The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 147
บทที่ 147 ไปเยี่ยมอาสอง
เมื่อจี้ช่าวเหลยมองเห็นขี้เฟิงที่เพิ่งเดินออกมา เขาก็โบกมือให้ทันที “น้องชาย ทางนี้!”
“ว้าว!”
จี้เฟิงยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าแรงๆ และพูดติดตลกว่า “ประธานบริษัทเจียนอันกรุ๊ปนี่ช่างแตกต่างจากคนธรรมดามากมายจริงๆ!”
“ยังไงรี?” จี้ชาวเหลยถามด้วยรอยยิ้ม
“เงินส่วนรวมนี้ยังไงก็ใช้จ่ายสบายกว่าเงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง อย่างประธานฉินที่ทํางานอย่างหนักเพื่อหาเงิน และถึงจะมีรถที่ดีพอแต่ก็ยังเทียบไม่ได้เลยกับรถของประธานแห่งเจียนอันกรุ๊ป!” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม โดยที่เขาไม่ได้หันไปมองที่เจิ้งฮ่าวหยูเลยแม้แต่นิดเดียว สําหรับจี้เฟิงคนแบบเจิ้งฮ่าวหยูก็ไม่ต่างจากขยะ
จี้ชาวเหลยได้แต่ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “น้องชาย นายเข้าใจผิดแล้ว นายรู้หรือไม่ว่าในการทําธุรกิจ ผู้คนส่วนใหญ่จะสนใจกับรูปลักษณ์ภายนอกรวมถึงสิ่งของอื่นๆก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าเราจะทําธุรกิจแต่ยังไม่มีแม้แต่รถยนต์ดีๆซักคัน เกรงว่าคงจะไม่มีตัวตนในสายตาของใครด้วยซ้ําในการติดต่อธุรกิจ แม้แต่กับโครงการใหญ่ๆบางโครงการ ด้วยรถคันนี้มันจะทําให้ผู้คนเชื่อได้ว่าเราก็มีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง..”
จี้เฟิงมองเขาด้วยรอยยิ้ม มีเพียงเด็กสามขวบในโรงเรียนอนุบาลเท่านั้นที่จะเชื่อในเรื่องนี้
“เหอเหอ… เออฉันลืมแนะนําไป นี่คือเจิ้งฮ่าวหยูคนที่นายเพิ่งเจอเมื่อกี้นั่นแหละ” เนื่องจากสายตาของจี้เฟิงที่มองมา จี้ชาวเหลยรู้สึกอิหลักอิเหลือเล็กน้อย เขาจึงชวนจี้เฟิงเปลี่ยนเรื่องคุย
“เสี่ยวจ ฉันไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ เลยอาจจะเผลอทําเรื่องผิดพลาดอย่างมหันต์จนทําให้คุณรู้สึกขุ่นเคือง ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ได้โปรดอภัยให้ฉันด้วย!” ดูเหมือนเฟิงฮ่าวหยูจะปรับทัศนคติของตัวเองไปเรียบ
เขาพยักหน้าและทําท่าเหมือนจะเอื้อมมือไปจับมือกับจี้เฟิง แต่ก็ยังคงกล้าๆกลัวๆ
จี้เฟิงเหลือบมองเขาและยืนอยู่ที่หน้ารถโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งเฉยของจี้เฟิง เจิ้งฮ่าวหยูก็รู้สึกได้ว่ามีเหงื่อเย็นๆผุดขึ้นที่หน้าผากและแผ่นหลังของเขา ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าถ้าไม่ได้รับการอภัยจากจี้เฟิง เขาจะต้องพบกับปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน!
ไม่ใช่เพราะเฟิงฮ่าวหยูเป็นคนรู้ผิดชอบชั่วดี แต่เป็นเพราะสิ่งที่จี้ชาวเหลยพิ่งบอกกับเขาเมื่อครู่มันทําให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ
การที่จี้เฟิงไล่เขาออกมาจากห้องอาหารในคลับอย่างไร้ความปราณีมันทําให้จี้ฮ่าวหยูรู้สึกโกรธแค้นมาก แต่เขาก็มีความสับสนเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทําไมหลังจากที่จี้ชาวเหลยมองไปที่บัตรประจําตัวของจี้เฟิงแล้วท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากในตอนแรกจี้ช่าวเหลยมาที่นี่เพราะจะช่วยเขาพูดเรื่องของฉันซูเจี้ยให้กับเขา แต่จู่ๆเขาก็ไปเข้าข้างเด็กจี้เฟิงนั่นอย่างรวดเร็วราวกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี
แม้ว่าเขาจะรู้สึกโกรธมากแค่ไหน เขาก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ เพราะเขาคงไม่กล้าพอที่จะไปท้าทายคนอย่างจี้ชาวเหลยหรือแม้แต่เด็กหนุ่มที่แต่งตัวเหมือนคนธรรมดาคนนั้น
ไม่จําเป็นต้องพูดถึงจช่าวเหลย เขาเป็นถึงลูกชายของเลขาธิการพรรคเทศบาลนครเจียงโจว และมีข่าวลือหนาหูว่าเขานั้นเป็นหนึ่งในรุ่นที่สามของตระกูลจี้แห่งหยานจิง เขาต้องได้รับช่วงต่อจากตําแหน่งภายในรัฐบาลกลางอย่างไม่ต้องสงสัย นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจเล็กๆอย่างเจิ้งฮ่าวหยูจะสามารถทําได้ยิ่งไปกว่านั้นกว่าที่นักธุรกิจเล็กๆอย่างเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีและได้รับการสนับสนุนของชาวเหลยในบางครั้ง แล้วเขาจะกล้าทําให้คนอย่างจี้ชาวเหลยไม่พอใจได้อย่างไร? แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็คงจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับจี้ชาวเหลยได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะรู้สึกโกรธแค้นแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าที่จะเผยร่องรอยความรู้สึกต่อหน้าจี้ชาวเหลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นเพียงแค่ประโยคเดียวจากปากของจี้ชาวเหลยก็เพียงพอที่จะลบล้างความพยายามของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ความคิดในตอนแรกของเจิ้งฮ่าวหยูที่เห็นจี้เฟิง เขาคิดว่าจี้เฟิงเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาไม่น่าจะเป็นคนที่มีอิทธิพลหรือภูมิหลังที่ดี แน่นอนว่านอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูหล่อเหลาและท่อนแขนที่แข็งแกร่ง รวมถึงแววตาที่เฉียบคมของเขา เจิ้งฮ่าวหยูจึงคิดว่าจี้เฟิงเป็นเด็กหนุ่มคนใหม่ที่ฉินซูเจี้ยดูแลอยู่
…ใบหน้าเล็กๆขาวๆที่ดูสวยอย่างกับผู้หญิง แต่กลับมีร่างกายที่แข็งแกร่งเสริมความหล่อเหลามากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามเมื่อเจิ้งฮ่าวหยูเห็นท่าทีของจี้ชาวเหลยที่มีต่อจี้เฟิง เขาก็แทบจะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ และหลังจากนั้นเขาก็รู้ว่าได้ทําให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ต้นกําเนิดของบุคคลที่สามารถทําให้จี้ชาวเหลยปฏิบัติตัวด้วยทัศนคติแบบนี้ได้จะเป็นอะไร?
แม้เจิ้งฮ่าวหยูจะมีความสงสัยมากมายอยู่ในใจ แต่เมื่อเขาถูกขับไล่ด้วยคําว่า “ออกไป!” ของจี้เฟิงที่พูดอย่างไร้ความปราณี มันทําให้เขาต้องออกจากที่นั้นพร้อมกับความรู้สึกอับอายทันทีและไม่มีโอกาสที่จะได้ไขความสงสัยที่อยู่ในใจ
แต่ก็นับเป็นโชคดี เพราะหลังจากที่เขาออกมาจากคลับได้ไม่นาน จี้ชาวเหลยก็เดินตามออกมา ทันใดนั้น เจิ้งฮ่าวหยูก็รีบคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเขาได้ เขารีบทักทายจี้ชาวเหลยทันที
หลังจากถูกตําหนิอย่างรุนแรงโดยจี้ชาวเหลยเจิ้งฮ่าวหยูก็ถามในสิ่งที่สงสัยในที่สุด “จชาวเหลย เด็กหนุ่มคนนั้นเขาเป็นใครหรือ?”
“คุณหมายถึงจี้เฟิง?” จี้ชาวเหลยหัวเราะทันที “เจิ้งฮ่าวหยู คุณนี่สุดยอดจริงๆ แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของฉัน คุณก็ยังกล้าที่จะขู่ฆ่าเขา!”
“ห้ะ!?”
เจิ้งฮ่าวหยุยืนโง่อยู่กับที่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกเหมือนท้องฟ้ากําลังหมุน อาการคล้ายๆกับคนที่กําลังจะล้มทั้งยืน
สมองของเขายังไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้ทัน ทําไมเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องของจี้ช่าวเหลยไปได้? หลานชายของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลนครเจียงโจวผู้ยิ่งใหญ่กลับสวมเสื้อผ้าธรรมดาๆ และยังเป็นคนของฉันซูเจียอีก เรื่องนี้มันจะไม่เป็นตลกร้ายเกินไปหน่อยหรือ?
ไม่! มันไม่ถูกต้อง
จู่ๆเจิ้งฮ่าวหยูก็เหมือนคนเพิ่งได้สติ เขามีอาการตอบสนองกับความคิดขัดแย้งกันเองในหัวของเขา “แม้ว่าช่าวเหลยจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่จําเป็นว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจะต้องมีภูมิหลังที่ใหญ่โตไปด้วย เพราะหากเขาเป็นคนที่มีภูมิหลังที่ใหญ่โตเขาก็ไม่น่าจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาแบบนี้ ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ หวังว่าความยิ่งใหญ่ของเจียงโจวจะอยู่ได้นานกว่านี้อีกหน่อย ดังนั้นก็พอจะมีหวัง ฉันจะลองเสนอผลประโยชน์ บวกกับการขอโทษอย่างอ่อนน้อม ก็คงจะพอทําให้เรื่องนี้จบลงได้!!”
หลังจากที่คิดได้เช่นนี้เฟิงฮ่าวหยูจึงถามอย่างระมัดระวัง “จี้ชาวเหลย ลูกพี่ลูกน้องของคุณดูเหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะทําได้ฉันก็อยากจะทํา แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร จี้ช่าวเหลยคุณต้องให้คําแนะนําฉันบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันคงได้ตายจริงๆแน่!”
จี้ชาวเหลยเป็นคนฉลาด เขาสามารถมองเห็นความคิดของเจิ้งฮ่าวหยได้อย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะอย่างดูถูกก่อนที่จะพูดว่า “เจิ้งฮ่าวหยู อย่าหาว่าฉันไม่เตือนคุณ ลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่ใช่คนบ้านนอกอย่างที่คุณคิด เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันและคุณลองจินตนาการดูว่า ถ้าเขาอยู่บ้านของฉันต่อหน้าคนทั้งบ้าน พี่ชายคนโตของฉันยังต้องเคารพความคิดเห็นของเขาและแม้แต่พ่อของฉันยังไม่สามารถละเลยความคิดเห็นของเขาได้ คุณก็คิดเอาเองแล้วกันว่าเขายังเป็นคนบ้านนอกไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างที่คุณคิดอยู่หรือเปล่า!”
บ้าไปแล้ว!
ขาของเจิ้งฮ่าวหยูอ่อนยวบจนทรุดลงไปกับพื้น เขารู้สึกวิงเวียนหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
ลูกพี่ลูกน้องของจี้ชาวเหลยที่แม้แต่จชาวเหลยและพี่ชายของเขาต้องให้ความสําคัญกับความคิดเห็นของเขา แค่นั้นมันก็มากเกินพอแล้ว สําหรับบุคคลเช่นนั้นถ้าเจิ้งฮ่าวหยูยังเดาไม่ออกสมองของเขาก็คงทํามาจากสมองหมู
“ปรากฏว่าเด็กหนุ่มคนนั้นแม้เขาจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นแค่นักศึกษา แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขากลับกลายเป็นลูกหลานตระกูลจี้โดยตรง และยังเป็นบุคคลที่สําคัญมากในตระกูลอีกด้วย!” จากคําพูดของจี้ช่าวเหลย ทําให้เจิ้งฮ่าวหยูเข้าใจทุกอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะเดียวกันมันก็ทําให้เขาหนาวสันอยู่ข้างใน
รู้หรือไม่ว่าถ้าหากจี้เฟิงต้องการจะจัดการกับเจิ้งฮ่าวหยูจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าจี้ชาวเหลยต้องการจะหยุดเรื่องนี้ เพราะอย่างที่จี้ชาวเหลยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าแม้แต่พ่อของเขายังต้องรับฟังความคิดเห็นของจี้เฟิง!
เจิ้งฮ่าวหยูแทบจะสิ้นหวัง เนื่องจากตัวตนที่แท้จริงของจี้เฟิงนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้มาก และจี้ชาวเหลยจะไม่ยืนอยู่ข้างเขาอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้น เห็นได้จากที่ก่อนหน้านี้จชาวเหลยสั่งให้เขาขอโทษโดยไม่บอกเหตุผลและขับไล่เขาออกจากห้องอาหารของคลับโดยทันที
ด้วยความสิ้นหวัง เจิ้งฮ่าวหยูรีบขอร้องอ้อนวอนจี้ช่าวเหลยทันทีด้วยความหวังอับริบหรี่ว่าอย่างน้อยจี้ชาวเหลยอาจจะเห็นถึงความสัมพันธ์อันเก่าแก่ของเพื่อนร่วมชั้นเรียนบ้าง ถึงแม้ในสายตาของจี้ชาวเหลยนักธุรกิจเล็กๆอย่างเขานั้นจะไม่สลักสําคัญอะไรเลย
แต่ภายในใจของจี้ชาวเหลยเองเขาก็ไม่อยากจะเห็นเพื่อนร่วมชั้นเก่าของเขาคนนี้ถูกจี้เฟิงจัดการเช่นกัน เขาจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆและพูดว่า “คุณมีทางเดียวที่จะรอดจากเรื่องนี้ไปได้นั่นก็คือ เมื่อจี้เฟิงเดินออกมา คุณต้องยอมรับสารภาพความผิดของคุณทั้งหมดอย่างจริงใจ และฉันจะช่วยสนับสนุนคําพูดของคุณ มันก็น่าจะพอทําให้เขาใจเย็นลงได้บ้าง”
เจิ้งฮ่าวหยูพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เขารีบคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่พอจะสามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้
ด้วยเหตุนี้เอง ทัศนคติของเจิ้งฮ่าวหยูจึงเปลี่ยนไปและกล่าวขอโทษอี้เฟิงอย่างอ่อนน้อม
จี้ชาวเหลยมองไปยังใบหน้าของจี้เฟิงที่สงบนิ่งและยังไม่พูดอะไร แต่เขารู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้อภัยเจิ้งฮ่าวหยู
แต่จี้เฟิงไม่ได้ทําธุรกิจหรือมีอิทธิพลอะไรมากในเจียงโจว ดังนั้นหากเขาต้องการที่จะจัดการกับเจิ้งฮ่าวหยู เขาจะต้องพึ่งพาพลังของอาสามหรือพ่อของเขาเท่านั้น แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูผู้อาวุโสทั้งสอง มันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่และบานปลายได้
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้จี้ช่าวเหลยจึงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “น้องชาย ในเมื่อเขาขอโทษและยอมรับผิดจากใจจริงแล้ว นายช่วยลืมๆมันไปได้มั้ย เพราะอีกอย่างเรื่องนี้ฉันก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน!”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “พี่รอง แล้วทําไมพี่ถึงต้องเข้าข้างเขาด้วย?”
จี้ชาวเหลยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวอย่างขมขื่น “อย่างแรกคือเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับฉัน และอย่างที่ฉันได้พูดไปก่อนหน้านี้ ฉันติดหนี้บุญคุณเขาอยู่ครั้งหนึ่ง!”
“ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ ผมจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็แล้วกัน!” จี้เฟิงหันศีรษะไปทางเจิ้งฮ่าวหยูช้าๆและกล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นชา “แต่.. คุณห้ามไปก่อกวนประธานฉินอีกเป็นอันขาด เพราะเธอเป็นเพื่อนของฉัน!”
เจิ้งฮ่าวหยูไม่กล้าที่จะคัดค้านแม้แต่น้อย มันเหมือนกับพรที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ ดังนั้นเขาจึงรีบพยักหน้าอย่างรีบร้อนและพูดว่า “ขอบคุณจช่าวเหลยและเสียวจี!”
“ไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว!” จี้เฟิงปัดมือของเขาราวกับไล่แมลงวัน “อย่าลืมว่าถ้าคุณยังก่อกวนประธานฉินอีก คุณจะต้องเจอกับอะไร!”
ใบหน้าของเจิ้งฮ่าวหยูดํามืดและมีความโกรธแค้นอยู่ในแววตาของเขาเล็กน้อย แต่เขาก็รีบพยักหน้าและจากไปทันที่ด้วยความอับอาย
“นี่เจิ้งฮ่าวหย…” จี้เฟิงขมวดคิ้วขณะที่มองไปยังด้านหลังที่จากไปของเจิ้งฮ่าวหยู จี้เฟิงเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อคําพูดนั้นมาถึงริมฝีปากของเขา เขาก็หยุดพูดหลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วจี้เฟิงก็ส่ายหัวโดยไม่พูดอะไรออกไป
ในตอนนั้นเองถึงแม้เจิ้งฮ่าวหยูจะจากไปแล้วแต่สีหน้าและแววตาที่แสดงถึงความอาฆาตแค้นเพียงแวบเดียว ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของจี้เฟิงไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขารับการฝึกอบรมสายลับระดับสูง จี้เฟิงยิ่งรับรู้ความรู้สึกหรือรังสีสังหารของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าเจิ้งฮ่าวหยูจะไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าจี้เฟิง แต่ท่าทางที่แสดงออกให้เห็นถึงความคับแค้นใจนั้นทําให้จี้เฟิงรับรู้ได้โดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงไม่ได้คิดที่จะบอกเรื่องนี้กับจี้ชาวเหลย บางทีจี้ชาวเหลยเองก็น่าจะพอรู้อยู่แล้วว่าเจิ้งฮ่าวหยูไม่ใช่คนดีนัก สิ่งนี้สามารถเห็นได้จากทัศนคติของจี้ช่าวเหลยที่มีต่อเจิ้งฮ่าวหยู ยิ่งไปกว่านั้นหากจี้เฟิงต้องการจะจัดการกับเจิ้งฮ่าวหยู เขาก็ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องบอกอะไรกับจี้ชาวเหลยแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม และตราบใดที่เจิ้งฮ่าวหยดื้อด้านทําในสิ่งต้องห้าม จี้เฟิงก็ไม่จําเป็นต้องมีความปราณีกับเขา
“น้องชายอย่าไปคิดมากเลย” จี้ชาวเหลยดูเหมือนจะอ่านความคิดของจี้เฟิงออก เขาเปิดประตูรถและดันเพิ่งเข้าไปในรถตรงฝั่งที่นั่งข้างคนขับ จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งยังฝั่งคนขับและสตาร์ทรถ
จี้เฟิงเอนหลังพิงกับเบาะ เขาหลับตาลงเล็กน้อยและถามว่า “พี่รอง พี่จะพาผมไปไหน?”
“ยังต้องถามอีกเหรอว่าฉันจะพานายไปที่ไหน เนื่องจากนายมาเรียนมหาวิทยาลัยในเจียงโจว และอาสองของนายได้สั่งพวกเราไว้ว่าอย่ารบกวนนายโดยไม่จําเป็น แต่ฉันก็รู้ดีว่าเขาอยากพบนายมากแค่ไหน!” จี้ช่าวเหล่ยส่ายหัวและยิ้มขณะที่เขาขับรถ “ฉันจะโทรหาพ่อของฉันก่อน ถ้าเขารู้ว่านายกําลังไปหา เขาต้องดีใจมากๆแน่!”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและเขาก็ได้รู้บางอย่างเพิ่มเติมว่าเขาไม่สามารถปิดบังอาสองของเขาได้เลยเมื่อเขา มาที่เจียงโจว แต่เหตุผลที่ยังไม่มีใครมายุ่มย่ามและสอบถามเกี่ยวกับตัวเขานั่นเป็นเพราะพ่อของเขาน่าจะบอก กับอาสองเรื่องความต้องการของเขาเองที่ยังไม่อยากให้ใครมารบกวนเขา เกรงว่าถ้าอาสองต้องการจะพบเขา จริงๆ การบุกมาแล้วพังหอพักก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“พี่รอง ช่วยแวะซูปเปอร์มาร์เก็ตก่อนได้มั้ย?” จี้เฟิงหันหน้าไปทางฝั่งคนขับและยิ้ม “ไปพบคุณอาทั้งที จะไม่มีของติดไม้ติดมือได้อย่างไร!”
“เด็กน้อย เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังจะต้องเอาของอะไรไปเยี่ยมอีกล่ะ?” จี้ชาวเหลยกล่าวด้วยรอยยิ้มใน ขณะที่เหยียบคันเร่งเกิดแรงผลักขึ้นทันทีและ BMW X6 ก็พุ่งทะยานไปบนท้องถนนอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายจี้เฟิงก็ยังไม่ได้ซื้อของขวัญเพื่อไปเยี่ยมอาสองของเขาเป็นครั้งแรก แต่ภายใต้คําพูดหว่านล้อมของจี้ชาวเหลยที่บอกกับเขาว่าคนในครอบครัวไม่จําเป็นต้องสุภาพเกินไป นอกจากนี้อาคนที่สองของเขาเป็นถึงเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลนครเจียงโจว เขาก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะซื้ออะไรที่เข้าท่าไปเยี่ยมค นระดับนี้
หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่งจนหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้เขาจึงหลับตาลงราวกับว่าเขากําลังหลับอยู่
จี้เจิ้นถั่ว อาคนที่สองของจี้เฟิงมีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ของคณะกรรมการพรรคเทศบาลนครเจียงโจวซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองของเจียวโจว แต่บรรยากาศภายในเขตพื้นที่บ้านของครอบครัวนี้กลับไม่รู้สึกถึงความวุ่นวายของเมืองใหญ่เลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูสะอาดและสงบซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในย่านใจกลางเมืองเช่นนี้
…จบบทที่ 147-