The Legendary Mechanic - ตอนที่ 345
“ผู้พยากรณ์?”ใบหน้าเฮอลัสเต็มไปด้วยความกังขา คนแปลกหน้าจู่ๆก็มาหาเขาและบอกว่าเขาสามารถทำนายอนาคตได้ เขาไม่เคยคิดมาก่อน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
ปฏิกิริยาแรกของเฮอลัสคือการไม่เชื่อ”ในเมื่อนายมองอนาคตได้ แล้วนายรู้ไหมว่าฉันจะกินอะไรพรุ่งนี้เช้า?”
“ต่อให้นายไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร นายแค่ต้องฟัง เวลาจะพิสูจน์ว่าฉันพูดจริงไหม”
หานเซี่ยวไม่สนใจคำพูดเขาและกล่าวต่อ เขาทำให้ตัวเองดูลึกลับและกล่าวด้วยเสียงที่ได้ยินแค่สองคน”ความขัดแย้งได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่นานจากนี้ องครักษ์ของเผ่าพันธ์นายจะแยกตัว และฝันของดาวซันนิลจะแตกสลายไปตลอดกาล หายนะจะดับสิ้นทั้งทรัพยากรและความหวังของพวกนาย ทางเดียวที่เหลือคือมองหาความช่วย้หลือและกลายเป็นดาวภายใต้ของอารยธรรมขั้นสูง คนของนายจะกระจายไปอาศัยตามเมืองต่างๆ ค่อยๆสูญเสียอิสรภาพ พึ่งพาคนแข็งแกร่ง จากนั้นก็ค่อยๆเสียจิตวิญญาณ อดีตของนายจะกลายเป็นคำพูด บันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์ของอารยธรรมชั้นสูงอื่นๆ ลูกของายจะรู้ถึงประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธ์นายผ่านคำพูด…”
เขาใช้คำพูดไม่ชัดเจน บอกเรื่องที่ให้ความรู้สึกคลุมเครือ และเมื่อมันเกิดขึ้น ผู้คนก็จะรู้สึกเห็นแจ้งและเสียใจเมื่อคิดย้อนถึถงคำทำนาย แน่นอน หานเซี่ยวรู้อนาคตของชาวซันนิล เผ่าพันธ์นี้ไม่ได้จบลงแบบปกติ แต่พวกเขา’จบ’ในอีกรูปแบบ
จิตวิญญาณ มรดก ความเชื่อ ประวัติศาสตร์-สิ่งเหล่านี้ที่เผ่าพันธ์มีในช่วงกระบวนการพัฒนาการ ผ่านการคิดหลากหลายและคำตอบ สิ่งที่ไม่อาจแตะต้องได้ทำให้เกิด’อารยธรรม’ เหมือนกับฐานของสิ่งก่อสร้าง พวกมันเป็นสิ่งที่ทุกคนร่วมแบ่งปันกัน เสาที่ค้ำจุนเผ่าพันธ์ พวกสัตว์ร้ายมีหลากหลายชนิด แต่ไม่มีตัวใดเกิดอารยธรรมขึ้น
ดาวซันนิลเป็นอารยธรรมลี้ภัย พวกพิเศษคือผู้พิทักษ์และเผ่าพันธ์ก็ขอบคุณพวกเขา แต่ก็ไม่ได้มีทรัพยากรพิเศษให้รางวัลใดๆ เผ่าพันธ์สามารถฟื้นตัวได้โดยการพึ่งพาพวกพิเศษเท่านั้น และนั่นได้จุดประกายความขัดแย้ง ในชีวิตก่อนหน้าเขา กลุ่มพวกพิเศษไม่อาจทนได้อีกต่อไป พวกเขารู้สึกเหมือนพวกเขาทำมามากพอแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกละทิ้งบ้านเกิดและค้นหาอิสรภาพ ละทิ้งเผ่าพันธ์ ซึ่งพวกเขาเห็นเป็นภาระ
ชาวซันนิลมีบาดแผลสาหัส เดิมที ความเสียหายหลังหายนะยังพอรับได้ และพลังของเผ่าพันธ์โดยรวมก็ค่อยๆฟื้นตัว ทุกคนกำลังมองไปในวันที่ความขมขื่นหายไปจนสิ้นลามารถลิ้มรสหวาน แต่ทว่า เมื่อผู้พิทักษ์ของเผ่าพันธ์แยกตัว สถานการณ์ก็ดิ่งลงเหว ความเสียหายเริ่มมากเกินกว่าทรัพยากรสะสมของเผ่า และยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
ชาวซันนิลไม่มีทรัพยากรพอจะอพยพ แม้พวกเขาจะทำได้ พวกเขาก็ไม่ทำ พวกเขาทำได้แค่มองหาความช้หวยือล กองกำลังชั่วร้ายมากมายมีอยู่ทั่วจักรวาล และอารยธรรมลี้ภัยก็ถือเป็นเหยื่อ หากพวกเขาออกจากการคุ้มครองของโกโดร่า อันตรายก็จะยิ่งมาเยือน มีทั้งพวกกินซาก พ่อค้าทาส และอื่นๆ นี่ไม่ใช่เรื่องหายาก พ่อค้าทาสจะจับเผ่าพันธ์ต่างๆที่หายาก จากนั้นก็เพิ่มราคาในฐานะ’เผ่าพันธ์ใกล้สาปสูญ’ ยังมีองค์กรชั่วร้ายที่คิดเข่นฆ่าเพื่อความพอใจ
กฏทำให้จักรวาลสมดุล แต่ก็ไม่อาจกำจัดความชั่วร้ายทั้งหมดได้
ท้ายที่สุด ซันนิลก็ยอมรับการเยียวยาของโกโดร่าและอพยพอีกครั้ง โกโดร่าแยกชาวซันนิลและส่งกองทัพมาคุ้มครองระยะยาว ยิ่งเวลาผ่านไป อารยธรรมซันนิลก็ถูกลืมเลือน
อารยธรรมจักรวาลทั้งสามได้สร้างกฏการรุกรามอารยธรรมชั้นต่ำขึ้น แต่สงครามไม่เคยจบ งานรื่นเริงและจักรวาลที่ถูกควบคุมเป็นแค่ผิวเผิน และที่หลบซ่อนก็มีอารยธรรมที่ทะเยอทะยานมากมายหรือกำลังรอโอกาส เหนือสิ่งอื่นใด ทุกอารยธรรมล้วนอยากกลายเป็นผู้ปกครอง เนื่องจากมันมีกฏห้ามรุกรานอารยธรรมชั้นต่ำผ่านสงคราม พวกเขาจึงทำการหลอมรวมแทน แม้กระทั่งอารยธรรมที่ชอบด้วยกฏหมายก็ยังไม่ใช่คนใจดี อย่างโกโดร่าที่ยึดถือเรื่องเลือดบริสุทธิ์
ไม่ว่าจะเป็นอารยธรรมที่เจริญหรือล่มสลายก็ตาม หากคนอยากให้อารยธรรมดำเนินต่อ คนอื่นก็จะคว้าโอกาสเพื่อใช้ประโยชน์จากพวกเขา ทุกๆวัน มีเผ่าพันธ์หรืออารยธรรมที่กำลังล่มสลายในมุมของจักรวาล มันยังจะมีความแตกต่างอะไรอีก?อย่างมาก ประวัติของเผ่าพันธ์พวกเขาก็จะถูกบันทึกและกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลังอาหารเย็นหรือบันทึกที่ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร
กาแล็กซี่บางแห่งยังชอบรายงานปัญหาที่อารยธรรมต่างๆเผชิญและจุดขายของมันก็คือการกระตุ้นความเห็นอกเห็นใจของผู้ชม แต่หวังว่าคนอื่นจะเปลี่ยนความเห็นใจเป็นการกระทำจริง บางคนอาจตัดสินใจทางอารมณ์ แต่เมื่อมันเป็นเรื่องของทั้งอารยธรรม มันก็มีแค่กำไรที่สำคัญ ท้ายที่สุดแล้ว ซันนิลก็เป็นแค่หนึ่งในอารยธรรมนับแสน มันไม่มีสิทธิ์ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ นี่คือวงแหวนดาวกระจาย ขอบของจักรวาลอันกว้างใหญ่ มีแต่พวกกากเดนอย่างพวกกินซาก กลุ่มคนที่ถูกทอดทิ้ง ทหารรับจ้างและนักปฏิบัตินิยมเหมือนพวกแร้ง
และดาราทมิฬยังโจมตีอารยธรรมชั้นต่ำเพราะพวกเขาอยากใช้ทรัพยากรของโกโดร่า หากอารยธรรมลี้ภัยแห่งหนึ่งสามารถหยุดพึ่งพาโกโดร่าได้และพึ่งพาตัวเอง ดาราทมิฬจะอนุญาติให้มีพันธมิตรโกโดร่าได้ยังไง?
หานเซี่ยวใช้คำพูดคลุมเครือเพื่ออธิบายอนาคต ปล่อยให้เฮอลัสรู้ว่าอนาคตของซันนิลถูกปกคลุมด้วยความมืด
“ทำไมนายถึงมาบอกฉันอย่าง?นายคิดว่าฉันจะสนใจ?”เฮอลัสถาม เขาเงยหน้าและกระดกเหล้า ดูไม่สนใจ
“เพราะฉันเห็นจุดจบนาย หลายสิ่งสามารถป้องกันได้”หานเซี่ยวยิ้ม
เฮอลัสวางแก้วลงและกล่าวอย่างอยากรู้”ฉันจะจบลงยังไง?”
แม้เขาจะไม่เชื่อคำพูดหานเซี่ยว แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังอยากรู้อนาคต หานเซี่ยวบอกหลายสิ่ง และเฮอลัสก็อยากรู้ว่าชายคนนี้เห็นอนาคตเขายังไง
หานเซี่ยวหยุดและยิ้ม”เมื่อนายเชื่อว่าฉันเป็นผู้พยากรณ์ ฉันจะบอกนาย”
“ฉันเชื่อแล้ว”เฮอลัสมองกลับ
“หากนายเชื่อจริงๆ นายก็มาหาฉันได้ในครั้งหน้า”
หานเซี่ยวยิ้ม การโกหกใช้ไม่ได้กับเขา
เฮอลัสเป็นตัวละครหลักของซันนิล ตามประสบการณ์ของคนๆนี้ หานเซี่ยวคิดว่ามีโอกาสที่จะเอาบทบาทของตัวละครนี้มา ครั้งนี้ เฮอลัสยังเป็นคนติดเหล้าเพื่อหนีความจริง ไม่ตรงกับสไตล์ของตัวละครหลัก ชิ้นส่วนที่เขายังไม่เริ่มเล่น และนายช่างหานก็ได้ทำทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนแปลงเฮอลัส หวังสร้างความประทับใจกับเขา
กองกำลังเขาต้องมีNPCมากกว่าหนึ่ง และเฮอลัสก็เป็นเป้าหมายทดลองแรก
ครั้งนี้ การถกเถียงดังจากมุมของบาร์ หนึ่งในนั้นเมาและทะเลาะกับเพื่อน ดูเหมือนว่ากำลังพูดถึงการอยู่รอดของเผ่าพันธ์ และก็ขัดแย้งกันเพราะความไม่เห็นด้วย
“นายไม่รู้อะไร”เพื่อนกล่าวอย่างโกรธ”นี่เป็นแผนของโกโดร่า พวกมันตั้งใจอพยพเรามายังดาวเคราะห์อันตราย พวกเขาจะไม่รู้ถึงสภาพแวดล้อมของดาวนี้ได้ยังไง?โกโดร่าอยากให้เราอ้อนวอนพวกมัน!”