Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 343
TXV – 343 เรื่องแปลกประหลาด ?
ด้านหลังของแผ่นหินมีดอย่างมาก ไม่มีแสงใดๆสามารถส่องผ่านเข้าไปภายในได้ถึง แม้ว่าตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยจะสามารถมองเห็นในที่มืดได้แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เคย เนื่องจากที่นี่อยู่ใต้ชั้นดินที่ลึกลงมาทําให้ไม่มีแม้แต่แสงสว่างสามารถส่องผ่านลงมาได้ จึงเป็นผลให้ความสามารถของเขาถูกจํากัด เขาสามารถมองเห็นได้ไกลแค่ยี่สิบเมตรเท่านั้น และระยะยี่สิบเมตรที่เขาสามารถมองเห็นได้ในตอนนี้ ก็เป็นเพียงอุโมงค์ที่ว่างเปล่าเท่านั้น
ในระยะที่เขามองเห็นนี้ เห็นเพียงแค่ตะเกียงที่อยู่ตลอดทางเดินของอุโมงค์เท่านั้น มันถูกติดตั้งไว้ทุกๆระยะทางสองเมตร
ไม่รู้ว่าตะเกียงเหล่านี้มีอายุมาหนึ่งร้อยปีหรือหนึ่งพันปีหรือมีอายุเท่าไหร่ แต่ที่สามา รถบอกได้คือพวกมันไม่ใช่ถูกสร้างขึ้นในเร็วๆนี้อย่างแน่นอนเพราะมันเต็มไปด้วยสนิมเห็นได้ชัดว่ามันไม่สามารถที่จะให้แสงสว่างได้อีกต่อไป
เมื่อมองไปไม่ได้ไกลกว่านี้แล้ว ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงพยายามที่จะผลัก แผ่นหินออกไปแต่มันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนก็ตามหลังจากใช้แรงของตัวเองไม่ได้ผล เขาก็เดินกลับไปหยิบสว่านไฟฟ้าจากนั้นก็ใช้มันเจาะรูเป็นวงกลมที่ให้ใหญ่ พอที่ตัวเขาเองจะสามารถผ่านเข้าไปได้หลังจากเจาะเสร็จแล้วเขาก็ใช้ค้อนทุบลงไปทําให้แผ่นหินแตกออกพอที่ตัวเขาจะลอดผ่านไปได้
แม้ว่าจะสามารถเข้าไปภายในได้แล้วแต่เขาก็ไม่ได้รีบหุนหันเข้าไป เขาใช้ไฟเช็คจุด ไฟแล้วยื่นเข้าไปภายในอุโมงค์ เปลวไฟที่ถูกจุดขึ้นมีการสั่นไหวบ้างเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าภายในอาจจะมีการถ่ายเทของอากาศ
“มันคงจะมีช่องระบายอากาศสินะ” เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจด้วยความอยากรู้อยากเห็น และคิดว่าน่าจะมีพอมีอากาศไหลเวียนเพียงพอ เขาหันหลังไปหยิบกระเป๋าเป้พร้อมกับลอดตัวผ่านแผ่นหินเพื่อเข้าไปภายในอุโมงค์
แม้ว่าดวงตาของเซี่ยเหล่ยจะมองได้ไกลเพียงแค่ยี่สิบเมตรแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสําหรับ เขาเนื่องจากในกระเป๋าของเขามีไฟฉายที่ทางสํานักงานลับ 101 ได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว มันสามารถมองได้ไกลกว่าระยะการมองของเขาจึงทําให้การมองเห็นไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปแต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะใช้ไฟฉายช่วยส่องทางแล้ว เขาก็ยังคงใช้ตาซ้ายช่วยมองด้วยอีกแรง
ตึก ตึก ……
เสียงฝีเท้าของเซี่ยเหล่ยที่สะท้อนดังขึ้นภายในอุโมงค์ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า ภายในนี้มีคนเดินอยู่เป็นจํานวนมาก หลังจากเดินไปได้ซักพัก ไฟฉายของเขาก็ส่องไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ไม่ไกลจากตําแหน่งของเขาซักเท่าไหร่
สิ่งที่เขาเห็นคืออุโมงค์แห่งนี้ไปไม่ได้อยู่ในแนวระนาบอีกต่อไปแล้ว แต่มันกลายเป็น ทางเดินที่ลึกลงไปในแนวเอียงจํานวนขั้นบันไดที่พอจะประเมินได้อยู่ที่หนึ่งพันถึงหนึ่งพันสี่ร้อยขั้น คิดว่าน่าจะเป็นระยะทางประมานเจ็ดร้อยเมตร แสดงให้เห็นว่าในความเป็นจริงสถานที่แห่งนี้มันถูกฝังลึกอยู่ใต้ดินลงไปไปหลายร้อยเมตร
เมื่อประมาณความลึกได้แล้ว เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาแทบจะจิน ตนาการไม่ได้เลยว่าคนสมัยก่อนจะสร้างสถานที่เหล่านี้ให้อยู่ใต้ดินได้อย่างไร
เมื่อเดินไปเรื่อยๆ เขาก็เห็นบางอย่างที่ปลายอุโมงค์ มีแผ่นหินลักษณะคล้ายประตูมี ความกว้างหนึ่งเมตรยาวห้าเมตรและสูงสองเมตร ดูจากภายนอกแล้วมันคงมีน้ําหนักหลายตัน
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็หยิบเข็มทิศขึ้นมา เขาเห็นว่าเข็มทิศชี้ไปยังประตูหินแผ่นนั้น พร้อมกับการสั่นที่รุนแรงมากกว่าในตอนแรก
“มันจะต้องอยู่หลังประตูหินนี้แน่ๆ” เซี่ยเหล่ยคิดในใจพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นที่ เพิ่มมากขึ้นจากนั้นก็เริ่มเดินทางต่อ
บนประตูหินมีการสลักลวดลายเอาไว้ด้วยมันเป็นการสลักที่ประณีตอย่างมาก มันเป็นรูปผู้หญิงที่สง่างามแม้จะเป็นแค่รูปแกะสลัก ความงดงามของมันราวกับว่าผู้หญิงที่อยู่ในประตูหินนี้จะออกมาสู่โลกภายนอกเมื่อไหร่ก็ได้
นอกจากนี้ยังมีตัวอักษรจีนสองตัวถูกแกะไว้ด้านบนของประตูหินว่า “สุสานอันงดงาม”
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า “ในภาษาจีนมันจะแปลว่าสุสานอันงดงาม มันจะเป็นหลุมศพข องเจ้าหญิงมั้ยนะ? ถ้าใช่แสดงว่าหลุมศพแห่งนี้น่าจะเป็นหลุมศพของเจ้าหญิงซูเสวียเหยี่ย”
เซี่ยเหล่ยสังเกตประตูหินอย่างละเอียด เขาพบว่ามันไม่ได้ถูกล็อคไว้แต่อย่างใด แต่ เขายังไม่เลือกจะเปิดประตูหินเข้าไปก่อน เขาเลือกที่จะใช้ความสามารถของตาซ้ายเพื่อมองทะลุเข้าไปเป็นอันดับแรกเพื่อดูสถานการณ์ภายในก่อนจะตัดสินใจดําเนินการขั้นต่อไป
ประตูหินที่อยู่ตรงหน้านี้มีความหนาประมาณหนึ่งฟุตและสร้างจากหินธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องง่ายที่จะมองทะลุเข้าไป มันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สําหรับเขา แต่สิ่งที่แปลกใหม่สําหรับเขาจนทําให้เขาประหลาดใจก็คือหลังประตูหินนี้ มีอะไรบางอย่างคล้ายๆกับยางสีดํารวมกันเป็นจํานวนมาก สิ่งเหล่านี้ทําให้เขาไม่สามารถมองทะลุเข้าไปภายในได้
“นี่มันคืออะไรกันแน่?” เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
ตั้งแต่ที่เขาใช้ความสามารถในการมองทะลุ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเหล่ยเจอกับ สถานการณ์เช่นนี้
“ทําไมถึงมียางสีดําอยู่หลังประตูหินนี่?” เซี่ยเหล่ยคิดในใจและไม่สามารถหาคําตอบของคําถามนี้ได้
เมื่อไม่สามารถมองทะลุผ่านเข้าไปได้ ทางเลือกเดียวคือการเปิดประตูหินเท่านั้น เขา หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ นั่นก็คือระเบิดซึ่งเป็นระเบิดที่ทันสมัยที่สุดในยุคนี้ เขาได้หยิบมันออกมาสี่อันและนําไปวางไว้ในตําแหน่งมุมทั้งสี่ของประตู และเดินถอยหลังเพื่อเตรียมตัวกดระเบิด
ตูม! เสียงดังกระหึ่มจากแรงระเบิดเกิดขึ้นภายในอุโมงค์หินนี้
หลังจากระเบิดเรียบร้อยแล้ว ประตูหินก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และทันทีที่ประตูฟังลงก็มีตัวอะไรบางอย่างบินออกมามากมายและตรงไปยังเซี่ยเหล่ยทันที
“นั่นคือ ……. ค้างคาวดูดเลือด!” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับล้มโดยเอาก้นลงสัมผัสกับพื้น
ค้าวคาวเหล่านี้ไม่ได้บินหนีไปแต่อย่างใด พวกมันกลับบินไปล้อมรอบตัวของเซี่ยเหล่ ยได้อย่างแม่นยําถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถมองเห็นได้ในเวลากลางคืน นั่นก็เพราะพวกมันสามารถรับรู้ตําแหน่งเป้าหมายได้ด้วยการสัมผัสการสั่นไหวของอากาศที่เกิดจากการเคลื่อนไหว ดังนั้นมันจึงล้อมเซี่ยเหล่ยและพร้อมจะดูดเลือดเขาในทันทีที่ถึงตัว!
ด้วยความตกใจและหวาดกลัว เซี่ยเหล่ยคว้าสเปรย์น้ํามันเชื้อเพลิงในประเป๋าเป้ออก มาและฉีดมันออกไปในอากาศอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็จุดไฟแช็กขึ้นบริเวณนั้นทันที “ฟูววววว” เกิดเปลวไฟขนาดใหญ่ขึ้นรอบๆตัวเขา ค้างคาวเหล่านนี้กลัวไฟ ดังนั้นเมื่อมีไฟลุกขึ้นมาก็ทําให้พวกมันบินหนีออกไป
เซี่ยเหล่ยรีบถอดเสื้อผ้าที่ติดไฟไปด้วยออกและก็รีบดับไฟทันที เสื้อผ้าของเขาถูกไฟ ไหม้ไปหลายแห่งจนมันไม่สามารถใส่ต่อได้
แม้ว่าจะมีค้างคาวดูดเลือดหลายตัวที่บินหนีไปแต่ก็มีจํานวนไม่น้อยที่หนีไม่ทันจนถูก ไฟคลอก พวกมันเหล่านั้นดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าเวทนา เซี่ยเหล่ยพยายามมองไปที่ลักษณะของค้างคาว เขาพบว่าพวกมันมีลําตัวสีดําและมีขนาดใหญ่กว่าค้างคาวปกติถึงสองเท่า แถมที่หัวของพวกมันก็มีสีขาวคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว เขารู้สึกแปลกใจอย่างมากเพราะไม่เคยเห็นค้างคาวดูดเลือดในลักษณะนี้มาก่อน
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยหันกลับไปที่ประตูหินที่พังอีกครั้ง ประตูหินที่พังลงมาไม่ได้มีอะไรที่ คล้ายกับยางสีดําที่เขาเห็นในก่อนหน้านี้เลย นี่เป็นสิ่งที่ทําให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก เขาคิดในใจว่า “ค้างคาวเหล่านี้ปิดกั้นการมองทะลุของเราไปได้ยังไงกัน?”
สายตาของเซี่ยเหล่ยหันกลับไปมองยังค้างคาวที่ตายจากการโดนเผาอีกครั้ง พร้อ มกับใช้ความสามารถของตาซ้าย ผลลัพธ์ทําให้เขาตกใจเพราะเขาไม่สามารถมองทะลุผ่านค้างคาว พวกนี้ไปได้ความรู้สึกมันเหมือนกับครั้งแรกที่เขาไม่สามารถมองผ่านประตูหินเข้าไปได้
สถานที่แห่งนี้ ทําให้เซี่ยเหล่ยประหลาดใจได้ไม่หยุดหย่อน
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย เซี่ยเหล่ยก็หยิบไฟฉายขึ้นมาและส่องมันไปยังห้องที่อยู่ หลังประตูหินความมืดถูกไล่ออกไปทันที่ทําให้เขาพบว่าภายในห้องนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมและมีขนาดที่ใหญ่มาก
ด้วยแสงไฟทําให้เซี่ยเหล่ยเห็นถึงรูปปั้นหินที่ถูกแกะสลักมีความสวยงามอย่างมาก รวมไปถึงเครื่องปั้นดินเผาอื่นๆ เช่นเดียวกับอาวุธโบราณอื่นๆที่กระจักกระจายอยู่รอบๆห้องด้วยส่วนตรงกลางของห้องมีโรงศพหยกสีขาวตั้งอยู่แม้การเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่บริเวณรอบๆ โรงศพก็มีฝุ่นติดอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เซี่ยเหล่ยเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูหลังจากนั้นก็ทําจมูกฟุตฟิตเพื่อจะลองสูดอา กาศภายในห้องดูว่ามีการถ่ายเทหรือไม่และแน่นอนว่ามันมีอากาศถ่ายเทอยู่ มันเหมือนกับทางเดินในอุโมงค์ เซี่ยเหล่ยพยายามมองหาแต่ด้วยขอบเขตหลายอย่างในสถานที่แห่งนี้ทําให้เขาหามันไม่เจอ
เซี่ยเหล่ยกําลังจะเดินเข้าไปต่อ เขาเหยียบไปที่แผ่นหินแผ่นแรกที่อยู่ภายในห้องตรงหน้าเขา
หวืออออ! เสียงดังขึ้นจากด้านข้างของเขาทั้งสองข้าง มันเป็นเสียงของกลไกกับดัก มี ลูกธนูจํานวนมากบินออกมาจากทั้งสองข้างแต่พวกมันไม่สามารถทําอะไรเซี่ยเหล่ยได้ เนื่องจากเขามีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีเยี่ยม เขาจึงรีบถอยหลังกลับออกมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากเดินออกมาแล้วลูกธนูที่พุ่งออกมาก็ชนกันเองตรงหน้าเขาพอดี!
ถึงแม้ว่าเขาจะหลบได้ แต่ก็ทําให้ตกใจอยู่ไม่น้อย นี่เป็นเรื่องไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองหลังจากเจอเข้ากับค้างคาวไปเมื่อกี้ ดูเหมือนที่นี่จะมีอาวุธลับและกลไกอยู่ มากมาย หากไม่ระวังตัวให้ดีคงได้ตายอยู่ที่นี่แน่นอน!
หลังจากเจอเข้ากับกับดักแรกทําให้เซี่ยเหล่ยละทิ้งการกระทําทุกอย่างที่เรียกว่าค วามประมาท ครั้งนี้เขากระตุกตาซ้ายเล็กน้อยและเริ่มใช้ความสามารถในการมองทะลุ เขามองไปยังแผ่นหินที่อยู่ถัดออกไปและถัดออกไปรวมไปถึงแผ่นอื่นๆอีกด้วย แน่นอนเขาเจอกับดักอีกมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นกับดักหลุมโล่งๆขนาดใหญ่ที่ด้านล่างเต็มไปด้วยเหล็กหนามที่เรียวแหลม หลุมนี้มีความลึกราวสิบเมตร แน่นอนว่าหากเขาเดินไปเหยียบแผ่นหินปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาหลอกตานี้ เขาจะต้องตกลงไปและถูกเสียบตายในทันที!
แน่นอนว่าภายในห้องนี้จะต้องมีทางเดินที่ปลอดภัยอยู่ และเซี่ยเหล่ยก็หามันจนพบ
เซี่ยเหล่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งด้วยเส้นทางที่ปลอด ภัย ครั้งนี้ถือว่าประสบความสําเร็จ เขาไม่เจอกับกับดักอีกแล้ว
ภายในห้องหากไม่รู้เส้นทางที่ปลอดภัยจะไม่มีทางเดินได้อย่างสบายใจแน่นอน ดูเห มือนกับดักพวกนี้คงมีไว้สําหรับป้องกันพวกขโมยสมบัติในสุสานที่อาจจะบังเอิญลงมาจนถึงสถานที่แห่งนี้ได้
เมื่อรู้เส้นทางที่ปลอดภัยแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ใช้เวลาไม่นานในการเดินเข้าไปยังโลงศพ หยกที่ใจกลางห้อง
รอบตัวโรงศพมีการแกะสลักหยกให้เป็นรูปร่างของทหารราชวงศ์หมิงที่ถืออาวุธ พร้อมสวมชุดเกราะ มันแสดงเรื่องราวที่หลากหลาย มันคงจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในอดีตแน่นอนว่าพวกเขาเป็นทหารในราชวงศ์หมิง พวกเขาจึงถูกแกะสลักให้ดูเยือกเย็นและมีอํานาจ เมื่อเซี่ยเหล่ยจ้องไปที่รูปแกะสลักเหล่านี้เป็นระยะเวลานานๆ ก็ทําให้เขารู้สึกแปลกๆขึ้นภายในหัวใจ
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินไปจนใกล้จะถึงโลงศพใจกลางห้องแล้ว เข็มทิศในมือของเขาที่หยิบออกมาก่อนหน้านี้ก็ได้สั่นรุนแรงกว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมา ด้วยความรุนแรงของการสั่นในครั้งนี้ ทําให้เกิดเสียงออกมาดัง “หึ่งๆๆ” คล้ายกับเสียงบินของผึ้ง แต่ในความจริงเสียงที่เกิดขึ้นค่อนข้างที่จะดังและชัดเจนกว่าเสียงผึ้งบินอยู่มาก เนื่องจากห้องนี้เป็นห้องที่เงียบและไม่มีเสียงรบกวนอื่นเลย
สิ่งที่ตามหาอยู่ภายในโลงศพนี้งั้นเหรอ?
สุดท้ายเซี่ยเหล่ยก็กระโดดข้ามแผ่นหินสองแผ่นที่มีกับดักสุดท้ายติดตั้งไว้อยู่ในตอน นี้จึงทําให้เขาเข้ามาถึงโรงศพหยกได้อย่างปลอดภัย
เซี่ยเหล่ยมองไปที่โลงศพอย่างละเอียดอีกครั้งหลังจากนั้นเขาก็พบว่าอักษรถูกสลัก เอาไว้เป็นคําว่า “จิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์หมิงหยงเหม่ยๆ”
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่านี่คือโลงศพของเจ้าหญิงหยงเหม่ย!!
เมื่อรู้ว่านี่คือโรงศพของใคร ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทําให้เซี่ยเหล่ยกระตุกสายตา เล็กน้อยแล้วมองทะลุเข้าไป
ติดตามตอนต่อไป……..