The simple life of the emperor - ตอนที่ 140
เมื่อหลินตงไห่ได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็ถึงกับขมวดคิ้วทันทีก่อนจะเอ่ยถามเทียนหลาง
“นายเล่นหมากล้อมเป็นหรือเปล่า ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้ามกับหลินตงไห่ และเริ่มเดินหมากกับเขา ทางด้านหลินเสวี่ยเธอนั้นรู้ได้ทันทีเลยว่าพ่อนั้นต้องการจะคุยอะไรบางอย่างกับเทียนหลาง เธอจึงรีบขอตัวออกไปทันที
ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินหมากกันอยู่นั้นหลินตงไห่ก็ได้เอ่ยถามกับเทียนหลางว่า
“เธอขอให้ฉันอนุญาตให้เธอกับหลินเสวี่ยคบกัน แต่เท่าที่ฉันรู้มาเธอนั้นอาศัยอยู่กับนางแบบคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ? แล้วไหนจะมีคุณหนูซูหลินแห่งตระกูลหลี่อีก”
มือของเทียนหลางที่กำลังจับหมากอยู่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็นว่า
“ทั้งสามคนได้คุยกันเรียบร้อยแล้วครับ แล้วก็ตกลงกันได้แล้วด้วย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรครับ”
หลินตงไห่ได้ยินแบบนั้นคิ้วของเขาก็ถึงกับม้วนเข้าหากันอย่างรวดเร็วก่อนจะมองไปที่ประตูห้องเล็กน้อยและถอนหายใจออกมา
“ถ้าหากว่าพวกเธอคุยกันเรียบร้อย งั้นฉันก็คงจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยไม่ได้”
เทียนหลางเมื่อได้รับคำยืนยันจากหลินตงไห่แล้วเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอบคุณ จากนั้นหลินตงไห่ก็พูดขึ้นอีกว่า
“แต่ถึงแม้ฉันจะไม่ขัด เธอก็อย่าได้ชะล่าใจเกินไปล่ะ”
เทียนหลางขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามออกไปด้วยความสงสัย
“คุณหมายความว่ายังไงงั้นเหรอครับ ?”
“ในช่วงไม่กี่วันมานี้หลินเสวี่ยน่ะเริ่มจะมีผู้ชายมาตามจีบเธอ แล้วดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักใหญ่โตในโลกผู้บ่มเพาะด้วย”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเลิกคิดเกี่ยวกับมันอีก เพราะถ้าหากเป็นลูกหลานของผู้มีอิทธิพลมันก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย แต่ถ้าหากผู้ชายเหล่านั้นเป็นเพียงศิษย์ของสำนักผู้บ่มเพาะแล้วล่ะก็การจัดการมันจะเป็นคนละเรื่องกันเลย
เพราะแม้แต่สำนักอัคคีที่มีนิกายโบราณหนุนหลังอยู่เทียนหลางก็ยังเผามาแล้ว แล้วกะอีแค่สำนักใหญ่ทั่วไปทำไมเทียนหลางจะไม่กล้าทำอะไร
และถึงแม้ทางฝั่งนั้นจะกล้าต่อให้เทียนหลางให้เวลาพวกเขาอีกสักร้อยปีหรือพันปีพวกเขาก็คงไม่สามารถแม้แต่จะจับชายเสื้อของเทียนหลางได้อยู่ดี
ดังนั้นเทียนหลางจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เมื่อหลินตงไห่เห็นท่าทีที่สงบของเทียนหลางเขาก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามออกไปด้วยความสงสัยว่า
“เธอไม่กังวลเลยงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
“พวกเขาเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านเพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่มีอะไรจะต้องไปใส่ใจมากนัก”
เมื่อหลินตงไห่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเตือนกับเทียนหลางด้วยความหวังดีว่า
“ถึงเธอจะพูดอย่างงั้นแต่ก็ควรจะระวังเอาไว้หน่อย แม้ฉันจะไม่ได้รู้เรื่องของผู้บ่มเพาะมากนักแต่สำนักของพวกเขานั้นก็เป็นหนึ่งในสำนักที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในประเทศจีน”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอบคุณที่หลินตงไห่เป็นห่วงเขา
“ขอบคุณที่เตือนนะครับ แน่นอนว่าผมไม่อยากจะยุ่งอะไรกับพวกเขามากนักแต่ถ้าหากพวกเขาพยายามจะเล่นอะไรตลกๆแล้วล่ะก็…”
เทียนหลางเงียบลงพร้อมกับยิ้ม เมื่อหลินตงไห่เห็นรอยยิ้มของเทียนหลางเขาก็ถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันที รอยยิ้มของเทียนหลางนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าหากสำนักเหล่านั้นล้ำเส้นเมื่อไหร่ตัวเขาก็พร้อมที่จะลบสำนักเหล่านั้นทิ้งภายในทันที
หลินตงไห่ที่สรุปได้แบบนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกกับเทียนหลางว่า
“เช่นนั้นก็แล้วแต่เธอเถอะ ฉันและพ่อจะไม่เข้าไปยุ่งอะไรทั้งนั้น”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากที่พูดคุยกันอีกสักพักเทียนหลางก็ขอตัวกลับ ซึ่งก่อนกลับเทียนหลางก็ได้มอบเม็ดยาบางอย่างให้กับหลินตงไห่และบอกว่ามันจะช่วยเหลือเขาในการบ่มเพาะและฟื้นตัว
———————————————————————————————————————————
ณ ค่ำคืนอันเงียบสงบที่สวนด้านหลังบ้านของเทียนหลาง ในตอนนี้เทียนหลางกำลังนั่งอยู่ที่ศาลากลางน้ำพร้อมกับจ้องมองท้องฟ้าดำมืดที่ไร้ซึ่งเมฆหมอกใดๆ มีเพียงดวงดาวและดวงจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่าง
“ช่างเป็นค่ำคืนที่หาได้ยากนักในยุคปัจจุบันเช่นนี้”
เทียนหลางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาก่อนจะขยับนิ้วมือของเขาและเริ่มเล่นกู่เจิงที่อยู่ตรงหน้า เสียงอันไพเราะของกู่เจิงวิญญาณนั้นดังไปทั่วหมู่บ้านเทียเฮอและบริเวณย่านชนชั้นสูง
คนที่สรรจรผ่านไปมาหรือคนที่ยังไม่นอนหลับเมื่อได้ยินบทเพลงกู่เจิงที่เทียนหลางได้บรรเลงออกมาก็เริ่มมีอาการเปลี่ยนไป
โดยเฉพาะจื่อคังชายวัยกลางคนนักธุรกิจที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันที่อยู่บ้านไม่ไกลนักและเขายังก็เป็นเพื่อนใหม่คนนึงของพ่อเทียนหลางอีกด้วยพวกเขาทั้งสองมักจะมานั่งเล่นหมากและพูดคุยด้วยกันอยู่บ่อยๆ
เนื่องด้วยจื่อคังนั้นมีอาชีพเป็นเจ้าของกิจการดังนั้นเขาจึงต้องทำงานหนักตลอดทั้งวันและเมื่อตกดึกเขาก็ยังจะต้องมานั่งเคลียเอกสารที่บริษัทของเขาอีกด้วย จึงมักจะทำให้เขานั้นนอนดึกอยู่บ่อยๆ
ในขณะที่เขากำลังอ่อนล้ากับการทำงานมาตลอดทั้งวัน ทันใดนั้นเขาก็ยินเสียงของคนกำลังเล่นกู่เจิงอยู่แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก แต่ถึงกระนั้นเขากลับรู้สึกความอ่อนล้าสะสมจากการทำงานหนักตลอดทั้งวันนั้นค่อยๆสลายหายไป ร่างกายของเขากลับรู้สึกเบาขึ้น ดวงตาที่พร่ามัวกลับกลายเป็นเด่นชัด
จื่อคังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากและเชื่อว่าเหตุใดการณ์แปลกประหลาดนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเสียงเพลงอันน่าหลงใหลนั้นอย่างแน่นอน
และแน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นไปทั่วบริเวณรอบๆหมู่บ้านเทียเฮอ และชุมชนชั้นสูงข้างเคียงโดยมีบ้านของเทียนหลางเป็นจุดศูนย์กลาง
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame