Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 333
TXV – 333 ไม่ใช่ทางที่อยากเลือก !
บนใบหน้าของแคนลามไม่มีความกลัวอยู่แม้แต่น้อย “ลงมือเลย แต่ฉันไม่กลัว! ที่ฉันพูดน่ะถูกแล้วกษัตริย์ของชาวฮั่นจะอยู่ข้างเรา ท่านกําลังจ้องมองคุณอยู่ถ้าคุณอยากจะฆ่าก็ฆ่าซะเลยสิ!”
อาทิสล่ากษัตริย์ของชาวฮั่นตายไปกว่า 1,000 ปีแล้วสิ่งที่แคนลามพูดจึงหมายถึงดาบอาทิส์ล่าอันศักดิ์สิทธิ์
สายตาที่น่าแสดงความลังเลออกมาแวบหนึ่งพร้อมกับของศักดิ์สิทธิ์ข้างกายถ้าเธอลงมือฆ่าแคนลามีนั่นก็ขัดแย้งกับความเชื่อเธอเองเหมือนกัน
“ลุกขึ้นแล้วหุบปากซะ พอเซี่ยเหล่ยกลับมาก็ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น!” ที่น่าหยิบสไนเปอร์ไรเฟิลขึ้นมาระหว่างพูดก็มองจุดที่เซี่ยเหลียอาบน้ําไปด้วยแต่สิ่งที่เธอเห็นก็ไม่มีอะไรเลยนอก จากแม่น้ําเลือนๆและทะเลสาบอันคลุมเครือภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้ ต่อให้เธอคิดอยากฆ่า เซี่ยเหลียแค่ไหนก็คงแทบเป็นไปไม่ได้เลย
“หัวหน้า ไม่ฆ่าเซี่ยเหลี่ยไม่ได้เหรอ?” แคนลามมองที่น่าด้วยสายตามีความหวัง
“ใครบอกว่าฉันจะฆ่าเซี่ยเหล่ย?”
“ก็เมื่อกี้คุณพูด?”
“ฉันแค่อยากทําให้เขาบาดเจ็บ จากนั้นเขาก็ช่างเถอะถ้าเธอบอกว่าเธอไม่เข้าใจงั้นสิ่งที่เธอทําได้ก็มีแค่เงียบแล้วอยู่เฉยๆซะ” ที่น่าเก็บสไนเปอร์ไรเฟิลเข้าไปในกระเป๋าเซี่ยเหลียอย่างเดิม
” ถ้าไม่ฆ่าเขา แล้วคุณจะทําอะไร?”
“เงียบสักที! คนโง่ เขาอาจจะจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้นะ!” ที่น่าตอกกลับแคนลามอย่างรุนแรง
สายตาแคนลามีฉายความโกรธออกมาผ่านการจ้องมองที่เกรี้ยวกราดก่อนจะหายไปทันทีโดยที่ที่น่าไม่ทันสังเกตเลยแม้แต่น้อยเธอเป็นนักแม่นปืนของเผ่าและเป็นทั้งปีศาจในคราบมนุษย์เช่นกัน ถ้าใครกล้าข่มขู่เธอก็คงถือว่าพลาดทําเรื่องอันตรายไปแล้ว
แน่นอนว่าการทะเลาะกันระหว่างที่น่าและแคนลามีก็ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาเซี่ยเหลี่ยไปได้แม้ว่าการอ่านปากที่พูดภาษาพัชโตจะยากสักหน่อยแต่สมองของเซี่ยเหล่ยก็มีความสามารถในการทําความเข้าใจอันน่าทึ่ง ดังนั้นเขาจึงตีความบทสนทนาระหว่างสองคนนั้นได้ ถึงจะไม่ถูกต้อง 100% ทุกคําแต่ก็ได้ไป 8.9 คะแนนเต็ม 10
ถ้าที่น่าเก็บสไนเปอร์ไรเฟิลกลับเข้ากระเป๋านั่นหมายถึงเขาไม่ได้อยู่ในอันตรายเท่าไหร่ เซี่ยเหลี่ยปืนกลับขึ้นมาบนฝั่งใส่เสื้อผ้าแล้วเดินกลับแคมป์เมื่อใกล้ถึงเขาก็เอี้ยวตัวลงเก็บ หินบนพื้นเอาไว้เผื่อกรณีโจมตีระยะประชิดเขาจะได้มีหินไว้ใช้ตีหัวที่น่าซึ่งมันน่าจะมีโอกาสทําได้มากกว่าที่ที่น่าจะเอาปืนพกฟาดหัวเขาอีกอย่างคือ เขาไวกว่าเธอด้วย
แต่ที่น่าไม่ได้หยิบปืนออกมาเตรียมยิงเขาแต่อย่างใด เมื่อเห็นเซี่ยเหลี่ยเดินกลับมาเธอก็ยิ้มรับ ” เหล่ย เป็นไงบ้าง?”
เซี่ยเหลี่ยพูดยิ้มๆ “ไม่เลว น้ําเย็นมากเป็นโอเอซิสที่เหมาะจะอาบน้ํากลางทะเลทรายสุดๆ เหมือนของขวัญจากสวรรค์เลย”
“พักก่อนเถอะ เดี๋ยวเราจะเดินทางต่อในอีก 4 ชั่วโมงหลังจากนี้ จะได้ไปถึงเผ่า อิกคาบ่ายพรุ่งนี้” ที่น่ากล่าว
“อืม คุณพักก่อนเถอะ ผมเพิ่งอาบน้ํามาเลยไม่ง่วงน่ะ เดี๋ยวเฝ้ายามให้ก่อนนะ” เซี่ยเหล่ยกลับมาที่ผ้าห่มของตัวเองแล้วหยิบสไนเปอร์ไรเฟิลออกมาเช็ดทําความสะอาด
ถ้ามีปืนอยู่ในมือแบบนี้ เซี่ยเหล่ยก็ไม่กลัวอีกแล้วไม่ว่าที่น่าจะทําอะไรอันตรายแค่ไหนก็ตาม
ฝ่ายที่น่าก็ไม่ได้ทําอะไรมีพิรุธ เธอเพียงแต่ห่มผ้าห่มนอนเท่านั้น
แคนลามมองที่น่าแล้วหันไปมองเซี่ยเหลี่ยต่อ เธอดูลังเลราวกับว่ามีอะไรอยากพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
ท่าทางลังเลของแคนลามีก็ไม่หลุดรอดไปจากสายตาเซี่ยเหลี่ยเช่นกันแม้ตอนนี้เธอจะเงียบอยู่แต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่โทษอะไรเธอทั้งนั้นนั่นเพราะแคนลามพยายามพูดเพื่อช่วยเขาแล้วทั้งยังเสี่ยงอันตรายห้ามไม่ให้ที่น่ายิงเขาอีกด้วย เธอทําเรื่องแบบนี้ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนของเผ่าเฮปตาไลท์ซึ่งนี่ก็ถือว่าดีสําหรับเซี่ยเหลี่ยมากแล้วและเขาก็คงไม่อยากหวังให้เธอทรยศหัวหน้าและเผ่าของตัวเองเหมือนกัน
เวลาผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ในใจเซี่ยเหล่ยก็คิดอะไรหลายอย่างจนว้าวุ่น
“สัญญาณทุกอย่างที่เราสังเกตได้ มันชัดเจนแล้วว่าที่น่าคงไม่ได้อยู่ข้างเราอีกต่อไปเธอคงไม่ปล่อย ถ่างหยู่เหยีย หนิงจิง หรือแม้แต่ให้เราเข้าไปในเมืองโบราณแล้วเอาสมบัติพวกนั้นมาหรอก เธออาจจะขายเราให้พวกอเมริกันเพื่อแลกกับความสงบของเผ่าด้วยซ้ํา ไม่สิ ความสงบและผลประโยชน์ก้อนใหญ่เลยล่ะ ตอนนี้เรากําจัดเธอได้ง่ายมากและจะได้ป้องกันไม่ให้เธอขายเราให้พวกอเมริกันได้ด้วยแต่ว่าถ้าเราฆ่าเธองั้นเราจะทํายังไงกับถ่างหยู่เหยียและหนิงจิงล่ะ? แคนลามีจะฆ่าเรามั้ยนะ? แล้วเราจะยังไปที่เมืองโบราณเพื่อสมบัติพวกนั้นได้อยู่รึเปล่า?” ความคิดที่พุ่งขึ้นลงอยู่ในหัวเขาทําเอาจิตใจเซี่ยเหล่ยสงบนิ่งไม่ได้
จะฆ่าก็ฆ่าไม่ได้แต่จะให้ไปต่อด้วยกันก็อันตรายตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการช่วยคนอื่นหรือขุดสมบัติเลยแม้แต่ความปลอดภัยของตัวเอง เซี่ยเหล่ยก็การันตีไม่ได้แล้ว เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน นั่นจึงทําให้เขาปวดหัวหนักเอาการ
ที่น่าลืมตาขึ้นเล็กน้อยและพยายามสังเกตการเคลื่อนไหวของเซี่ยเหลี่ย
แม้ว่าเธอจะลืมตาแค่นิดเดียวจนแทบมองไม่เห็น เซี่ยเหล่ยก็ยังรู้อยู่ดี เขาจึงยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ ทําท่าทางราวกับกําลังสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบแคมป์อยู่
ซึ่งที่น่าดูเหมือนจะเชื่อว่าเซี่ยเหล่ยกําลังเฝ้ายามอยู่จริงๆ เธอแสยะมุมปากเล็กน้อย
ผ่านไปพักใหญ่ แคนลามก็ลุกออกมาจากผ้าห่มแล้วเดินมาหาเซี่ยเหลีย “เหลี่ยไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันเฝ้ายามต่อเอง”
“เดี๋ยวผมอยู่ต่ออีกหน่อย คุณนอนได้สักพักนึงเลย” เซี่ยเหล่ยตอบ
“ฉันนอนไม่หลับน่ะ คุณไปพักเถอะ” แคนลามกล่าวพร้อมสีหน้าเครียดๆและปืน AK47 ในมือ
เซี่ยเหลี่ยแกล้งทําเป็นไม่รู้ก่อนจะถามต่อ ” แคนลามี ใครทําให้คุณไม่สบายใจเหรอ?”
แคนลามีเหลือบมองที่น่าแล้วถอนหายใจ ”คือ….”
ทันใดนั้นที่น่าก็ตื่นขึ้น เธอพูดขัดแคนลามทันที “คุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
“ไม่มีอะไร!” แคนลามรีบตอบ
เซี่ยเหลี่ยยกยิ้ม “แคมลามีเพิ่งตื่นน่ะ เลยอยากมาเปลี่ยนกะกับผม”
ที่น่าพูดต่อ “เอาเถอะ ดูเหมือนเราจะไม่ค่อยง่วงกันนะบางที่เราน่าจะเดินทางกันต่อเลยแบบนี้จะได้ไปถึงที่เผ่าเร็วขึ้นด้วย”
” หัวหน้า…” แคนลามีเริ่มพูดกับอีกคนแต่ก็ลังเลไปก่อนราวกับว่ากําลังกังวลเรื่องอะไรบางอย่างในใจ
ที่น่าเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก “อย่าพูดอะไรไร้สาระน่า ไปขึ้นมาซะเรา จะไปกันแล้ว!”
แคนลามเดินตรงไปที่ม้าอย่างหัวเสีย พลางเตะทรายตามพื้นไปด้วย
ฝ่ายที่น่าก็ยิ่งดูอารมณ์ไม่ดีและเย็นชามากขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ที่น่ากําลังคิดว่าแคนลามีกําลังปลุกปั่นศักดิ์ศรีของเธออยู่ ในฐานะคนสําคัญของเผ่าเฮปตาไลท์ หนึ่งในสิ่งที่ที่น่าทนไม่ได้มากที่สุดก็คือการที่ใครสักคนมาหยามศักดิ์ศรีเธอเล่นแบบนี้
เซี่ยเหล่ยพูดยิ้มๆ “แคนลามยังเด็กน่า อารมณ์เด็กๆก็แบบนี้แหละ”
ที่น่ายิ้มตอบ “ฉันก็คิดว่าเธอน่ารักนะ แต่บางครั้งมันก็น่าปวดหัวเหมือนกันแต่เอาเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยเก็บของซะ เราจะไปกันต่อแล้ว”
แคนลามจูงม้าสองตัวของเธอกับเซี่ยเหลี่ยแต่ไม่ได้จูงม้าของที่น่าไปด้วย แคนลามส่งเชือกจูงม้าให้ถึงมือเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดกระแทกเสียง หัวหน้า ฉันคงจูงม้ามาสามตัวไม่ได้ คุณจูงม้าของคุณเองนะคะ”
“ไม่มีปัญหา” ที่น่าตอบรับแล้วจึงเดินไปยังต้นไม้ที่ล่ามม้าตัวเองเอาไว้
เพียงชั่วขณะที่เธอหันไป เซี่ยเหล่ยก็จับแววตาโมโหของเธอได้ทันเวลาเห็นได้ชัดว่าแคนลามีกําลังยั่วโมโหที่น่าอยู่จริงๆ
เซี่ยเหลี่ยพูดขึ้นอย่างกังวล “แคนลาม ทําไมถึงโกรธที่น่าล่ะ นั่นหัวหน้าเธอเลยนะ ถ้าเธอโกรธจริงจังแบบนี้เดี๋ยววันหลังจะมีปัญหาเอาหรอก”
“ถุย!” แคนลามถ่มน้ําลายลงพื้น “ฉันเคารพและฟังเธอตลอดนะ แต่เธอไม่เคยนึกถึงฉันเลย ทุกครั้งที่มีคนมาบุกรุกเผ่า ฉันก็รีบตรงไปอยู่หน้ากองป้องกันตลอดแต่สําหรับเธอฉันมันก็แค่เด็กคนนึง ฉันบอกเลยนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอคงโดนคู่แข่งเธอฆ่าตายไปแล้ว แต่ฉันดันฆ่าคู่แข่งเธอไปก่อนน่ะสิ ตอนนี้เธอได้เป็นหัวหน้าเผ่าแล้ว แต่กลับปฏิบัติกับฉันเหมือนคนโง่คนนึง!”
นี่มันความรู้สึกที่ถูกซ่อนไว้เลยไม่ใช่เหรอ?
เซี่ยเหลียยังคงอยากรู้มากกว่านี้แต่ขณะที่เขากําลังจะถาม ที่น่าก็เดินกลับมาเสียก่อนเซี่ยเหลียจึงรีบปิดปากอย่างไหวตัวทัน
“ไปกันเถอะ” ที่น่ากล่าวพลางเหลือบมองแคนลามีด้วยสายตาที่แฝงการข่มขู่เอาไว้เห็นได้ชัดว่าเธอได้ยินคําบ่นของแคนลามีเมื่อครู่นี้หมดแล้ว
เซี่ยเหลียและแคนลามีเดินไปขึ้นมาด้วยก่อนจะตามที่น่าผ่านโอเอซิสและมุ่งหน้าไปยังเผ่าอิกคาต่อ
ครั้งล่าสุดที่ทั้งสามคนผ่านเผ่าอิกคาซึ่งเป็นเผ่าของชาวพุชเบิ้ลที่มีประชากรมากกว่า 1หมื่นคนและกว่าหลายร้อยคนของเผ่ามีอาวุธ ที่น่าเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าเผ่านั้นอย่าง Abu Tulu เช่นกันการเดินทางผ่านเผ่าอิกคาจึงง่ายมากซ้ํายังอาจได้เสบียงหรือสิ่งของเพิ่มด้วย
การกลับเผ่าเฮปตาไลท์ครั้งนี้ พวกเขายังต้องผ่านเผ่าอิกคาไปอยู่แต่ในใจเซี่ยเหลี่ยมันเต็มไปด้วยความวิตกแล้วถ้าที่น่ามีคนของอิกคาคอยหนุนหลังและมีคนช่วย เธออาจจะเริ่มเล่นงานเขาเมื่อไปถึงเผ่าอิกคาได้นั่นหมายถึงสถานการณ์ของเซี่ยเหลี่ยจะอันตรายมากๆเลยทีเดียว
“เวรเอ๊ย เราจะฆ่าพวกเขาก็ไม่ได้แต่ถ้าตามไปก็อันตราย เราควรจะรับมือสถานการณ์นี้ยังไงดี?” เซี่ยเหล่ยพูดในใจด้วยความหงุดหงิด
เซี่ยเหลียแทบอยากจะหันม้ากลับแล้วมุ่งหน้าไปทําภารกิจตัวเองเสียตอนนี้ เขานึกภาพของถ่างหยู่เหยี่ยและหนิงจิงที่ถูกจับตัวไว้รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของสํานักงานลับ 101 ที่ต้องสละชีวิตเพื่อให้ภารกิจนี้สําเร็จได้ขึ้นมา ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันยากจะอธิบายจริงๆ
“เราต้องหาทางก่อนไปถึงเผ่าอิกคาให้ได้แต่ว่าจะทํายังไงล่ะ?” เซียเหล่ยครุ่นคิด
แคนลามลดความเร็วลงจนกระทั่งม้าของเธอเดินไปพร้อมกับม้าของเซี่ยเหลีย แล้วกระซิบบอกเขา “เหล่ย กลับไปซะ ไม่ต้องห่วงเพื่อนคุณหรอก”
ภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าอ่อนเยาว์ของแคนลามีดูเต็มไปด้วยความวิตกและความโกรธปะปนกัน
เซี่ยเหลียรู้ดีว่าเธอรู้สึกแบบนั้นเพราะอะไรเพียงแต่แกล้งทําเป็นไม่รู้เท่านั้น เขาจึงยิ้มกว้างกลับไป “ผมไม่ใช่คนที่ยอมทิ้งเพื่อนง่ายๆหรอกนะ”
“คุณมันซื้อ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณกําลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่” แคนลามจ้องมองเซี่ยเหลี่ยอย่างกังวล
แต่สีหน้าเธอที่ทั้งกังวลและโกรธแบบนี้ก็ดูมีเสน่ห์อยู่พอตัว
ใบหน้าอ่อนเยาว์สวยงามไหนจะขนาดหน้าอก ความคิดเซี่ยเหลียจู่ๆก็มีแสงวูบขึ้นมาเพียงแต่เป็นแสงที่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาอย่างที่เขาต้องการก่อนหน้านี้
“ผมอยากอยู่กับคุณ” เซี่ยเหล่ยยิ้มสายตาเขานุ่มนวลขึ้น “ไม่ใช่ว่าเรากําลังเดทกันอยู่เหรอ? ถ้าคุณให้ผมไปแปลว่าคุณไม่อยากอยู่กับผมแล้วงั้นสิ?”
เมื่อได้ฟังแคนลามก็หน้าขึ้นสีทันที ”แน่นอน ฉันอยาก คุณคือฮีโร่ของฉัน ฉันไม่ต้องการใครนอกจากคุณเลยนะ แต่ แต่ว่า…” เธอหยุดพูดก่อนจะมองไปยังแผ่นหลังที่น่าแต่เป็นสายตาที่เกลียดชัง
เซี่ยเหลียยื่นมือไปจับมือแคนลามีด้วยท่าทางอ่อนโยน มันได้ผลยิ่งกว่าคําพูดหวานๆใดๆเสียอีก
แคนลามีเองก็ตอบรับด้วยท่าที่นุ่มนวลแต่ก็เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เมื่อเซี่ยเหลี่ยปล่อยมือเธอ แคนลามีก็ยื่นมือไปตีก้นเขาทันที
แต่นี่ก็เป็นสไตล์แคนลามอยู่แล้ว เซี่ยเหลี่ยคงไม่หวังให้เธอเปลี่ยนอะไรไปแน่ๆ
สิ่งที่เซี่ยเหลี่ยทําอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่เขาอยากทําเท่าไหร่ถ้ามันมีทางอื่นเขาก็คงเลือกแทนวิธีในตอนนี้ไปแล้วแต่ถึงอย่างนั้นเขามีทางเลือกอื่นด้วยงั้นเหรอ?
ที่น่าหันหลังมามองทั้งสองคนแล้วพูดเสียงดัง “แคนลาม เร็วเข้า! ตามมาเร็ว!”
แคนลามีจึงดึงมือกลับมาจากก้นเซี่ยเหลี่ยและตอบรับเสียงขม “ไปแล้วๆ!” ก่อนจะหวดเชือกม้า เร่งความเร็วตามเธอไปทันที
ติดตามตอนต่อไป……….