออกไปก็เหลือเพียงอย่างเดียวที่พอจะเป็นคำตอบของเขาได้ นั่นก็คืออัลลอยด์โบราณ
“ผู้บริหารมื้อ ขอผมดูอัลลอยด์โบราณอีกครั้งได้มั้ย?” เซี่ยเหลียหันไปถามฉือโบเหยียนที่กำลังยืนอยู่
ฉือโบเหยียนมองไปที่เซี่ยเหลี่ยแล้วพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็ผมพูดไปอย่างชัดเจนแล้วว่าหน้าที่ของคุณได้จบไปแล้ว…”
หลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์ประหลาดอะไรเกิดขึ้นอีก พวกเขาสามารถกลับสู่ประเทศจีนได้อย่างปลอดภัย
เมื่อทุกคนลงจากเครื่องบินเรียบร้อย ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง…..
ติดตามตอนต่อไป….