The simple life of the emperor - ตอนที่ 129
หลังจากที่เทียนหลางจัดการทุบอำพันปีศาจจนกลายเป็นผงไปแล้วเขาก็ได้นำถุงผ้าใบเล็กๆออกมาและเก็บเศษซากของมันทั้งหมดเข้ามาในถุง ก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋า
แอนเดียที่มองเห็นการกระทำของเทียนหลางนั้นเธอก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“คุณจะเก็บเศษพวกนั้นไปทำอะไรงั้นเหรอ ?”
“มันมีประโยชน์ต่อผมน่ะ”
เทียนหลางไม่ได้พูดอะไรมากนักเพราะเรื่องของอำพันปีศาจยิ่งมีคนรู้เกี่ยวกับมันน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้นเพราะเจ้าอำพันปีศาจนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับการสร้างกองทัพปีศาจแล้วนั้นมันยังเป็นส่วนผสมชั้นเยี่ยมในการหลอมอุปกรณ์หรืออาวุธวิเศษอีกด้วย
เมื่อแอนเดียเห็นว่าเทียนหลางนั้นไม่อยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับมันเธอก็ไม่ฝืนที่จะบังคับเทียนหลางให้พูดออกมา เธอทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่จะเอ่ยกับเทียนหลางว่า
“เรื่องของด้านล่างน่าจะจบแล้ว พวกเราขึ้นไปด้านบนกันเถอะค่ะ”
“นั่นสินะ ผมเองก็อยากเห็นแสงตะวันและซูดรับอากาศบริสุทธิ์แล้ว อยู่ข้างล่างมีแต่จะอุดอู้เปล่าๆ”
แอนเดียพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกันไปตามทางเพื่อกลับขึ้นมาชั้นบนซึ่งระหว่างทางเทียนหลางก็ได้ไล่ฆ่าผู้บุกรุกที่เป็นทั้งคนและปีศาจไปพร้อมๆกัน เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงดังของการปะทะกันระหว่างสองฝ่าย
เทียนหลางและแอนเดียต่างมองหน้ากันก่อนจะรีบเดินตรงไปยังจุดต้นเหตุของเสียง ก็พบเห็นว่ามีบาทหลวงคนหนึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับปีศาจสามตนแบบสามรุมหนึ่ง แต่หากจะมองให้ดีดูเหมือนว่าบาทหลวงคนนั้นค่อนข้างจะได้เปรียบปีศาจทั้งสามเสียมากกว่า
เทียนหลางแปลกใจเล็กน้อยที่บาทหลวงคนนั้นสามารถป้องและโจมตีปีศาจทั้งสามตนไปพร้อมกันได้อย่างรื่นไหลและดูเหมือนว่าบาทหลวงคนนั้นจะยังออมมืออยู่อีกด้วย
เทียนหลางมองบาทหลวงคนนั้นอย่างชื่นชมก่อนจะเอ่ยถามกับแอนเดีย
“บาทหลวงคนนั้นใครเหรอครับ ?”
แอนเดียที่ได้ยินคำถามนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบกลับมาว่า
“เขาคือ อาร์คบิชอปคาเพียร์ค่ะ เขาเป็นหนึ่งในคนสี่อาร์คบิชอปที่คอยบริหารองค์กรของเราและยังเป็นหัวหน้าของฉันและหัวหน้าเดเมี่ยนอีกด้วย”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนจะถามกับแอนเดียเพิ่มอีกว่า
“ศูนย์บัญชาการขององค์กรถูกบุกโจมตีขนาดนี้ ไหงมีแค่อาร์คบิชอปคนเดียวที่มากันล่ะ ?”
“อาร์คบิชอปทั้งสี่นั้นมีหน้าที่แตกต่างกันค่ะ นอกจากอาร์คบิชอปคาเพียร์แล้วยังมีท่านอาร์คบิชอปเฟอร์ดินัลที่ยังเก่งกาจด้านการต่อสู้ ส่วนอีกสองท่านนั้นส่วนใหญ่มักจะถนัดในด้านบริหารมากกว่านะค่ะ”
“งี้นี่เอง”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับจ้องมองอาร์คบิชอปคาเพียร์ต่อสู้กับปีศาจ อาร์คบิชอปคาเพียร์ท่องบทสวดบางอย่างออกมาเล็กน้อยก่อนที่สร้อยข้อมือกางเขนที่แขนของเขาจะเปร่งแสงความศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ทันทีที่สร้อยข้อมือกาเกงเปร่งแสงออกมาอาร์คบิชอปคาเพียร์ก็บรรเลงเพลงหมัดเข้าใส่ปีศาจตนหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว
ภายในระยะเวลาสั้นๆร่างกายของปีศาจตนนั้นก็ถูกอาร์คบิชอปคาเพียร์ต่อยจนสภาพยับเยินจนดูไม่ได้ แอนเดียที่เห็นแบบนั้นก็ทำหน้าแหยเกเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ท่านคาเพียร์ทำอะไรรุนแรงเกินเหตุอีกแล้ว”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมาก่อนจะเอ่ยถาม
“เป็นแบบนี้บ่อยเหรอ ?”
แอนเดียพยักหน้าพร้อมกับอธิบายว่า
“แม้ในยามปกติท่านคาเพียร์จะดูเป็นนักบวชที่เคร่งศาสนาและยึดมั่นในหลักคำสอนของพระเจ้า แต่เมื่อใดที่ท่านได้ลงสนามต่อสู้แล้วละก็ท่านจะเปลี่ยนกลายเป็นนักรบบ้าเลือดไปในทันทีเลย ท่านจะต่อสู้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหมดสภาพแน่นอนว่าฝ่ายที่หมดสภาพมักจะเป็นศัตรูของท่านคาเพียร์ทุกครั้ง”
“แต่เนื่องด้วยที่ท่านคาเพียร์มักจะทำลงมือเกินเหตุทำให้ท่านอาร์คบิชอปทั้งสาม และพระคาร์ดินัลดิลุคได้ลงมติกันว่าให้ท่านคาเพียร์อยู่แต่ที่นี้และคอยประจำอยู่ที่ศูนย์บัญชาการ หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงหรือเหตุจำเป็นจริงๆ ท่านคาเพียร์จะไม่มีทางได้ออกจากประเทศนี้เด็ดขาด”
เทียนหลางได้ยินเรื่องราวคร่าวๆของอาร์คบิชอปคาเพียร์แล้วก็ได้แต่ลูบคางเบาๆก่อนจะยิ้มออกมาและพูดกับแอนเดียว่า
“ดูเหมือนท่านอาร์คบิชอปคาเพียร์ของคุณจะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนะ ดูสิเขาจัดการละบายความอัดอั้นทั้งหมดลงใส่เจ้าพวกปีศาจสามตัวนั้นสะเละเป็นเศษเนื้อเลย”
แอนเดียที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆออกมา การทารุนปีศาจโดยอาร์คบิชอปคาเพียร์ยังคงดำเนินต่อไปอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะหยุดลงเพราะปีศาจพวกนั้นได้กลายเป็นเศษเนื้อไปหมดแล้ว
ท่านอาร์คบิชอปคาเพียร์ได้นั่งลงบนพื้นพร้อมกับหอบเล็กน้อยก่อนจะสังเกตุเห็นแอนเดียและเทียนหลางที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ให้มาเห็นด้านน่าอายซะแล้วสิ”
แอนเดียที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับตอบกลับไปว่า
“ไม่หรอกค่ะท่านคาเพียร์ ด้านนี้ของท่านทุกคนเขารู้กันหมดอยู่แล้ว”
“นั่นสินะ ฮ่าๆ”
อาร์คบิชอปคาเพียร์หัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนจะหันมามองที่เทียนหลาง
“แล้วพ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครงั้นเหรอ ? ดูท่าจะไม่ธรรมดาเลยนะเธอน่ะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะแนะนำตัวเอง
“ผมเทียนหลางครับ พอดีว่ามาช่วยแก้ปัญหาของแอนเดียนิดหน่อยนะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นอาร์คบิชอปคาเพียร์ก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาด้วยความสงสัย
“แก้ปัญหาให้กับแอนเดีย ? เธอมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปว่า
“พอดีว่าเธอให้ผมมาช่วยทำลายอำพันปีศาจนะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นอาร์คบิชอปคาเพียร์ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างเขาพยักหน้าเบาๆ
“งี้นี่เอง ว่าแต่ผลลัพธ์เป็นเช่นไรบ้างล่ะ ?”
“ทั้งหมดเรียบร้อยค่ะ คุณเทียนหลางสามารถทำลายมันได้อย่างที่ฉันคาดเดาไว้จริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของแอนเดีย อาร์คบิชอปคาเพียร์ก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขานั้นได้ปลดอีกหนึ่งภาระออกไปได้แล้ว จากนั้นเขาก็หันมาถามกับแอนเดียถึงเหตุการณ์ปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้น แอนเดียจึงอธิบายทุกอย่างให้กับอาร์คบิชอปคาเพียร์ได้ฟังรวมถึงเรื่องที่เป้าหมายของพวกมันคืออำพันปีศาจอีกด้วย
เมื่ออาร์คบิชอปคาเพียร์ได้ยินเรื่องเล่าของแอนเดียเขาก็ดูเหมือนจะเป็นกังวลเล็กน้อยแต่เมื่อรู้ว่าเทียนหลางได้ทำลายมันไปแล้วก็ทำให้เขานั้นแสดงท่าทีโล่งใจออกมา
“ค่อยยังชั่วที่ทำลายเจ้าหินบ้านั่นได้สักที ในอนาคตคงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดดับความฝันของอาร์คบิชอปคาเพียร์ว่า
“มันคงไม่ง่ายอย่างงั้นนะสิครับ”
“หมายความว่ายังไง ?”
อาร์คบิชอปคาเพียร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เทียนหลางจึงพูดว่า
“แม้ว่าอำพันปีศาจจะถูกทำลายไปแล้ว แต่เกรงว่ามันไม่ได้มีเพียงแค่ก้อนสองก้อนนะสิครับ”
เมื่ออาร์คบิชอปคาเพียร์ได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างปลงๆ
“ดูเหมือนว่าเจ้าเฟอร์ดินัลคงจะต้องมีงานหนักรอคอยเขาอยู่ในอนาคตอย่างแน่นอน”
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame