The simple life of the emperor - ตอนที่ 112
เมื่อเทียนหลางได้ยินว่าจะเดินทางกันในตอนนี้เขาก็ถึงกับถอนหายใจออกมาทันที ทำเอาเลขาไป๋และนายพลหลินต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียวกัน
”นายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ?”
เลขาไป๋ถามขึ้น เทียนหลางจึงส่ายหน้าพร้อมกับบอกออกไปว่า
”ดูเหมือนผมจะพลาดดินเนอร์มื้อเย็นกับภรรยานะครับ”
ทางด้านเลขาไป๋และนายพลหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยิ้มแห้งๆออกมาทันที เทียนหลางจึงเอ่ยขอตัวไปโทรศัพบอกภรรยาเรื่องมื้อเย็นวันนี้เสียหน่อยซึ่งทางด้านเลขาไป๋ก็พยักหน้าเพราะเขานั้นก็ต้องไปเตรียมตัวและอุปกรณ์เพื่อซัพพอร์ตเทียนหลางเช่นกันจึงต้องใช้เวลาสักนิดหน่อย
เทียนหลางออกมาจากห้องก่อนจะโทรหาเฟิงหยวน
[ มีอะไรงั้นเหรอ ? ]
เทียนหลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกกับเฟิงหยวนว่า
”พอดีผมต้องไปทำภารกิจที่ขั้วโลกเหนือนะ เลยคาดว่าคงจะกลับมากินมื้อเย็นด้วยไม่ได้”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับมาสั้นๆว่า
[ อืม ]
”คุณไม่โกรธใช่ไหม ?”
[ ไม่โกรธว่าแต่คุณจะกลับมาเมื่อไหร่ ? ]
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
”ผมก็ไม่แน่ใจ แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงเป็นแค่ภารกิจสำรวจศูนย์วิจัยที่ถูกโจมตีเท่านั้นเอง”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา
[ เข้าใจแล้วคุณก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน ช่วงนี้ฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างแปลกๆ ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
”เข้าใจแล้วผมจะระวัง”
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อยเลขาไป๋ก็กลับมาพร้อมบอกกับเทียนหลางว่าเครื่องบินนั้นพร้อมแล้ว เลขาไป๋พาเทียนหลางไปยังลานจอดเครื่องบินซึ่งที่นั่นมีเครื่องบินลำเลียงลำใหญ่จอดอยู่ซึ่งเทียนหลางไม่ได้ตกใจกับการที่เห็นมันนัก
เมื่อเทียนหลางขึ้นมาด้านบนก็พบกับทหารฝ่ายยุทธการกำลังตรวจสอบอุปกรณ์อยู่เลขาไป๋ยื่นแฟ้มเล่มหนึ่งในกับเทียนหลางซึ่งด้านในนั้นเป็นข้อมูลเชิงลึกของศูนย์วิจัยหลังจากนั้นเลขาไป๋ก็ได้บอกกับเทียนหลางว่า
”ต้องขอโทษที่ฉันเดินทางไปด้วยไม่ได้ แต่ฉันจะคอยติดต่อนายผ่านเครื่องติดต่อที่อยู่ในกระเป๋าใบนี้ ด้านในมีอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นสำหรับนายและก็อาหารกับน้ำอีกด้วยเผื่อนายต้องเจอกับสถานะการณ์หลบหนี หรือติดอยู่ด้านใน”
เทียนหลางรับกระเป๋าและแฟ้มมาอย่างว่าง่ายก่อนจะกล่าวลากับเลขาไป๋ หลังจากเลขาไป๋ลงจากเครื่องไปเครื่องบินก็ได้ลอยลำขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าไปยังขั้วโลกเหนือ
ระหว่างทางเทียนหลางก็ได้อ่านแฟ้มที่เลขาไป๋มอบให้ก็พบว่าที่ศูนย์วิจัยนั้นเป็นหนึ่งในศูนย์พัฒนาอาวุธลับของจีนที่ถูกตั้งไว้หลายๆแห่งในโลกซึ่งแน่นอนว่านี่ถือเป็นข้อมูลลับระดับ 5 ซึ่งมีเพียงผู้ที่มีระดับนายพลขึ้นไปเท่านั้นที่จะได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลนี้
ข้อมูลในแฟ้มยังบอกถึงโครงการต่างๆที่ศูนย์วิจัยนั้นได้ทำการสร้างขึ้นมาในช่วงเวลา 5ปีให้หลังซึ่งเรื่องเหล่านั้นก็มีแต่การพัฒนาที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่แม้จะใช้เงินจำนวนมหาศาลอัดฉีดลงไปก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่นปืนพลังงานแสงอาทิตย์ที่อาศัยการบีบอัดพลังงานแสงอาทิตย์ที่กักเก็บไว้ในแหล่งพลังงานให้กลายเป็นคลื่นลำแสงเผาไหม้ฝ่ายตรงข้ามซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้รัฐบาลทุ่มงบไปกับมันมากกว่าห้าพันล้านหยวนแต่ก็ได้เพียงปืนกระบอกเก็บพลังงานแสงอาทิตย์กลับมาซึ่งมันทำได้เพียงชาร์ตพลังงานให้กับบ้านไม่กี่หลังเท่านั้น
ไม่นานนักเครื่องบินลำเลียงก็มาถึงขั้วโลกเหนือ นักบินแจ้งเรื่องนี้กับเทียนหลางเขาจึงเดินมาที่ห้องปฏิบัติการทหารจึงบอกกับเทียนหลางว่า
”เครื่องบินของเราไม่สามารถลงจอดได้ดังนั้นเราจึงจะให้คุณโดดร่มลงไปด้านล่างคงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ เจ้าหน้าที่เทียน”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ส่ายหน้าก่อนจะบอกกลับไปว่า
”คุณแค่บินผ่านศูนย์วิจัยก็พอเดียวที่เหลือผมจัดการเอง”
ทหารทั้งหมดที่ได้ยินก็พยักหน้าเข้าใจก่อนที่ไฟสัญญาจะแจ้งว่าตอนนี้ได้ถึงจุดที่จะต้องโดดร่มแล้ว เทียนหลางก็เดินกลับไปสะพายกระเป๋าโดดร่ม ก่อนจะกระโดดลงจากเครื่องบินไป
แน่นอนว่าตัวตนอย่างเทียนหลางไม่จำเป็นจะต้องใช้ร่มชูชีพแต่เขาก็เอามันมาสะพายไว้เพื่อไม่ให้ใครมองว่าเขาบ้าที่โดดลงไปด้วยตัวเปล่าๆ
ไม่นานนักเทียนหลางก็ลงมาถึงพื้นก่อนจะจ้องมองประตูศูนย์วิจัยที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง เทียนหลางมองประตูศูนย์วิจัยขนาดใหญ่ที่ปิดสนิทก่อนจะเดินเข้าไปเคาะมันเบาๆ
หลังจากที่สำรวจเล็กน้อยเทียนหลางก็ได้รับการติดต่อมาจากเลขาไป๋
[ เทียนหลาง เทียนหลาง ได้ยินที่ฉันพูดไหม ? ]
เทียนหลางหยิบหูฟังมาจากกระเป๋าก่อนจะสวมมันอย่างใจเย็น
”ผมได้ยินแล้ว”
[ นายลงถึงแล้วหรือยัง ? ]
”ถึงแล้วตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าประตูของศูนย์วิจัยซึ่งมันดูเหมือนจะปิดอยู่”
เลขาไป๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปสักพักก่อนจะบอกกับเทียนหลางผ่านหูฟังว่า
[ แถวนั้นจะมีประตูทางเข้าเล็กอยู่นายน่าจะหาเจอ ]
”เข้าใจแล้ว”
เทียนหลางมองซ้ายมองขวาเพื่อหาประตูที่เลขาไป๋บอก หลังจากเดินไปเดินมาอยู่สักพักเขาก็พบกับประตูที่ว่า และดูเหมือนว่ามันจะปิดสนิทเช่นกัน
”ดูเหมือนมันจะถูกปิดไว้อย่างแน่นหนาเลยนะ”
[ งั้นเหรอ นายลองสำรวจดูรอบๆอาจมีทางเข้าอื่นอีก ]
เทียนหลางที่ได้ยินคำแนะนำของเลขาไป๋เขาก็ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
”ไม่จำเป็นต้องหาแล้ว ผมมีวิธีเข้าของผม”
[ นายจะเข้าไปยังไง ? ]
เลขาไป๋ถามด้วยความสงสัยแต่เทียนหลางไม่ได้ตอบกลับ เขาเพียงชูนิ้วขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะกรีดมันลงไปที่ประตู ทันใดนั้นตัวประตูก็เกิดรอยตามทางที่นิ้วของเทียนหลางได้วาดผ่าน ไม่นานนักประตูของศูนย์วิจัยก็พังลงเทียนหลางเดินเข้าไปอย่างช้าๆก่อนจะสำรวจทางตรงหน้าอย่างใจเย็น
”ผมเข้ามาด้านในได้แล้ว”
เลขาไป๋ที่ได้ยินคำกล่าวของเทียนหลางผ่านเครื่องส่งสัญญาณก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขาเพียงบอกเทียนหลางว่า
[ รายงานสถานะการณ์ข้างในให้ฟังที ]
เทียนหลางมองไปรอบๆก่อนจะอธิบายสิ่งที่เขาเห็น
”เอ่อ… ดูเหมือนจะมีคนบุกเข้าในศูนย์วิจัย พวกเขาน่าจะติดอาวุธครบมือจากนั้นก็ลงมือฆ่ายามและคนในศูนย์วิจัย”
เทียนหลางเดินไปตามทางพร้อมกับอธิบายสิ่งต่างๆที่เขาเห็น
”พวกนี้เป็นมืออาชีพพวกเขาสามารถต่อสู้กับหน่วยรักษาความปลอดภัยของที่นี้ได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนพวกเขาจะมีเป้าหมายที่สิ่งของบางอย่างแต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร”
[ สำรวจต่อไป คอยรายงานด้วยนะ ]
”เข้าใจแล้ว”
หลังจากที่เทียนหลางเดินลึกเข้ามาในศูนย์วิจัยเรื่อยๆพร้อมกับกระจายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไป แต่ในขณะที่เทียนหลางกำลังตรวจสอบอยู่นั้นเขาก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากำลังถูกรบกวนด้วยอะไรบางอย่าง
เทียนหลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
”มีไม่กี่อย่างที่สามารถขัดขวางสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของคนที่อยู่ในขอบเขตกษัตริย์ได้ ดูเหมือนว่าศูนย์วิจัยนี้จะไม่ธรรมดาสะแล้วสิ”
เมื่อเทียนหลางเดินลึกเข้าไปในศูนย์วิจัยเขาก็ยิ่งพบสิ่งผิดปกติมากขึ้น จากเดิมที่ตามทางนั้นเขาจะพบกับศพของทหารและวิจัย แต่ตอนนี้เขากลับพบกับชิ้นส่วนของมนุษย์ดูเหมือนว่าการต่อสู้ด้านในเรื่องจะรุนแรงมากขึ้นจำนวนศพก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น
เทียนหลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดใส่หูฟังไปว่า
”คุณโชคดีมากนะเลขาไป๋ที่ไม่ได้มาที่นี้ ไม่งั้นคุณจะต้องฝันร้ายแน่ๆ”
เลขาไป๋ที่ได้ยินก็งุนงงเล็กน้อยก่อนจะถามเทียนหลางออกไป
[ ที่นั้นเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ? ]
เทียนหลางไม่ตอบแต่เขากลับตอบเลขาไป๋กลับไปว่า
”แฟ้มที่คุณให้ผมมาก่อนหน้านี้มีงานวิจัยทั้งหมดที่ศูนย์นี้กำลังพัฒนาอยู่ใช่ไหม ?”
เลขาไป๋ที่ได้ยินคำถามก็ตอบกลับมาด้วยความลังเลว่า
[ ข้อมูลพวกนั้นเป็นข้อมูลทั้งหมดจากที่ฉันหาได้แล้ว หากมีนอกเหนือจากนั้นก็คงเป็นพวกข้อมูลลับระดับ 6 ขึ้นไปซึ่งยศของฉันและนายพลหลินไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ซึ่งมีแต่ ผบ.กองทัพหรือนายกเท่านั้นที่จะเข้าถึงได้ นายพบอะไรงั้นเหรอ ? ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า
”ดูเหมือนศูนย์วิจัยนี้จะซุกซ่อนอะไรมากกว่าที่คุณและนายพลหลินล่วงรู้นะ”
[ นายหมายความว่ายังไง ? ]
เทียนหลางก้มลงพร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่อยู่บนพื้นขึ้นมาซึ่งข้อความบนกระดาษนั้นอธิบายถึงข้อมูลของงานวิจัยงานหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นเซรุ่น หรือน้ำยาอะไรสักอย่างเทียนหลางจึงบอกกับเลขาไป๋ไปว่า
”ดูเหมือนว่าเหล่าทหารพวกนี้มีเป้าหมายที่งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในแฟ้มนะ ดูจากข้อมูลที่ผมเห็นแล้วดูเหมือนจะเป็นเซรุ่นบางอย่างหรืออาวุธเคมีบางชนิด”
เทียนหลางโยนกระดาษนั้นทิ้งพร้อมกับเดินลึกเข้าไปในศูนย์วิจัย
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame