cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 130

  1. Home
  2. All Mangas
  3. The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
  4. ตอนที่ 130
Prev
Next

บทที่ 130 ฉินซูเจี้ย

 

ในตอนนี้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาสามีของหญิงสาวที่สวยงามคนนี้ ต้องทําบุญมามากขนาดไหนในชาติก่อน ชาตินี้ถึงจะได้มีภรรยาแบบนี้

 

“ช่างมันเถอะ คุณก็ตกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้เช่นกัน” จี้เฟิงโบกมือและแอบถอนหายใจ เมื่อคิดได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานั้นเป็นภรรยาของคนอื่นไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้สูญเสียอะไรบางอย่าง

 

เขาอดไม่ได้ที่จะโมโหตัวเอง ทําไมถึงกลายเป็นคนไร้ยางอายได้ขนาดนี้ นิสัยแบบนี้เหมือนจะ แย่ลงเรื่อยๆ

 

“หรือจริงๆแล้วฉันไม่ใช่คนดี? บางทีอาจเป็นเพราะโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยดี เลยไม่ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเอง แล้วพอมาถึงที่นี่ ได้ใช้ชีวิตคนเดียวอย่างอิสระฉันก็เลยได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น?” จี้เฟิงพึมพําอยู่ในใจ และเมื่อนึกถึงถงเล่ยที่ตอนนี้กําลังฝึกทหารอยู่ในค่ายทหาร จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ และเมื่อมองดูสาวสวยตรงหน้าของเขาอีกครั้งความคิดที่ซับซ้อนเหล่านั้นในใจของจี้เฟิงก็ถูกโยนทิ้งไปมีแค่เพียงความชื่นชมอย่างบริสุทธิ์ใจ

 

“อืม ถ้าฉันโทรแจ้งตํารวจ คุณช่วยไปเป็นพยานให้ฉันหน่อยได้มั้ย?” สาวสวยถามขึ้นทันที

 

จี้เพิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็พยักหน้าตกลง เขารู้สึกชื่นชมผู้หญิงคนนี้อยู่ในใจไม่น้อยเธอไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาเคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้หญิงหลายคนกลัวที่จะโทรแจ้งตํารวจหลังจากถูกลวนลามไม่ว่าจะเป็นเพราะเธอกลัวความอับอายหรือกลัวการแก้แค้นก็ตาม พวกเธอจึงไม่ได้เอาผิดอาชญากรเหล่านั้น

 

แต่เห็นได้ชัดว่าสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้หญิงเหล่านั้น

 

อย่างไรก็ตามเหมือนหญิงสาวจะหยุดคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ส่ายหัวและพูดเสียงเบา“ลืมไปเลย ฉันต้องไปรับลูกสาวที่โรงเรียน คงเสียเวลากับไอ้โรคจิตนี้ไม่ได้แล้ว!”

 

จี้เฟิงไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้า ในเมื่อผู้เสียหายไม่คิดที่จะโทรแจ้งตํารวจ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก

 

“ครั้งนี้ถือว่าแกโชคดี!” หญิงสาวจ้องมองชายร่างใหญ่ที่ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆอย่างโกรธเคือง

 

โชคดี?

 

จี้เพิ่งส่ายหัวและยิ้ม เขาไม่คิดอย่างนั้น ในตอนที่ชายร่างใหญ่ต้องการจะถอนมือออกมาจี้เฟิงได้ใช้นิ้วจี้จุดตรงซี่โครงของชายร่างใหญ่อย่างแม่นยําซึ่งมันจะทําให้ครึ่งหนึ่งของร่างกายเขาเป็นอัมพาตได้ และด้วยความแข็งแกร่งของจี้เฟิงเกรงว่าชายร่างใหญ่คนนี้คงจะใช้เวลาไม่ต่ํากว่าครึ่งเดือนอยู่บนเตียง และต่อให้เขาจะไปโรงพยาบาลมันก็ไม่มีประโยชน์

 

เพราะนี่คือเทคนิคการต่อสู้ของกาแลคซี่แกมมา และแน่นอนว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาได้จนกว่ามันจะหายไปเอง

 

“ฉันชื่อฉินซูเจี้ย ยังไงซะฉันก็ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ แล้วก็เรื่องที่เข้าใจคุณผิดด้วยฉันรู้สึกละอายมาก” หญิงสาวทําท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้แล้วรีบหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้จี้เฟิง

 

“ผมชื่อจี้เฟิง!”

 

จี้เพิ่งยิ้มเล็กน้อยและก้มลงมองไปที่นามบัตรมันเขียนไว้ว่า

 

“ซูเหยาจิวเวอรี่ Co., Ltd. ผู้จัดการทั่วไป/CEO ฉินซูเลี้ย”

 

เมื่อเห็นรายละเอียดบนนามบัตร จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ซีอีโอของบริษัทอัญมณี? เขาไม่รู้จะพูดยังไงดี สาวสวยคนนี้เป็นถึงเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่!

 

จี้เฟิงได้แต่ยืนอึ้ง เธอคนนี้อายุยังน้อยแต่เธอเป็นถึงเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่! มันเป็นไปได้ว่าครอบครัวของเธอต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

 

แม้ว่าจี้เพิ่งจะรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับตัวตนของฉินซูเจี้ย แต่เขาก็ไม่ได้เผยสีหน้าออกมาให้เห็น เขาเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “คุณฉินสุดยอดจริงๆ มีบริษัทเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้”

 

ฉินซูเจี้ยยิ้มเล็กน้อย “ไม่ขนาดนั้นหรอก ฉันแค่โชคดี”

 

เนื่องจากทั้งสองคนเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกดังนั้นหลังจากคุยกันพอเป็นมารยาทเพียงไม่กี่คําฉนซูเจี้ยก็หันหน้ากลับไปตามเดิม

 

ส่วนอี้เฟิงเมื่อการพูดคุยด้วยประโยคสั้นๆของพวกเขาจบลง เขาก็กลับไปยืนพิงประตูแล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อนอีกครั้ง แม้ว่าการหลับพักผ่อนด้วยท่ายืนจะเป็นเรื่องที่แปลก แต่ขี้เฟิงหลับไปจริงๆ

 

ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าจี้เพิ่งได้ผ่านการฝึกจากระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูง วิธีการนอนหลับพักผ่อนก็เป็นหนึ่งในหลักสูตรเช่นเดียวกัน สําหรับผู้ที่เป็นสายลับ การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจึงเป็นสิ่งจําเป็นอย่างมาก เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะมีพลังงานเพียงพอสําหรับเตรียมพร้อมในทุกๆสถานการณ์ ดังนั้นหากคุณต้องการเป็นสายลับที่ดีคุณต้องเรียนรู้ที่จะหลับอย่างปลอดภัยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน และมันก็ต้องเป็นการนอนหลับที่สนิทด้วย

 

คุณรู้หรือไม่ว่าการนอนหลับที่สนิทเพียงหนึ่งนาทีนั้นมีค่าเท่ากับนอนหลับที่ยังคงมีจิตใต้สํา นึกในเวลาหนึ่งชั่วโมง จี้เพิ่งได้เรียนรู้เรื่องนี้จากหนึ่งในผู้ฝึกสอนของระบบฝึกอบรมดังนั้นเขาจึงจําเป็นต้องรักษาพลังงานให้เพียงพอตลอดเวลาจนกลายเป็นนิสัย

 

แน่นอนว่าแม้ในระหว่างการนอนหลับที่สมองได้รับการพักผ่อนแต่ร่างกายของจี้เฟิงยังคงสามารถรับรู้และตื่นตัวอยู่เสมอ สิ่งนี้ได้ถูกปลูกฝังจนกลายเป็นความเคยชินที่ฝังอยู่ในจิตใต้สํานึกของเขาไปแล้วซึ่งถือได้ว่ามันเป็นสัญชาตญาณ

 

รถประจําทางที่เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆและยังคงส่งเสียงดังอยู่ตลอด แต่ขี้เฟิงก็สามารถหลับได้อย่างสงบ

 

อย่างไรก็ตามชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้างๆจี้เฟิงในเวลานี้อยู่ในสภาพที่น่าสมเพช เขาอยู่ในอาการหวาดกลัว

 

เป็นเพราะขี้เฟิงได้จี้จุดของชายคนนี้ไปที่ซี่โครงเพื่อทําให้ร่างกายของเขาเป็นอัมพาตไปครึ่งหนึ่ง แต่ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาจะเป็นอัมพาต แต่เขายังคงค่อยๆหมดสติไปด้วยราวกับว่าเขามีสติรับรู้เพียงครึ่งเดียว

 

ด้วยสภาพเช่นนี้จึงทําให้ชายร่างใหญ่ไม่สามารถทําได้แม้แต่จะขยับปากของเขาเพื่อพูดเพราะเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะใช้ร่างกายอีกครึ่งหนึ่งคอยพยุงอีกครึ่งที่เป็นอัมพาตไว้ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะล้มลงไปกับพื้นได้ทุกเมื่อ

 

ความกลัวค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นในจิตใจของเขา เขาไม่เข้าใจว่าทําไมร่างกายของเขากลายเป็นแบบนี้ไปได้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา?

 

แต่ไม่ว่าเขาจะกังวลและหวาดกลัวแค่ไหน ชายร่างใหญ่ผู้นี้ก็ไม่มีทางรู้ว่าที่เขากลายเป็นแบบนี้เพราะฝีมือของจี้เฟิง แต่ถ้าเขารู้ว่าชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาและอ่อนโยนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาคนนี้เป็นผู้ร้ายตัวจริง เขาก็คงไม่คิดที่จะใส่ร้ายจี้เฟิงตั้งแต่แรก

 

หลังจากหลับไปสักพัก คิ้วของจี้เฟิงก็ขมวดขึ้น ปรากฏว่าผู้ชายร่างใหญ่ที่น่ารังเกียจข้างๆเขา ที่ตอนนี้มีอาการชาไปครึ่งซีก ทําให้เขาไม่สามารถปิดปากของเขาได้มันจึงทําให้น้ําลายค่อยๆไหลจากมุมปากลงมาจนทําให้เสื้อตรงหน้าอกของเขาเปียกไปหมดและอากาศโดยรอบก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของน้ําลาย

 

“ไม่ไหวจริงๆ ฉันจะช่วยแกสักครั้งแล้วกัน!”

 

จี้เฟิงบ่นอุบอยู่ในใจและยังคงทําเหมือนหลับอยู่พร้อมกับขยับนิ้วของเขาไปจี้จุดที่ร่า งกายของชายร่างใหญ่

 

“อ๊ะ!”

 

ครู่ต่อมาชายร่างใหญ่ก็ร้องขึ้น

 

เขาลองขยับร่างกายสองสามทีและรีบเช็ดน้ําลายที่มุมปากจากนั้นเขาก็ตะโกนด่าเสียงดัง “ไอ้เชี่ยเอ๋ย อย่าให้รู้นะว่าเป็นฝีมือไอ้เลวระยําตัวไหน?!”

 

บรรยากาศในรถประจําทางเงียบไปชั่วขณะ ทุกคนมองไปที่ชายร่างใหญ่รวมถึงจี้เฟิงก็มองเขาอย่างงงๆ

 

เมื่อชายร่างใหญ่เห็นทุกคนจ้องเขาเป็นตาเดียวเขาก็อดไม่ได้ที่จะโวยวาย “มองอะไร? ไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีรึไง!” ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีรูปร่างใหญ่กํายําและใบหน้าของเขาก็ดุดันอยู่แล้วและด้วยความโกรธของเขาในตอนนี้มันจึงยิ่งทําให้เขาดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม

 

คนที่โดยสารขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่ก็เป็นประชาชนคนธรรมดา จึงไม่มีใครอยากจะหาเหาใส่หัวอยู่แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะแอบด่าผู้ชายร่างใหญ่คนนี้อยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีใครทําอะไร พวกเขาทําเพียงแค่หันหน้าไปทางอื่นและทําราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

จี้เพิ่งได้แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจ “ห์นี้ดูเหมือนว่าไอ้โรคจิตนี่ยังคงไม่สํานึก ฉันคงปล่อยมันไป ไม่ได้จริงๆ!”

 

ร่างกายของผู้ชายร่างใหญ่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาที่ก่อนหน้านี้มีอาการชาเป็นอัมพาตมันทําให้เขารู้สึกขัดๆ เขาจึงขยับไปมาไม่หยุด จนทําให้เขาดูเหมือนมดที่อยู่ในกระ ทะร้อนๆ และจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ

 

เพราะรถประจําทางในเวลานี้เต็มเกินพิกัด คนขับรถก็เลยเปิดประตูหลังสองสามป้ายที่ผ่านมาและให้ผู้โดยสารบางส่วนทยอยลงจากรถ จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูหน้าก็ได้ถูกเปิดออก

 

ชายร่างใหญ่บ่นอุบอิบและลงรถจากทางประตูหน้าไป

 

ทันใดนั้นรอยยิ้มที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจี้เฟิง เขาจับที่ร่างกายของเขาและในที่สุดก็พบนามบัตรที่ฉินซูเจี้ยเพิ่งมอบให้เขาในกระเป๋าเสื้อ

 

หลังจากที่หันไปมองฉินซูเจี้ยแล้วก็พบว่าเธอได้ใช้ประโยชน์จากการที่คนข้างหลังน้อยลงเดินไปที่ด้านหลังของรถประจําทางแล้ว จี้เฟิงก็ฉีกนามบัตรของเธอออกเป็นสองส่วนอย่างรวดเร็วแต่

 

เวประเทาที่พอใจและความบัตรของเองอย่างอื่น เหลือในส่วนที่มีหมายเลขโทรศัพท์ไว้และอีกครึ่งหนึ่งได้ถูกจี้เฟิงขยําจนเป็นก้อนกลมเล็กๆอย่าง รวดเร็ว และจู่ๆเขาก็ยิงก้อนกระดาษที่กลายเป็นลูกบอลเล็กๆนั้นไปที่ชายร่างใหญ่ที่เพิ่งลงจากรถ

 

“ปัง!”

 

ในขณะที่เสียงของประตูรถประจําทางปิดลงลูกบอลกระดาษก็พุ่งออกไปจากรถ

 

จี้เฟิงมองผ่านกระจกหน้าต่างและเห็นว่าชายร่างใหญ่ที่เพิ่งลงจากรถไปและกําลังจะก้าวขาไปที่ป้ายหยุดรถประจําทาง เขาได้ถูกแช่แข็งพร้อมกับแสดงสีหน้าหวาดกลัวอย่างสุดขีด

 

“หึหึ!”

 

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทําร้ายคนอื่น แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาทํามันด้วยความเต็มใจและรู้สึกดีอย่างที่สุด

 

สําหรับผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนี้ทําให้จี้เฟิงไม่มีความสงสารและเห็นใจใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายไม่เพียงแต่ทําร้ายผู้หญิงด้วยความโรคจิตในรถเท่านั้น แต่ยังเป็นคนหยาบคายก่นด่าผู้อื่นและไม่รู้สํานึกในสิ่งที่ตัวเองทําลงไปแม้แต่น้อยมันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรได้รับการอภัยเป็นอย่างยิ่ง

 

จี้เพิ่งเชื่อว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้ชายร่างใหญ่ได้นอนอยู่บนเตียงอย่างน้อยก็ไม่ต่ํากว่า 20 วัน และการไปโรงพยาบาลก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะครั้งนี้ต่างจากในครั้งแรกที่เฟิงได้จี้จุดฝังเข็มระหว่างซี่โครงของชายคนนั้น แต่ครั้งนี้เขาใช้วิธีการตัดเส้นเลือดเพื่อตัดเส้นลมปราณบริเวณลําตัวของผู้ชายคนร่างใหญ่ ซึ่งมันมีพลังทําลายล้างมากกว่าจุดฝังเข็ม

 

และถึงแม้ว่าจี้เพิ่งจะไม่อยากลงมือด้วยวิธีที่โหดร้ายมากนัก แต่หลังจากที่ชายร่างใหญ่ได้รับการช่วยเหลือเพราะขี้เฟิงไม่อยากจะทนกับกลิ่นเหม็นเมื่อตอนอยู่ในรถ ชายร่างใหญ่กลับทําตัวหยิ่งผยองไร้สามัญสํานึก ซึ่งทําให้จี้เพิ่งรู้สึกขยะแขยงเป็นที่สุดมันจึงทําให้เขาจําเป็นต้องโหดร้ายขึ้นเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่อี้เฟิงกําลังนั่งคิดพิจารณาว่าเขาลงมือได้เหมาะกับบทลงโทษที่ชายร่างใหญ่คนนั้นสมควรจะได้รับหรือไม่ ก็มีดวงตาคู่สวยกําลังจ้องมองมาทางเขาจากทางด้านหลังของรถประจําทางซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นแววตาที่โกรธเคืองอย่างไม่ปิดบัง

 

เจ้าของดวงตาคู่สวยที่จ้องมานั้นไม่ใช่ใคร แต่เธอคือฉินซูเจี้ย หญิงสาวที่เคยเข้าใจจี้เฟิงผิดมาก่อนหน้านี้

 

เธอจ้องไปที่มือของจี้เฟิงอย่างไม่ละสายตา ในมือของเขาถือนามบัตรที่ขาดครึ่งและแม้ว่ามันจะมีเพียงแค่ครึ่งเดียวมันก็มากเกินพอที่ฉินซูเจี้ยจะรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่านามบัตรที่เหลือครึ่งเดียวใบนี้นั้นมันเป็นของเธออย่างแน่นอน!

 

ความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้พุ่งขึ้นในใจของเธออย่างรวดเร็ว เขาฉีกนา มบัตรของฉันงั้นเหรอ?

 

ในฐานะที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ โดยที่ยังไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังและรูปร่างหน้าตาความสามารถที่แทบจะเพอร์เฟกต์ของเธอ มันก็มากเกินพอที่ไม่ว่าจะติดต่อกับใครหรือไปที่ไหนก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะฉีกนามบัตรของเธอแบบนี้

 

แต่ตอนนี้ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นแค่นักเรียนนักศึกษากลับมาฉีกนามบัตรของเธอ!

 

ยิ่งฉินซูเจี้ยคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น เธออดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่เธอเข้าใจเขาผิดและลงมือตีเขาในตอนนั้นหรือเปล่า ถึงทําให้เขาโกรธแค้นจนต้องฉีกนามบัตรของเธอ?

 

ฉินซูเจี้ยส่ายหัวและพยายามเลิกคิดฟุ้งซ่าน เธอกลับมามีใบหน้าเปื้อนยิ้มอีกครั้ง ทําไมเธอจะต้องให้ความสําคัญกับแค่นักเรียนคนเดียว เธอกับเขาเหมือนอยู่กันคนละวงสังคมอยู่แล้ว “ฉันจะต้องรู้จักที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้”

 

ฉินซูเจี้ยพยายามเตือนสติตัวเอง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังอี้เฟิงอีกครั้ง เธอไม่คิดว่าเขาจะทําให้เธอรู้สึกค้างคาใจได้ขนาดนี้ แต่สายตาของเธอก็เปลี่ยนไปเธอพยายามมองให้เหมือนกับทุกๆครั้งที่เธอมองคนแปลกหน้า ไม่ต่างจากเวลาที่เธอเดินผ่านผู้คนบนท้องถนน สายตาเธอมองกวาดไปอย่างไร้จุดหมายถึงแม้บางครั้งจะมีคนคนหนึ่งที่แวบผ่านเข้ามาในสายตาแต่สุดท้ายเขาก็จะผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ได้เกิดความประทับใจแม้แต่น้อย

 

ในเมื่อตอนนี้จี้เฟิงได้กลายเป็นคนแบบนั้นในสายตาของฉินซูเจี้ย และด้วยเหตุผลที่จี้เฟิงได้กนามบัตรของเธอทิ้งเธอจึงคิดว่าทั้งเขาและเธอคงจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกอย่างแน่นอน

 

ในใจของฉินซูเจี้ย จี้เฟิงได้ถูกแยกให้ไปอยู่ในกลุ่มคนที่เรียกว่าเป็น “คนแปลกหน้า” ไปเรียบร้อยแล้วและมันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

 

ฉินซูเจี้ยสายหัวเล็กน้อย ในขณะที่เธอกําลังจะถอนสายตาออกจากงี้เฟิงและกําลังจะมองออกไปทางหน้าต่างรถแต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นว่าขี้เฟิงที่ยืนอยู่ตรงประตูรถก้มลงไปหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าเดินทางของเขาจากนั้นเขาก็ใส่นามบัตรที่เหลือครึ่งหนึ่งลงไปในกระเป๋าสตางค์อย่างตั้งใจหลังจากใส่เข้าไปแล้วอี้เฟิงก็บรรจงพับกระเป๋าสตางค์ของเขาอย่างเรียบร้อยก่อนที่จะใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าเดินทางของเขา

 

ฉินซูเจี้ยตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าหนุ่มน้อยคนนี้ที่เพิ่งจะฉีกนามบัตรของเธออย่างไม่ใยดีทําไมถึงได้เก็บอีกครึ่งหนึ่งด้วยสีหน้าที่จริงจังและทะนุถนอมมันขนาดนั้น?

 

ฉินซูเจี้ยมั่นใจว่าจี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวว่าเขาได้ถูกสายตาของเธอจับจ้องอยู่ตั้งแต่ตอนที่เขาฉีกนามบัตรของเธอจนถึงตอนที่เขาโยนมันทิ้ง นั่นหมายความว่าเขาก็ต้องไม่มีทางรู้แน่นอนว่าเธอนั้นมองอยู่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่แล้วทําไมเขาถึงได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน?

 

ในฐานะเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ฉินซูเจี้ยคาดเดาโดยสัญชาตญาณทันทีว่ามีความเป็นไปได้เพียงสองทางเท่านั้นสําหรับเรื่องนี้ ประการแรกคือหนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เขาเกลียดเธอจากเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านี้จึงฉีกนามบัตรทิ้ง แต่หลังจากที่คิดพิจารณาแล้วเห็นว่าอาจจะเกิดประโยชน์กับตัวเองในภายหลังจึงได้ทําการเก็บนามบัตรส่วนที่เหลือไว้

 

ส่วนความเป็นไปได้อย่างที่สองก็คือจี้เฟิงฉีกนามบัตรของเธอจริง แต่ไม่ใช่เพราะเขาเกลียดเธอแต่เป็นเพราะเหตุผลอื่น

 

จากการคาดเดาในความน่าจะเป็นทั้งสองแบบนี้ ฉินซูเจี้ยคิดว่าอย่างหลังน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า แค่สังเกตจากการกระทําของจี้เฟิงที่ฉีกนามบัตรของเธอทิ้ง เธอก็สามารถวิเคราะห์ได้ในทันที มันเป็นความสามารถและประสบการณ์ของคนที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ ฉินซูเจี้ยมีสายตาเฉียบขาดในระดับหนึ่งที่จะมองผู้คนจากการกระทําของเขา และจากการกระทําของจี้เฟิงก่อนหน้านี้ เธอก็พอจะเดาได้ว่าจี้เฟิงไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น

 

“หนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ!” ฉินซูเจี้ยอดไม่ได้ที่จะสายหัวและยิ้ม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่จี้เฟิงนั้นฉีกนามบัตรของเธอทิ้งแต่สุดท้ายเขาก็เก็บนามบัตรของเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง ฉินซูเจี้ยจึงตัดสินใจที่จะไม่โกรธเคืองเขา

 

โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความเข้าใจผิดครั้งก่อนแล้วฉินซูเจี้ยจึงคิดว่าถ้าในอนาคตเธอมีโอกาสที่จะช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้ได้ เธอก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ

 

และแน่นอนว่าในตอนนี้จี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเกิดความคิดมากมายในใจของฉินซูเจี้ย เพียงเพราะการกระทําบางอย่างของเขา แต่ถึงแม้เขาจะรู้ อย่างมากเขาก็จะทําแค่ส่ายหัวและยิ้มรับเพราะเขาไม่คิดว่าจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่แห่งนี้อีกในอนาคต

 

ยิ่งไปกว่านั้นสาเหตุที่จี้เฟิงต้องฉีกนามบัตรของฉินซูเจี้ยก็เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับเธอ เนื่องจากในเวลานั้นไม่มีอะไรในตัวเขาที่เหมาะสมมากไปกว่านามบัตรของเธอแล้ว เพราะจะให้เขาโยนกุญแจห้องหรือกระเป๋าสตางค์ของเขาออกไปก็คงจะไม่ใช่

 

จบบทที่ 130

 

Prev
Next

YOU MAY ALSO LIKE

206093855_252444153312671_7993664499769560486_n-225×300
ฉันมีมานาไร้ขีดจำกัดในวันสิ้นโลก
4 กันยายน 2021
หวังเต็ง
Complete Martial Arts Attributes – คุณสมบัติแห่งนักสู้
24 ตุลาคม 2022
นิยาย-2-e1599211906312
Journey Towards Greatness: เกิดใหม่ในโลกโปเกมอนกับการเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่
26 มิถุนายน 2022
15827913077037-725×1024
จอมบงการเทพยุทธ์
26 มิถุนายน 2022
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 130"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF