The simple life of the emperor - ตอนที่ 143
ในขณะที่เทียนหลางกำลังเขียนใบสมัครอยู่นั้นเขาก็หันไปถามตู่เชิง
“แล้วนายจะเข้าร่วมคณะสำรวจด้วยหรือเปล่า ?”
ตู่เชิงส่ายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงดายว่า
“ฉันไปไม่ได้หรอก นอกจากจะมีเรื่องที่บ้านต้องจัดการแล้วก็ยังมีอีกบางวิชาที่ไม่สามารถขาดเรียนได้ด้วย”
“เรียนควบลำบากน่าดูเลยนะ”
ตู่เชิงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมา แม้การเรียนควบสองคณะจะเป็นอะไรที่ลำบากแต่สำหรับตู่เชิงที่การเรียนดีแล้วล่ะก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ต้องอ่านหนังสือเพิ่มเล่มสองเล่มเท่านั้น
คณะสำรวจครั้งนี้จะไปสำรวจที่ส่วนหนึ่งของทะเลทรายโกบีซึ่งจากที่เทียนหลางดูในแผนที่แล้ว ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อทางตอนใต้ของประเทศมองโกเลีย และทางตอนเหนือของจีน
ดูเหมือนว่าคณะสำรวจของนักโบราณคดีที่ได้ร่วมงานกับศาสตราจารย์คนหนึ่งของมหาลัย ได้บังเอิญขุดไปพบเจอกับโบราณสถานแห่งหนึ่งที่นั่นซึ่งมันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมาก ทางมหาลัยจึงได้ติดต่อของอนุญาตกับคณะสำรวจ ขอให้ทางมหาลัยจิงไห่นำนักศึกษาจำนวนหนึ่งไปดูงานที่นั่น
ซึ่งทางเหล่านักโบราณคดีนั้นก็ยินดี แต่มีข้อแม้ว่าทางพวกเขาจะต้องจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง แน่นอนว่าทางมหาลัยนั้นไม่มีปัญหากับเรื่องนี้แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายเหล่านั้นส่วนหนึ่งทางมหาลัยก็มาเก็บกับเหล่านักศึกษาจากค่าสมัครเข้าร่วมคณะสำรวจนั่นแหละ ซึ่งเทียนหลางจะต้องจ่ายถึงหนึ่งหมื่นหยวนเลยทีเดียว
สำหรับเทียนหลางนั้นหนึ่งหมื่นหยวนไม่ได้มากอะไรแต่สำหรับคนอื่นนี่สิ ค่อนข้างที่จะลำบากเลยทีเดียวเมื่อเทียนหลางหันไปมองรอบๆก็เห็นว่ามีหลายคนนั้นแสดงสีหน้าเสียดายออกมา สำหรับคนที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักโบราณคดี หรือทำงานด้านประวัติศาสตร์ในอนาคต การได้เข้าร่วมคณะสำรวจครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก แม้พวกเขาจะอยากเข้าร่วมมากแค่ไหนแต่การหาเงินหนึ่งหมื่นหยวนมาจ่ายค่าสมัครนั้นก็ค่อนข้างจะยาก ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะในระหว่างนั้นอีกซึ่งแน่นอนว่าตกเป็นเงินนับพันหยวนแน่ๆ
โชคยังดีที่กว่าจะออกเดินทางก็อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ดังนั้นใครที่ยังไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าสมัครได้ก็สามารถจ่ายพร้อมกับยื่นใบสมัครก่อนหน้านั้นได้
หลังจากที่เทียนหลางยื่นใบสมัครเขาก็ได้ทำการจ่ายเงินทันที ก่อนจะหันไปคุยเล่นกับตู่เชิงและไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร ในระหว่างทางเทียนหลางก็พบเจอกับนักศึกษาหญิงมาขอถ่ายรูปบ้างเล็กน้อยจนทำเอาตู่เชิงพูดออกมาด้วยความอิจฉา
“เดียวนี้ฮ็อตใหญ่เลยนะ”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดกับตู่เชิงว่า
“นายก็หน้าตาดี สนใจถ่ายแบบไหมละเดียวฉันแนะนำกับผู้จัดการให้”
ตู่เชิงหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้นพร้อมกับส่ายหัว
“ไม่ล่ะ ฉันคงไม่เหมาะกับงานแบบนั้นแน่ๆ”
เทียนหลางยักไหล่เล็กน้อยก่อนที่ทั้งคู่จะไปกินข้าวกัน หลังจากกินเสร็จแล้วเทียนหลางก็กลับบ้านทันทีเพราะวันนี้เขาไม่มีเรียนจึงไม่คิดจะอยู่ที่นี้ต่อ
ในระหว่างทางกลับเทียนหลางก็ได้รับโทรศัพจากเลขาไป๋
“ว่าไงครับเลขาไป๋”
[ เทียนหลางฉันมีข่าวร้ายจะแจ้งให้เธอได้ทราบ ]
เทียนหลางงุนงงกับคำพูดของเลขาไป๋เล็กน้อยก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“เกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นๆงั้นเหรอครับ ?”
[ คือเกิดเรื่องขึ้นกับสมาชิกคนอื่นของหน่วยระหว่างไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศน่ะ ]
เทียนหลางที่ได้ยินก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดว่าของกำลังหมาป่าที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของกองทัพจะเกิดเรื่องขึ้นได้ เทียนหลางจึงกล่าวถามรายละเอียดทันที
“แล้วสถานะการณ์ของพวกเขาตอนนี้ละครับ ?”
[ ตอนนี้ทางกองทัพกำลังประชุมกันเรื่องจะจัดตั้งทีมช่วยเหลือ แต่นายพลหลินเกรงว่าจะไม่ทันการจึงได้คิดจะจัดส่งทีมพิเศษเข้าไปก่อน ]
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะถามกับเลขาไป๋ว่า
“แล้วหนึ่งในนั้นก็มีผมด้วยใช่ไหมครับ ?”
[ ใช่แล้วล่ะ หลังจากผลงานที่ขั้วโลกเหนือของนายทำให้นายพลหลินคาดหวังกับความสามารถในการลอบเล้นของนายเอาไว้สูงจึงอยากจะให้นายเข้าร่วมกับทีมพิเศษนี้ด้วย ]
เทียนหลางคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับเลขาไป๋
“ถ้างั้นผมขอฟังรายละเอียดก่อนก็แล้วกันนะครับ”
[ คือเมื่อไม่กี่วันก่อนหน่วยหมาป่านั้นได้ภารกิจใหม่ เป็นภารกิจที่ร่วมมือกันระหว่างสามองค์กรซึ่งมีเรา FBI และ CIA ซึ่งสิ่งของนั้นทางเราคาดว่าจะอาวุธชีวภาพ ในจังหวัดไฮ่ผิงแน่นอนว่าทางเราได้ติดตามพวกมันไปแต่ดูเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วจึงได้วางกับดักพวกเรา และได้จับตัวคนของเราไปรวมถึงคนของอีกสององค์กรด้วย ]
ได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็คิดเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปว่า
“มีเกลือเป็นหนอนงั้นเหรอครับ ?”
[ ทางเราเองก็ไม่มั่นใจเช่นเดียวกัน เพราะเราไม่อาจสรุปได้ ]
“แล้วยังไงต่อครับ ?”
เทียนหลางถามด้วยความสงสัย
[ เมื่อคืนวานเราได้รับการติดต่อจากสายหนึ่งในหน่วยของ CIA พวกเขาบอกว่าได้พบที่ซ่อนตัวของคนกลุ่มแล้วและด้านในก็พบว่ามีตัวประกันอยู่ด้วย พวกเราจึงสันนิษฐานว่าตัวประกันเหล่านั้นคือคนของเรา จึงได้จะจัดตั้งหน่วยเข้าไปช่วยเหลือ ]
“หยั่งงี้เอง ว่าแต่ที่กบดานของพวกนั้นอยู่ที่ไหนงั้นเหรอครับ ?”
[ อยู่ในทะเลทรายโกบี ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับเลขาไป๋ไปว่า
“เอาอย่างงี้แล้วกันนะครับเลขาไป๋ บอกนายพลหลินไปว่าเรื่องหน่วยพิเศษอะไรนั่นปัดทิ้งไปและส่งข้อมูลทั้งหมดมาให้ผมในอีเมล และเดียวผมจะไปจัดการให้”
[ เธอแน่ใจงั้นเหรอ ? ]
“ครับ ผมทำงานเร็วกว่าพวกเขาอยู่แล้ว และอีกอย่างผมรู้สึกสนใจทะเลทรายนั่นอยู่พอด้วย”
[ สนใจงั้นเหรอ ? ]
“ครับ พอดีเดือนหน้าที่คณะของผมมีการจัดตั้งทีมดูงานเพื่อไปดูงานที่โบราณสถานที่พึ่งถูกค้นพบที่นั่นนะครับ”
[ อ๋อ เรื่องนั้นฉันก็ได้ยินมาบ้าง เอาล่ะเดียวฉันจะส่งข้อมูลทุกอย่างไปที่อีเมลของเธอก็แล้วกันนะ ]
“ครับผม”
เทียนหลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อยกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนจะรีบขับรถกลับบ้าน
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame