The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 160
บทที่ 160 บทเรียนของเซียวหยูซวน
จี้เฟิงนั่งอยู่ในรถAudiของเขาและมองไปที่เซียวหยูซวนจากระยะไกล ดูเหมือนว่าเธอกําลังทะเลาะกับเหอตงอยู่สีหน้าของเธอแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เหอตงยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าส่วนผู้ชายอีกสี่คนข้างๆเหอตงมีสีหน้าที่เคร่งขรึม
ครู่ต่อมาเซียวหยูชวนและเหอตงต่างตะโกนโต้เถียงอะไรกันบางอย่าง หลังจากพูดจบเหอตงก็ดึงมือของเซียวหยูซวน แต่เซียวหยูชวนสะบัดทิ้งทันที
เมื่อเห็นดังนั้นคิ้วของจี้เฟิงก็ขมวดเข้าหากัน เหอตงคิดอะไรอยู่ เขาจะกล้าทําเรื่องแบบนี้ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้จริงๆเหรอ?
แม้จะเป็นเพียงการคาดเดาของจี้เฟิง แต่ก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะคนอย่างเหอตงที่เป็นคนไม่สนกฎเกณฑ์อะไรอยู่แล้ว
เห็นได้จากพฤติกรรมของเหอตงเมื่อตอนที่เขาไปหมางซื่อ
“ฮึ่ม!” จี้เฟิงเริ่มไม่พอใจ เขาเปิดประตูรถทันทีและรีบเดินตรงไปยังที่ที่เซียวหยูซวนยืนอยู่
“เหอตง ถ้าคุณยังเป็นลูกผู้ชายคุณก็ไม่ควรทําแบบนี้ ระหว่างเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว!”
จี้เฟิงเดินเข้าไปแม้จะไม่ใกล้มาก แต่ก็ใกลพอที่จะได้ยินน้ําเสียงแห่งความผิดหวังและความโกรธของเซียวหยูซวน “ตั้งแต่นี้ต่อไปคุณไม่ต้องมาหาฉันอีก เพราะระหว่างเราไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกันอีก!”
เหอตงยิ้มอย่างชั่วร้ายและกล่าวว่า “หยูซวน คิดให้ดีๆก่อนที่จะตัดสินใจทําอะไรลงไป คุณลุงขอร้องให้ผมดูแลคุณให้ดีแต่คุณมาทําตัวแบบนี้ มันทําให้ผมลําบากใจมากจริงๆ และมันก็อาจจะทําให้คุณลุงต้องลําบากไปด้วย”
เซียวหยูซวนขมวดคิ้วด้วยความโกรธ “เหอตง! คุณไม่ต้องเอาพ่อของฉันมาขู่! ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจบตั้งแต่คุณหักหลังพ่อของฉันแล้ว ถ้าคุณยังพอมีความเป็นคนอยู่บ้างล่ะก็เพียงแค่ปล่อยฉันไปและไม่ต้องมาุ่งกับฉันอีก ตอนนี้ฉันต้องไปสอนหนังสือ ฉันไม่อยากจะเสียเวลากับคุณมากไปกว่านี้!”
หลังจากที่เซียวหยูชวนพูดประโยคสุดท้ายจบเธอก็กําลังจะเดินจากไป แต่เหอตงและชายอีกสี่คนก็เข้ามาขวางทางเธอไว้
สีหน้าของเซียวหยูซวนเปลี่ยนไปทันที “เหอตง คุณจะทําอะไร?”
“ก็ไม่มีอะไร!” เหอตงยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วงหยูซวน ที่นี่มันประตูมหาลัยผมไม่ทําอะไรคุณในที่โจ่งแจ้งแบบนี้หรอก ผมแค่อยากจะเตือนคุณไว้หน่อยว่าถ้าผมยังพูดไม่จบคุณก็ไม่มีสิทธิที่จะหันหลังให้ผมแบบนี้ คุณคงไม่ลืมใช่มั้ยว่าบริษัทของพ่อคุณยังต้องการความช่วยเหลือจากบริษัทของผมอยู่ถ้าคุณมัวแต่ทําตามใจตัว เองแบบนี้คุณไม่กลัวว่าบริษัทของพ่อคุณจะต้องล้มละลายเหรอ? แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ผมคงไม่ต้องมาคอยเตือน คุณให้เหนื่อยด้วยตัวเองแบบนี้ เพราะคงมีธนาคารหรือหุ้นส่วนของคุณลุงมาเตือนคุณเหมือนกัน แล้วถ้าหากมันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ทางออกเพียงทางเดียวของพ่อคุณก็คงเหลือแค่ต้องไปกระโดดลงจากตึกเพื่อหนี แล้วล่ะ แล้วจะมาหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ!”
“เหอตง คุณอย่าใช้พ่อของฉันเพื่อมาข่มขู่ฉัน!” เซียวหยูชวนพูดด้วยความโกรธ “แม้ว่าครอบครัวของฉันจะต้องอดตายฉันก็จะไม่มีวันยอมรับความช่วยเหลือจากคุณ!”
“หยุซวน คุณอย่าหัวดื้อนักเลย คุณชายหลี่เป็นคนที่มีความสามารถและใจกว้าง ถ้าคุณอยู่กับเขาคุณจะสบายไปตลอดชีวิตโอกาสอยู่ตรงหน้าแท้ๆทําไมคุณถึงไม่รู้ว่าอะไรดีสําหรับคุณ? ที่ผมพูดก็เพราะผมหวังดีกับคุณนะ” เหอตงพูดอย่างจริงใจ “หยูซวนผมรู้ว่ามันเป็นความผิดของผมเองที่ยกคุณให้คุณชายหลี่โดยที่ไม่ถามคุณก่อน แต่คุณก็ต้องคิดด้วยว่าการได้เป็นผู้จัดการสาขาของหลี่กรุ๊ปสําหรับผมแล้วมันเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากจริงๆ ผมทํางานครึ่งชีวิตก็ยังหาเงินได้ไม่เท่ากับเป็นผู้จัดการสาขาของหลี่กรุ๊ปเพียงหนึ่งปีเลย แล้วคิดดูสิถ้าคุณได้อยู่กับคุณชายหลี่เขาจะหาเงินให้คุณได้มากขนาดไหน แล้วแบบนี้มันไม่ดีตรงไหน?”
“ไสหัวไป!”
เซียวหยูซวนโกรธมาก “คุณมันคนหน้าด้านไร้ยางอาย ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าชั่วๆของคุณอีก ฉันมันโง่เองที่เคยตาบอดเชื่อใจคนอย่างคุณ!”
“เหอะ!” เหอตงเลิกใช้ไม้อ่อน เขาพูดด้วยความโกรธ “เซียวหยูซวน! คุณจะไปรู้อะไร ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของคุณคอยดูถูกและผลักไสผมอยู่ตลอดเวลา ผมจะต้องมาตะเกียกตะกายอยู่แบบนี้เหรอ? แล้วตอนนี้คุณก็ยังมาโทษว่าเป็นความผิดของผมอีก? เลิกทําตัวไร้สาระแล้วเอาเรื่องนี้ไปคิดให้ดีๆ คุณชายหลี่ให้เวลาคุณสามวันหากคุณยังดื้อรั้นไม่ทําตามเงื่อนไขที่เขาเสนอให้คุณก็เตรียมตัวไปกระโดดตึกตายกับพ่อของคุณได้เลย!”
หลังจากนั้นเหอตงก็ยิ้มอย่างมีชัยและหันหลังเดินจากไป
“อ้อ ผมลืมไป!” เหอตงก้าวไปได้เพียงสองก้าวแต่ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างออกและหันกลับไปมองที่เซียวหยูซ่วนที่มีใบหน้าที่โกรธเกรียวและพูดขึ้นว่า “หยวน ครชายหลี่ฝากบอกมาว่าอีกสามวันมันเป็นวันเกิดของเขาพอดีและเขาก็จะจัดงานวันเกิด เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะได้พบกับคุณในวันเกิดของเขามันจะดีมาก ถ้าเขาได้คุณเป็นของขวัญวันเกิด!”
“สารเลว!” เซียวหยูซวนตัวสั่น หยดน้ําตาใสๆไหลออกมาจากดวงตาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธและความผิดหวังพร้อมกันนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าของเหอตงอย่างแรงด้วยความโกรธ
ด้วยความพยายามของเซียวหยูซวนที่ใส่แรงโดยไม่ยั้งทันทีที่เกิดเสียง “เพี้ยะ!” มันทําให้เหอตงถึงกับหน้าหันและเซไปด้านข้างเล็กน้อย
เหอตงหันหน้าของเขากลับมาและกัดฟันพูดด้วยความโกรธว่า “นังผู้หญิงสารเลว ถึงกล้าตบกงั้นเหรอ?”
“ใช่! ฉันตบแกไอ้ผู้ชายสารเลว!” เซียวหยูซวนตอบอย่างเกรี้ยวกราด
“โอเค! ได้ใ” เหอตงยิ้มและพูดอย่างเย็นชา “ที่ฉันใจดีกับเธอเป็นเพราะฉันเห็นแก่คุณชายหลี่ ไม่อยากให้ของของเขาต้องเสียหาย แต่ในเมื่อเธอไม่เห็นความใจดีของฉัน ฉันจะให้บทเรียนกับผู้หญิงสารเลวอย่างเธอได้เรียนรู้ว่าเป็นผู้หญิงมันต้องทําตัวให้เชื่องยังไง!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เหอตงก็ยกมือขึ้นเพื่อจะตบเซียวหยูซวน
เหอตงเป็นผู้ชายดังนั้นไม่ว่าความเร็วหรือความแข็งแรงเซียวหยูซวนจึงไม่อาจเทียบได้ เมื่อเห็นฝ่ามือที่กําลังจะกระทบเข้ากับใบหน้าของเธออย่างรุนแรงเธอจึงทําได้แค่เพียงหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
“เพี้ยะ!”
เซียวหยูซวนได้ยินเสียงที่ดังชัดเจนเต็มสองหู แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บ มีเพียงกระแสลมเบาๆที่พัดอยู่ตรงหน้าของเธอ เธอลืมตาขึ้นทันทีและเห็นชายหนุ่มร่างกายกํายําที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอและมือของเหอตงก็ถูกชายหนุ่มจับไว้
“เหอตง แกมันไอ้ผู้ชายสารเลวกล้าทําร้ายผู้หญิง!” ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย แต่พละกําลังที่มือของเขานั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
“อ๊ะ! แก ไอ้จี้เฟิงปล่อย!” เหอตงกรีดร้องออกมาขณะที่เขารู้สึกเจ็บที่ข้อมือจนไม่สามารถพูดออกมาได้ อย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าชายหนุ่มร่างกายกํายําคนนี้คือจี้เฟิง
เขายิ้มและมองไปที่เหอตงซึ่งตอนนี้มีใบหน้าที่บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ทําไมฉันต้องปล่อยแกในเมื่อแกกล้าทําร้ายหยูซวน”
“อะ ไอ้ จี้เฟิง ถะ ถ้าแกไม่ปล่อย แกจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!” สีหน้าของเหอตงเริ่มเป็นสีเขียวคล้ําด้วยความเจ็บปวดและตะโกนใส่ผู้ชายสี่คนข้างๆเขา “พวกแกมัวยืนทําอะไรกันอยู่วะจัดการไอ้เด็กเวรนี่สิโว้ย!”
ทั้งสี่คนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเหอตงตวาดจากนั้นจึงรีบตะโกนออกมา “ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “ถ้าอยากให้ฉันปล่อยเขา มันก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณว่าสามารถทําให้ฉันปล่อยเขาได้หรือเปล่า”
“เหอะๆ ไอ้หนูรนหาที่ตายซะแล้ว” ทั้งสี่คนไม่ใช่คนดีอยู่แล้วและเมื่อพวกเขาเห็นว่าจี้เฟิงกําลังท้าทาย ทันใดนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็พุ่งไปทางจี้เฟิงทันที
“จี้เฟิง ระวัง!” เซียวหยูซวนอุทานด้วยความตกใจและเป็นห่วงเมื่อเห็นผู้ชายสี่คนพุ่งเข้าหาจี้เฟิงอย่างเกรี้ยวกราด
“หึ!” จี้เฟิงยิ้มเยาะ ในขณะที่มือข้างหนึ่งของเขายังคงบีบข้อมือของเหอตงไว้ เขาใช้มืออีกข้างที่เหลือกําหมัดและฟาดไปที่ผู้ชายหนึ่งในนั้นอย่างรุนแรง
“ผัวะ!”
“อ๊ากกก!” ผู้ชายคนนั้นกรีดร้อง เขาเซถลาและล้มลงไปกับพื้น
หลังจากนั้นขาที่แข็งแกร่งเหมือนกับเสาเหล็กของจี้เฟิงก็เตะกวาดอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าและผู้ชายอีกสามคนที่เหลือที่ไม่ทันได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นก็ล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนร้องดังลั่น
แม้กระบวนการทั้งหลายเหล่านี้เหมือนจะใช้เวลานาน แต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นและจบลงภายในไม่กี่วินาที่เท่านั้น
ในขณะนี้ดวงตาของเหอตงและเซียวหยูซวนเบิกกว้างขึ้นเขาและเธอจ้องมองไปที่จี้เฟิง พวกเขาต่างตกตะ ถึงและเกิดความสงสัยว่าทําไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงได้แข็งแกร่งจนสามารถจัดการกับผู้ชายถึงสี่คนได้โดยที่ผู้ชายเหล่านั้นไม่สามารถจะตอบโต้อะไรได้เลย?!
เซียวหยูชวนมองดูผู้ชายทั้งสี่คนที่ล้มลงไปกองกับพื้น เธอรู้สึกดีใจโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเธอก็หันไปจ้องมองเหอตงที่ก่อนหน้านี้พูดจาดูหมิ่นเธอ เธอคิดอยู่ในใจว่าถ้าหากเธอมีความแข็งแกร่งและฝีมือการต่อสู้อย่างเฟงบ้าง เธอก็คงจะจัดการเหอตงจนกว่าฟันของเขาจะร่วงออกจากปาก!
แต่ตอนนี้จี้เฟิงได้ทําในสิ่งที่เธออยากทําแต่ไม่สามารถทําได้ไปเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคู่สวยที่เปล่งประกายของเซียวหยูชวนมองไปที่จี้เฟิงอย่างลึกซึ้ง
“เหอตง ดูเหมือนว่าเพื่อนของแกจะไม่สามารถช่วยแกได้นะ!” จี้เฟิงหัวเราะ “ถ้าอยากให้ฉันปล่อยแก แกคงต้องคิดหาวิธีอื่นแล้วล่ะ”
เหอสงสั่นไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด เขาคิดว่าตอนนี้แขนของเขาอาจจะหักไปแล้ว
“จี้เฟิง แกกล้าทําร้ายร่างกายคนอื่นแบบนี้ ไม่กลัวติดคุกหรือไง!” เหอตงตะโกนลั่น “แต่ฉันจะให้โอกาสแกถ้าแกปล่อยฉันตั้งแต่ตอนนี้และขอโทษฉันซะ ฉันจะไม่ถือสาเอาความ!”
“ฮ่าฮ่า..!” จี้เฟิงส่ายหัวและหัวเราะเยาะ “เหอตงดูเหมือนว่าแกจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ ถ้าฉันกลัวว่าแกจะเอาเรื่อง ฉันคงไม่ทําแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอก ดังนั้นคําขู่ของแกมันไม่ได้ทําให้ฉันหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย!”
“ซึ่ม!” เหอตงเจ็บปวดจนมีเหงื่อออกเต็มไปหมด เขากัดฟันและพูดว่า “แกไม่กลัว แต่เซียวหยูซวนไม่แน่เอาเลย ยิ่งแกทําร้ายฉันให้เจ็บมากเท่าไหร่ครอบครัวของเธอก็ยิ่งพบกับความฉิบหายมากขึ้นเท่านั้น!”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็คงต้องฆ่าแกเดี๋ยวนี้สินะ!” จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“จี้เฟิง อย่า!” เมื่อเซี่ยวหยูซวนได้ยินดังนั้นเธอก็ตกใจมากและรีบร้องห้ามจี้เฟิงทันที เพราะถ้าขี้เฟิงฆ่าเหอตงในสถานที่แบบนี้เข้าจริงๆ มันจะเป็นความผิดทางกฎหมายที่รุนแรงมาก เขาอาจมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต “เฟิง! ปล่อยเขาไป ชีวิตของคนหน้าด้านไร้ยางอายคนนี้ไม่คุ้มค่าพอที่จะทําให้มือของเธอต้องแปดเปื้อน!”
“หยูซวน เซียวหยูซวน บอกให้เขาปล่อยผมที” เมื่อเหอตงได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่สนอะไรทั้งสิ้น เขารีบขอร้องอ้อนวอน “จี้เฟิง หยูชวนเธอพูดถูกอย่าเอาชีวิตของนายมาแลกกับฉันเลย มันไม่คุ้มกันหรอกปล่อยฉันไป!”
“ไปให้พ้น!” จี้เฟิงเหวี่ยงข้อมือของเหอตงและเตะไปที่หน้าอกของเขาอย่างแรง เหอตงล้มกลิ้งไม่ต่างจากลูกบอล
ชายทั้งสี่คนพยายามลุกขึ้นเพื่อเข้ามาช่วยเหอตง “ผู้จัดการ คุณโอเคมั้ย?”
เหอตงส่ายหัว ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ข้อมือและหน้าอกทําให้เขาแทบจะยืนไม่อยู่ แม้ว่าผู้ชายทั้งสี่คนจะช่วยพยุงเขาก็ยังลุกขึ้นมาอย่างยากลําบาก เขาจ้องมองไปที่เฟิงอย่างโกรธแค้นราวกับว่าถ้าเขาละสายตา ไปแม้แต่วินาทีเดียวเขาอาจจะลืมใบหน้าของเฟิง
“ไอ้จี้เฟิง ฉันจะไม่ลืมเรื่องในครั้งนี้อย่างเด็ดขาด แกจะต้องชดใช้กับสิ่งที่แกทํากับฉัน!” เหอตงพูดอย่างโกรธแค้นจากนั้นดวงตาของเขาก็เหลือบมองไปที่เซียวหยูซวนอีกครั้ง “เซียวหยูซวนจําไว้ด้วยเธอมีเวลาอีกแค่สามวัน! ฉันหวังว่าอีกสามวันเธอจะมาร่วมงานวันเกิดของคุณชายหลได้ตรงเวลาไม่เช่นนั้นบริษัทของพ่อเธอจะต้องล้มละลาย และครอบครัวของเธอก็เตรียมกระโดดตึกตายหนีหนี้ได้เลย!”
“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” เซียวหยูชวนมองไปที่เหอตงด้วยความผิดหวังอย่างมาก “ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี!”
“ฮีม ฉันจะคอยดูว่าเธอจะหยิ่งไปได้อีกนานแค่ไหน!” เหอตงมองจี้เฟิงและเซียวหยูซวนด้วยแววตาอาฆาตอีกครั้งก่อนจะรีบหันหลังเดินจากไป
“ค่อยๆเดินล่ะ ระวังจะล้ม ถนนมันลื่น!” จี้เฟิงตะโกนเสียงดังจากทางด้านหลัง และในขณะเดียวกันเขาก็หยิบทิชชูออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วขยํามันเป็นก้อนจนกลายเป็นลูกบอลขนาดเล็กและดีดมันออกไปอย่างรวดเร็วราวกับกระสุน
เหอตงซึ่งกําลังเดินจากไปเขารู้สึกได้ว่าขาของเขาชาและทันใดนั้นขาของเขาก็อ่อนยวบล้มกลิ้งไปข้างหน้าทันที
เนื่องจากการต่อสู้ของจี้เฟิงกับชายทั้งสี่คน ทําให้ตอนนี้มีผู้คนมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมาย และเมื่อในตอนนี้เหอตงที่กําลังจะเดินจากไปเกิดขาอ่อนล้มลงกับพื้นหลังจากคําพูดของจี้เฟิงมันจึงทําให้ผู้คนเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ไอ้พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน!” เหอตงโกรธมาก เสียงหัวเราะจากผู้คนรอบข้างทําให้ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวอยากจะลุกหนี้ให้เร็วที่สุดแต่ก็ลุกไม่ขึ้นเขาไม่สามารถออกแรงที่ขาได้จึงได้แต่นั่งอ่อนระทวยอยู่บนพื้น
“มัวรออะไรอยู่ รีบดึงฉันขึ้นไปสิ!” เหอตงตะคอกและมองไปที่ลูกน้องทั้งสี่ของเขาด้วยความโมโห
“ห้ะ!” “อ๊ะ” “ครับ!” ผู้ชายสามสี่คนสะดุ้งและตอบสนองทันที เขารีบดึงเหอตงขึ้นและพยุงเขาไปยังรถที่จอดอยู่ข้างทางและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่สาวหยูซวน เราก็ไปกันเถอะ!” โดยไม่รอคําตอบของเซียวหยูซวน จี้เฟิงก็จับมือเล็กๆที่เนียนนุ่มของเธอและเดินออกไปจากกลุ่มจีนมุง เมื่อคนอื่นๆเห็นว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าตื่นเต้นแล้วพวกเขาก็พากันแยกย้ายจากไป
…..จบบทที่ 160