Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 284
TXV – 284 ถึงที่หมาย !
เมื่อเห็นว่าถ่างหยู่เหยี่ยเดินออกไปก่อนแล้วเซี่ยเหล่ยก็รีบเดินตามเธอออกมาทันที
ทั่งคู่เดินออกไปขึ้นรถของถ่างหยู่เหยี่ย เมื่อเข้าไปในรถแล้วเซี่ยเหล่ยก็ถามออกไปทันทีว่า “เมื่อกี้นี้คุณกำลังอะไรอธิบายให้ผมฟังหน่อย ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยพยายามทำตัวใสซื่อและพูดออกไปว่า “หืมม…เมื่อกี้ทำไมงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “อย่ามาทำเป็นไขสือเมื่อกี้นี้ผมเห็นคุณแอบใส่อะไรบางอย่างลงไปในเสื้อของอันซูฮยอน“
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยความประหลาดใจไปว่า “เทคนิคและความเร็วของฉันถือว่าขั้นเทพ คุณเห็นได้ยังไง ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดว่า “ไม่ต้องสงสัยมากหรอก ตอบผมมาดีกว่า”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก….” ถ่างหยู่เหยี่ยพยายามเลี่ยงที่จะตอบ
“อย่าปิดบัง บอกผมมา” เซี่ยเหล่ยพูด
“เอาล่ะ ฉันจะเล่าตั้งแต่ตอนที่เจอคุณก็แล้วกัน” ถ่างหยูเหยี่ยตัดสินใจที่จะพูด “สถานะอันซูฮยอนนั้นไม่ใช่เล่นๆเพราะเขาเป็นถึงลูกของประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ซึ่งการที่คนระดับเขาเข้ามาที่ประเทศของเรา เราก็ต้องทำการตรวจสอบเป็นเรื่องธรรมดาดังนั้นฉันก็เลยแอบใส่เครื่องดักฟังขนาดเล็กลงไปที่กระเป๋าของเขา “
“คุณหมายถึงผู้ชายคนนั้นงั้นเหรอถ้าอย่างนั้นในงานก็มีคนของคุณด้วยงั้นสิ?” เซี่ยเหล่ยพูด
“ใช่ แต่คุณไม่รู้จักพวกเขาหรอก” ถ่างหยู่เหยี่ยตอบ
“แล้วคุณให้พวกเขาดักฟังเรื่องอะไร?” เซี่ยเหล่ยถามต่อ
“เราต้องการรู้เกี่ยวกับตัวเขาให้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทาง พฤติกรรม ลักษณะการพูดคุย งานอดิเรก ความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง นั่นรวมถึงพ่อของเขาด้วยที่เราทำการสังเกตเพราะถ้าหากว่าทั้งเขาและพ่อของเขาร่วมมือกับสหรัฐเพื่อจัดการเราแล้วละก็ เราก็จะได้หาทางรับมือพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น…… “ถ่างหยู่เหยี่ยพูดจบก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วพูดต่อว่า” แต่นี่เป็นเรื่องการ…เมืองคุณไม่ต้องสนใจหรอก “
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ขึ้นหนึ่งครั้งก่อนพูดว่า “แน่นอน ผมไม่สนใจเรื่องนี้”
เมื่อเซี่ยเหล่ยพูดจบ ถ่างหยู่เหยี่ยก็หันหน้าไปมองถนนและเริ่มเหยียบคันเร่งเพื่อออกจากสำนักงานเกตเตอร์ลิ่ง
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์เพื่อโทรไปหากวนหลิงชาน เพื่อที่จะบอกให้เธอไปจัดการติดต่อถู่ชิงหลงเรื่องที่จะเป็นแอมบาสเดอร์ให้กับสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติ เขาอธิบายให้เธอฟังอย่างละเอียดเพราะเขาคิดไว้ว่าการไปอัฟกานิสถานครั้งนี้ไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะกลับมาเมื่อไหร่ จึงต้องอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจน
หลังจากโทรหากวนหลิงชานเสร็จเซี่ยเหล่ยก็โทรหาเสี่ยวหง ฉิงเสวียและอเลน่าให้ครบทุกคนเพื่อจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปอัฟกานิสถานและเมื่อเขาโทรเสร็จจนหมดทุกคน เขาก็มาถึงสนามบินพอดี….
“จากที่ฟังคุณพูดมาทั้งหมด ฉันคิดว่าคุณขายบริษัททิ้งไปเสียดีกว่าแล้วมาทำงานกับเราเต็มตัว มันตื่นเต้นกว่าการทำธุรกิจเป็นไหนๆ” และถ่างหยุ่เหยี่ยพูดต่อทันทีว่า “ดูอย่างเรื่องเจมส์บอนด์หรือไม่ก็มิสชั่นอิมพอสส์สิเบิลล์สิตื่นเต้นกว่าเป็นไหนๆ ชีวิตคุณจะไม่มีคำว่าจืดชืดเลย “
เซี่ยเหล่ยยิ้มเพราะรู้ทันเป้าหมายของถ่างหยู่เหยี่ยก่อนพูดขึ้นว่า “คุณไม่ต้องมาโน้มน้าวให้ผมทำงานกับคุณต่อเลย ผมไม่ใช่เด็กน้อยที่จะตกหลุมพลางของคุณหรอกนะ “
ถ่างหยุ่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนพูดขึ้นว่า “ทำไมหล่ะ ฉันมีความสามารถไม่พอที่จะโน้มน้าวให้คุณมาเข้าร่วมกับเรางั้นเหรอ?”
“เรื่องนั้นผมขอไม่พูดก็แล้วกันแต่ก่อนอื่นผมอยากที่จะรู้ว่าทำไมตัวประกันถึงไปอยู่ที่อัฟกานิสถานและถูกจับเป็นตัวประกันได้รวมไปถึงหนิงจิงด้วย ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่นได้เล่ารายละเอียดมาให้หมด” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยและมองเข้าไปภายในใจของถ่างหยู่เหยี่ยเพื่อที่จะดูว่าเธอโกหกหรือไม่ในขณะที่พูดออกมา โดยดูจากอัตราการเต้นของหัวใจ…..
“เรื่องนี้มันซับซ้อนมาก” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดก่อนที่จะกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่แล้วพูดต่อว่า “คุณยังจำตอนที่ซ่อมเข็มทิศได้หรือไม่ ?”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกใจหายเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “คุณหมายถึงเข็มทิศของราชวงศ์หมิงงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้มันอยู่ในมือของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญซึ่งหนิงจิงก็รวมอยู่ในกลุ่มพวกเขาด้วย “
เซี่ยเหล่ยประหลาดใจขึ้นไปอีกพร้อมพูดขึ้นว่า “เข็มทิศของราชวงศ์หมิงไม่ได้อยู่ที่หลงบิงอย่างนั้นหรอกเหรอ?”
“หลังจากที่คุณได้ซ่อมมันจนเสร็จแล้วหลงบิงก็ได้เอามันไปใช้แต่เธอไม่ได้เป็นคนใช้เองหรอกนะ เธอได้ส่งมันไปให้กับแผนกต่างๆ จนสุดท้ายมันก็ไปอยู่ที่นักโบราณคดีที่ถูกส่งไปสำรวจพร้อมผู้เชี่ยวชาญที่อัฟกานิสถาน “
“แล้วทำไมมันถึงไปอยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญได้หล่ะ มันเกี่ยวข้องกันยังไง? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ” เซี่ยเหล่ยถามออกมาหลายคำถามเพราะในหัวของเขาตอนนี้มีคำถามที่สงสัยอยู่มากมาย
ถ่างหยู่เหยี่ยยักไหล่ขึ้นหนึ่งครั้งก่อนพูดขึ้นว่า “เรื่องราวหรือรายละเอียดต่อจากนี้อย่าถามฉันเลย ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่สิ่งที่ฉันได้รับคำสั่งมาก็คือให้ไปช่วยเหลือผู้เชี่ยวชาญที่ถูกจับเป็นตัวประกัน “
“ผมยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่หนึ่งอย่าง… “เซี่ยเหล่ยพูด
ถ่างหยู่เหยี่ยรีบพูดขึ้นมาเพื่อที่จะขัดเซี่ยเหล่ยว่า “คุณดูเหมือนแม่ของฉันมาก คุณในตอนนี้เหมือนกับเธอมากจริงๆ เธอมักจะถามจู้จี้จุกจิก…..”
เซี่ยเหล่ย “…… “
ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยไม่ได้ต้องการที่จะถามเกี่ยวกับเข็มทิศของราชวงศ์หมิงและผู้เชี่ยวชาญที่ถูกจับเป็นตัวประกันเลยแต่เขาต้องการที่จะถามว่าเธอได้พบกับกู่เค่อเหวินบ้างหรือเปล่าเพราะหลังจากที่เขาเดินออกมาแล้ว กู่เค่อเหวินก็น่าจะเดินออกทางประตูหน้าซึ่งถ้าเธอออกทางประตูหน้า ถ่างอยู่เหยี่ยจะต้องเห็นเธออย่างแน่นอนแต่เมื่อดูจากการที่เธอไม่ได้พูดถึงกู๋เค่อเหวินเลยก็เป็นไปได้อย่างมากว่าเธอจะไม่เจอกู๋เค่อเหวินตรงบริเวณประตูหน้า
“เธอออกทางประตูด้านหลังงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
และเมื่อนึกถึงกู๋เค่อเหวินในตอนนี้ มันก็ทำให้เซี่ยเหล่ยจำภาพของกู่เค่อเหวินที่เปลือยเสื้อผ้าเหลือแต่ชุดชั้นใน….
การกระทำของเธอก็ทำให้เซี่ยเหล่ยสับสนอย่างมากเพราะเธอยอมลงทุนที่จะเปลือยกายต่อหน้าเซี่ยเหล่ยที่เป็นศัตรูมาโดยตลอดแถมยังมาขอความช่วยเหลือจากเขาด้วย นั่นทำให้เขาสับสนกับการกระทำของเธอจริงๆ
ถ่างหยู่เหยี่ยที่กำลังขับรถอยู่นั้น เธอได้ขับรถตรงไปยังลานจอดเครื่องบินจากนั้นเธอขับไปจอดใกล้ๆกับเครื่องบินโดยสารทหารลำหนึ่งซึ่งเป็นลำที่จะพาพวกเขาไปยังอัฟกานิสถาน
เธอขับไปจอดอยู่ใต้ปีกเครื่องบินและเมื่อรถจอดแล้ว เซี่ยเหล่ยก็มองไปรอบๆพร้อมพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “เราจะไปอัฟกานิสถานด้วยเจ้าเครื่องนี้งั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยกำลังออกจากรถพร้อมพูดไปด้วยว่า “ใช่ เราจะไปด้วยสิ่งนี้ มันเป็นเครื่องบินพิเศษสำหรับเราและเราเรียกมันว่า ‘Big Fatty’ “
เมื่อได้ฟังที่ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเซี่ยเหล่ยก็คิดในใจทันทีว่า “ความจริงแล้ว สำนักงานลับ 101 ก็ไม่ต่างจาก CIA ของสหรัฐอเมริกาซักเท่าไหร่เพราะพวกเขาก็ทำเรื่องแบบนี้เหมือนกัน “
ในตอนนี้ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยกำลังเดินขึ้นเครื่องบินไปโดยเมื่อขึ้นไปบนเครื่องบินแล้ว เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เห็นเหล่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานลับ 101 อยู่บนเครื่องบินมากมายพร้อมด้วยอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่ครบมือจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ที่อยู่บนเครื่องบินลำนี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของถ่างหยู่เหยี่ยนั่นทำให้เมื่อพวกเขาเห็นถ่างหยู่เหยี่ยเดินขึ้นมาพวกเขาก็ได้ยืนขึ้นพร้อมทำความเคารพแต่หลังจากทำความเคารถเสร็จพวกเขาก็หันไปเห็นเซี่ยเหล่ย พวกเขามองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาแห่งความสงสัยทันที
จังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยก็พูดขึ้นว่า “ฉันจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักนี่คือที่ปรึกษาอาวุโสของสำนักงานลับ 101 เขาจะมามีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนี้ด้วยและให้พวกคุณจำเอาไว้ว่าเขามีอำนาจรองจากฉันดังนั้นถ้าหากฉันไม่อยู่ต้องทำตามคำสั่งของเขา เข้าใจใช่มั้ย? “
“รับทราบ !” บรรดาเจ้าหน้าที่ตอบอย่างพร้อมเพรียง
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกอึดอัดทันทีเพราะเขาต้องการที่จะออกห่างจาก สำนักงานลับ 101 แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนยิ่งถลำลึกลงไปอีก
ไม่กี่นาทีหลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จ พวกเขาทั้งหมดก็ได้แยกย้ายกันไปนั่งประจำที่และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเครื่องบินก็ทำการบินออกทันที
หลังจากการบินหลายชั่วโมงผ่านไป พวกเขาก็ไปแลนดิ้งลงที่สนามบินนานาชาติ Benazir Bhutto
หลังจากนั้นทุกคนที่อยู่บนเครื่องบนก็ได้ทำการลงจากเครื่องบินพร้อมย้ายไปขึ้นรถฟอร์ดที่จอดเตรียมรออยู่ก่อนแล้วเพื่อตรงไปยังชายแดนของอัฟกานิสถาน
โดยรถคันแรกมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ห้าคน คันที่สองก็มีเจ้าหน้าที่อยู่ห้าคน ส่วนอีกคันที่เหลือคือเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยโดยรถทุกคันได้บรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เอามาจากประเทศจีนด้วยอาวุธเหล่านี้พวกเขาสามารถที่จะทำการรบขนาดย่อมหรือก่อความวุ่นวายให้กับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งได้เลย
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนเครื่องบินถ่างหยู่เหยี่ยได้เปลี่ยนชุดของเธอก่อนแล้ว นั่นทำให้ตอนนี้เธอใส่ชุดสำหรับเดินทางไกลพร้อมหมวกแก็บสีขาวซึ่งเมื่อมองดูไปที่เธอแล้วก็เหมือนกับว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยวที่ตอนนี้กำลังขับรถเพื่อมองหาสิ่งที่ตื่นเต้นและท้าทายอยู่
เซี่ยเหล่ยเองก็เหมือนกันในตอนที่อยู่บนเครื่องบินเขาก็ได้เปลี่ยนชุดแล้วโดยชุดที่เขาใส่นั้นดูเหมือนชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวอย่างมากและในขณะนี้ที่พวกเขาอยู่บนรถด้วยกัน ทำให้เมื่อมองโดยรวมแล้วพวกเขาเป็นเหมือนกับคู่รักหนุ่มสาวที่ออกมาขับรถฮันนีมูนกัน……
“อ่อใช่ ตอนนี้คุณไม่ได้ชื่อเซี่ยเหล่ยแล้วนะ “ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นในขณะที่เธอกำลังขับรถอยู่ เธอหันมามองเซี่ยเหล่ยในขณะที่พูดสลับกับมองถนนและพูดขึ้นต่อว่า ” ตอนนี้คุณชื่อหยางกั่วเป็นสามีของฉัน”
ทันที่ที่เซี่ยเหล่ยได้ยินทำให้เขาตกใจทันทีจากนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “ผมเป็นสามีของคุณ? ชื่อหยางกั่วงั้นเหรอ? นี่มันอะไรกัน”
“ใช่ แต่นี่ไม่ใช่ความต้องการของฉันหรือความคิดของฉันหรอกนะ มันเป็นเรื่องที่ผู้บริการฉือจัดการไว้ให้ คุณไม่พอใจงั้นเหรอแต่ถึงคุณจะไม่พอใจยังไงคุณก็ต้องทำตามอยู่ดี” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มและพูดต่อทันทีว่า “แต่สำหรับชื่อ ฉันเป็นคนตั้งให้เอง ฉันเอาชื่อของตัวละครที่ฉันชอบในนิยายมาตั้งให้ “
เมื่อเซี่ยเหล่ยได้ยินที่ถ่างหยู่เหยี่ยพูดออกมาก็ทำให้เขาพูดไม่ออกในทันที
“ในความเป็นจริง ฉันได้เสนอให้คุณเป็นพี่ชายของฉันแต่ผู้บริหารฉือไม่พอใจข้อเสนอนี้และตำหนิฉัน”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นก่อนพูดขึ้นว่า “ทำไมเขาถึงตำหนิคุณหล่ะ? “
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบว่า “เขาบอกว่ามันมีเยอะนักรึไง ? ที่พี่น้องจะไปขับรถท่องเที่ยวที่ต่างประเทศกันแค่สองคน “
เซี่ยเหล่ย “…… “
ด้วยคำพูดเหล่านี้ทำให้เซี่ยเหล่ยคิดไปถึงตอนที่อยู่ที่ประเทศเยอรมันจริงๆ เพราะถ้าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องนั่นอาจจะทำให้คนอื่นสงสัยเอาได้แต่ถ้าเป็นความสัมพันธ์แบบสามีภรรยากันจะป้องกันการถูกเปิดเผยตัวตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ไม่น่าแปลกใจว่าทำให้ฉือโบเหยินจึงต้องให้แสดงเป็นสามีภรรยากัน
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดอย่างจริงจังไปว่า “เซี่ยเหล่ย ภารกิจครั้งนี้เราต้องทำงานด้วยกันและสิ่งสำคัญที่สุดคือการทำภารกิจให้ลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปได้ด้วยดี คุณเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย ? “
“เอ่อ…คุณมีอะไรจะสอนผมเพิ่มเติมงั้นเหรอ” เซี่ยเหล่ยถาม
“อืม ผู้บริหารฉือบอกกับฉันว่าให้สอนคุณให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ถ่างหยู่เหยี่ยตอบ
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “งั้นก็สอนทักษะการปามีดบินของตระกูลถ่างให้ผม “
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “มันยังไม่ใช่ตอนนี้ก่อนอื่นเราต้องหาสถานที่สำหรับกินอาหารของที่นี่ก่อน เพราะถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่ได้สัมผัสอะไรที่บ่งบอกถึงปากีสถานเลย คุณอาจจะเสียใจในภายหลังได้ “
ถ่างหยู่เหยี่ยยังคงพูดต่อไปว่า ”ถ้างั้นเริ่มแรก ก่อนที่จะทำอย่างอื่นเราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า”
เมื่อพูดจบถ่างหยู่เหยี่ยก็หักพวงมาลัยเพื่อที่จะออกจากเส้นทางหลักเพื่อไปหาอาหารกินส่วนรถของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองคันของเธอนั้นไม่ได้หักเลี้ยวตามออกมา พวกเขายังคงมุ่งหน้าไปยังชายแดนตามถนนสายหลักต่อไป
ติดตามต่อไป………