The Rise of Otaku - ตอนที่ 166
บทที่ 166 เก็บของกลับบ้าน
ภายใต้แสงไฟจากท้องฟ้ายามค่ําคืนมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นศูนย์กลางของคอนเสิร์ตทั้งหมดโชคดีที่ผู้คนจากโลกแห่งความเป็นจริงมองไม่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
ส่วนที่สนุกที่สุดของเหตุการณ์นี้คือกลุ่มคนตัวเล็กที่ถือไมโครโฟนที่ใหญ่กว่าพวกเขามากทางโจวหยูอย่างเป็นระเบียบในขณะที่ตะโกน “หนึ่ง สอง หนึ่ง หนึ่งสอง” เพื่อจับคู่เสียงฝีเท้าของพวกเขาจากนั้นวางไมโครโฟนไว้ด้านหน้าโจวหยูอย่างพอดีมันช่างเป็นอะไรที่แปลกที่พวกเขาสามารถหาขนาดที่เหมาะกับผู้คนจากโลกแห่งความเป็นจริงได้
ตอนนี้ไม่มีทางหันหลังกลับแล้ว
ในความเป็นจริงโจวหยได้รับการสังเกตจากผู้คนในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว หลังจากเขานั่งในแถวหน้าเขาก็ได้ถูกจับโดยกล้องหลายต่อหลายครั้งผู้ชมที่ไม่ได้ดูการแสดงบนเวทีในคอนเสิร์ตและยังมีหูฟังอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลายิ่งกว่านั้นเขายังถือกล้องแปลกๆที่บันทึกท้องฟ้ายามค่ําคืนตอดลเวลา มันช่างเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ
คนอื่นต่างก็คิดว่าเขาอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างปัญหาหรือไม่?
บางที่อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของผู้หญิงของหลินวาน เธอรู้ตัวว่ามีคนกําลังมองพวกเขาอยู่ดังนั้นเธอจึงพยายามเตือนเจ้านาย แต่มันก็เป็นอะไรที่ไม่มีประโยชน์ แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้ายังช่วยเธอเพราะต่อมาเธอเห็นว่าเจ้านายของเธอได้วางกล้องลงและยังถอดหัวฟังอีกด้วยในที่สุดเขาก็กลับมาเหมือนคนปกติแล้วและเมื่อเธอกําลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่นั้นเธอก็ต้องกลับมาตกใจกับฉากต่อไป
เมื่อคนดังได้ร้องเพลงจบลง ผู้ชมทั้งหมดก็ส่งเสียงเชียร์ขึ้น และในเวลานั้นเองโจวหยูได้ฉวยโอกาสตะโกนออกมาว่า”มู่ลี่เก่งที่สุด!”
ท่ามกลางเสียงเชียร์ทั้งหมดเสียงโห่ร้องของโจวหยูนั้นไม่ชัดเจนมากนัก สําหรับคนอื่นๆที่ไม่ตั้งใจฟังดีพอพวกเขาจะรู้สึกเพียงว่าเขานั้นกําลังส่งเสียงเชียร์คนดังบนเวทีเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันไม่ใช้กับหลินวานเธอได้ยินอย่างชัดเจนว่าเจ้านายตะโกนเรียกชื่อ “มู่ลี่”
หลินวานรู้ว่าใครคือมู่ลี่ เธอเป็นนักร้องและนักพากย์ที่โด่งดังและลึกลับที่สุดที่ทํางานให้กับเจ้านายของเธอด้วยเพียงเพลงเดียวเธอก็กลายเป็นที่นิยมในชั่วข้ามคืนอย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใครแต่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนแรกที่รู้ความลับเล็กๆนี้ว่าอีกฝ่ายอาจจะอยู่บนเวทีนั้นและนี้อาจจะเป็นเหตุผลหลักที่เจ้านายของเธอมาดูคอนเสิร์ตนี้
นอกจากดาราหลักบนเวทีแล้วยังมีนักร้องหญิงอีกสองสามคนที่ได้รับเชิญจากที่นี่เพื่อเพิ่มสีสันของงานอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นที่เป็นมู่ลี่? แต่เมื่อคิดมากขึ้นเธอก็รู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่ถูกต้อง ทําไมอีกฝ่ายถึงต้องปิดบังตัวเองด้วยเพราะถ้าเธอเปิดตัวออกมาด้วยชื่อเสียงตอนนี้เธอคงจะกลายเป็นดาราดังได้ไม่ยาก
มีสิ่งลึกลับมากมายปรากฏขึ้นรอบๆเจ้านาย มันได้ทรมานหลินวานอยู่ตลอดเวลาจนทําให้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอเองก็กําลังทุกข์ทรมานจากปัญหาทางจิตเช่นกัน มันทําให้เธอขบฟันด้วยความหงุดหงิด
ในตอนนี้โจวหยูต้องการที่จะตายจริงๆ มันเป็นอะไรที่เขาไม่คิดว่าจะทํามาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นการตะโกนอะไรพวกนี้ในงานคอนเสิร์ตเองก็เป็นอะไรที่หน้าอายเกินไป
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ใบหน้าทั้งหมดกลายเป็นสีแดงเหมือนกับไฟ แต่มันก็ยังถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจํา
บางครั้งโจวหยูสงสัยว่าที่เขามีสายตาของโลก ACG นั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้าจงใจช่วยเขา เพราะตั้งแต่ที่เขามีสายตานี้ขึ้นมา มันก็ทําให้เขาทําอะไรที่ไม่เคยทํามาก่อน และยังเพิ่มสีสันในการใช้ชีวิตของตัวเองขึ้นอีกด้วยแต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คงจะเป็นการเปลี่ยนจากโอตาคุเต็มเวลาเป็นโอตาคพาสทาม
และยังถือว่าโชคดีที่หัวใจของเขายังไม่เปลี่ยนไป เขายังคงชอบโลก ACG ตลอดเวลา
มู่ลี่กลายเป็นผู้ชนะในการแข่งขันแผนก D และได้รับรางวัลมากมาย หนึ่งในนั้นคือยาที่ยกระดับค่าสถานะได้เธอได้วางแผนมอบมันให้พี่ชายของเธอที่จะหมดสัญญาในปีนี้ หลังจากนั้นเขาก็จะกลับมารวมตัวกับครอบครัวในหมู่บ้านมินิลู่หัว
นอกเหนือจากยานี้แล้วยังมีรางวัลอื่นอีกมากมาย มู่ลี่ไม่คิดว่าเธอจะได้รับรางวัลมากมายแบบนี้เธอได้เอียงหัวเธอไปมาเหมือนกับใช้ความคิด จากนั้นเธอก็ผลักรางวัลทั้งหมดไปให้โจวหยูและพูดว่า “พ่อ! ของพวกนี้หนูคิดว่ามันคงเป็นประโยชน์มากกว่าถ้าอยู่กับพ่อและด้วยเงินรางวัลพวกนี้มันคงมากพอที่เราจะใช้มันอัพเกรดหมู่บ้านของเรา”
ช่างเป็นเด็กที่ดีอะไรแบบนี้ เธอไม่เหมือนหิงห้อยพี่สาวของเธอผู้ซึ่งมักจะซ่อนเงินของเธออยู่เสมอเพื่อที่เธอจะได้ซื้อเหล้าดื่มตลอดเวลา อย่างไรก็ตามโจวหยูจะไม่รับเงินพวกนี้เหตุผลนะเหรอเพราะนี้เป็นเงินที่ลูกสาวของเขาได้รับมาด้วยความพยายามของตัวเองมันจึงสมควรที่จะเป็นของเธอและอีกอย่างของรางวัลพวกนี้เองก็ดูดีมาก มันเหมาะที่จะนําพวกมันไปตกแต่งห้องนอนของเธอ
แต่เหตุผลที่สําคัญที่สุดคือเธอยังเป็นเด็ก และเขายังแข็งแรงดีมันไม่จําเป็นที่ต้องให้เธอมาเลี้ยงดูครอบครัวในตอนนี้
แต่ด้วยการดิ้นของลูกสาวคนนี้ ดังนั้นโจวหยูจึงยอมรับเฉพาะรางวัลที่มีชื่อว่า “ตราแสงดาว” เพราะมันมีความสามารถในการช่วยให้เขาได้รับความเป็นมิตรของพลเมืองในเครือของเมืองสตาร์ไลน์ได้ง่ายขึ้นซึ่งมันเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเขาในตอนนี้ นอกเหนือจากการทําให้ง่ายขึ้นในการได้รับความเป็นมิตรของชาวบ้านแล้วมันยังเป็นการง่ายกว่าที่จะชักชวนชาวเมืองพวกนั้นให้เข้าร่วมหมู่บ้านของเขา
ในเวลาเดียวกันนั้นเองสองบริษัทที่ได้ให้ความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ก็ได้มาถวงสัญญา ต้องบอกว่าที่จริงแล้วถ้าตอนจบพวกนั้นไม่ได้ถูกเขาช่วยเอาไว้ พวกนั้นก็คงไม่มีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้เช่นกัน ดังนั้นเรื่องสัญญาอะไรนี้มันก็ควรจะถือว่าเป็นโมฆะเช่นกัน แต่ด้วยความเป็นจริงที่เกิดขึ้นว่าอีกฝ่ายได้เข้ามาช่วยเขาในช่วงเวลาที่สําคัญมันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจําเป็นต้องรักษาสัญญาเอาไว้
หลังจากเซ็นสัญญานี้เสร็จ ตัวแทนของทั้งสองบริษัทต่างก็แสดงรอยร้อยตลอดเวลา เพราะการที่พวกเขาสามารถบรรลุสัญญานี้ได้ มันเป็นอะไรที่มีประโยชน์ต่อการบริษัทของพวกเขาอย่างมาก ด้วยสัญญานี้มันทําให้ลดค่าใช้จ่ายได้มากสําหรับบริษัทขนาดเล็กอย่างพวกเขา
วันต่อมาพวกโจวหยูก็ได้เดินทางกลับไปยังบ้านตัวเอง โดยที่พวกเขายังคงขึ้นเครื่องบินกลับ นอกจากเที่ยวบินครั้งที่แล้วที่พวกเขาพบเมืองบนท้องฟ้าแล้ว พวกเขาไม่คิดว่ามันยังมีเมืองบนท้องฟ้าในเครื่องบินลําอื่นเช่นกัน แต่มันก็แตกต่างเช่นกัน เพราะเมืองท้องฟ้าที่นี้นั้นไม่มีการรัฐประหารในพระราชวังหรือปัญหาที่คล้ายกันและนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
อย่างไรก็ตามโจวหยูและกลุ่มของเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเมืองท้องฟ้า แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะโจวหยูนั้นหล่อหรืออะไรก็ได้แต่เป็นเพราะว่ามู่ลี่ที่ทําให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นการที่เธอได้เป็นผู้ชนะในงานแผนก D ทําให้แม้แต่พวกราชวงศ์ก็ได้ออกมาพบพวกเขาซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแชมป์นั้นมีความสําคัญขนาดไหน
ด้วยใบหน้าที่งดงามของมู่ลี่ทําให้การขึ้นเครื่องบินครั้งนี้เป็นการเดินทางที่สะดวกสบายอย่างมาก
หลังจากมีเงินมากมาย มู่ลี่ก็ไม่อาจจะหนีจากทําการล่อลวงของพี่สาวเธอได้ โดยที่หิงห้อยให้เหตุผลว่าพวกเธอควรจะซื้อของขวัญไปฝากคนในหมู่บ้าน และนั้นเป็นเหตุผลที่พวกเธอออกไปช้อปปิ้งจนเงินหมดแน่นอนว่าพวกเธอไม่ลืมที่จะมาขอเงินจากพ่ออย่างโจวหยูเช่นกัน
เมื่อมองดูพวกเด็กน้อยที่ถือถุงของขวัญมากมายเต็มไปหมด ใบหน้าของโจวหยูก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มในเรื่องของการเสียเงินไปนั้นมันถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความสุขที่เกิดขึ้นและคนที่สังเกตเห็นภาพนี้ก็คงมีเพียงหลินวานที่นั่งอยู่ข้างๆเท่านั้น
เธอรู้สึกว่าการนั่งเที่ยวบินขากลับนี้ เจ้านายของเธอดูจะรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก มันเหมือนกับว่าเขาได้ทําภารกิจที่ยิ่งใหญ่สําเร็จ
เมื่อเธอได้นึกย้อนกลับไปในช่วงเวลาสามวันก่อน เธอรู้สึกว่าเจ้านายไม่ได้ทําอะไรเลยนอกจากดูคอนเสิร์ตเท่านั้นแต่อย่างใดในช่วงเวลานั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างลึกลับ มันช่างเป็นอะไรที่ไม่แมสเซนเอาเสียเลยดูเหมือนว่ามีเรื่องที่เจ้านายของเธอปกปิดเอาไว้
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นเองได้มีคนแปลกหน้าติดต่อมาหาเธอเพื่อต้องการถามเธอเกี่ยวกับกิจกรรมประจําวันของเจ้านายไม่เพียงแค่นั้นราคาที่อีกฝ่ายเสนอมาให้เธอเพื่อแลกกับข่าวพวกนี้ก็ไม่ใช้จํานวนน้อยๆเลยที่เดียว
แต่เมื่อเธอคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธเรื่องพวกนี้ไป แต่เหตุการณ์นี้ก็ทําให้เธอรู้ว่ารอบตัวของเจ้านายนั้นต่างก็มีคนคอยจับตาอยู่ตลอดเวลา และอาจบางทีคนงานในสวนสนุกบางคนก็อาจจะเป็นสายลับที่ใครบางคนส่งมาก็ได้ที่
เธอจึงได้ตัดสินใจว่าถ้าเธอกลับไปถึงสวนสนุกแล้ว เธอจะนําเรื่องนี้ไปบอกกับผู้จัดการฟูเพื่อให้เขารับหน้าที่สืบเรื่องที่เกิดขึ้นต่อ