The King of the Battlefield - ตอนที่ 238
บทที่ 238: สกายลอร์ด (1)
เทพปีศาจเลราเจ เป็นผู้บังคับบัญชาปีศาจมากกว่าสองล้านตัว และปัจจุบันมันกำลังพยายามกำจัดเกรโมรี่
มันสวมเสื้อเกราะสีเขียว และสวมหมวกนักรบมีเขา ทุกส่วนสัดเต็มไปด้วยลักษณะทั่วไปของนักล่า ร่างกายของมันสูงใหญ่เกือบ 50 ม. ใช้ดาบและธนูที่ใหญ่โตเหมาะสมกับรูปร่างตนเองเป็นอาวุธ
“ระยะห่างเริ่มสั้นลงแล้ว”
ณ ที่ราบกว้าง ปีศาจ 2 ล้านตนรวมกันอยู่รอบๆพื้นที่ซึ่งเป็นหลุมวงกลม
ราชาปีศาจตนหนึ่งเดินนำออกมากล่าวพูดกับเลราเจราวกับกระซิบ
เมื่อฟังความจบ เลราเจก็ก้มหน้าลงครุ่นคิด
“ เกรโมรี่ดูเหมือนนี่จะเป็นการพยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายของเธอสินะ”
มันเลื่อนสายตาลงไปจับจ้องที่หลุมเบื้องล่าง
พื้นดินที่ยุบตัวลงนี้ เป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงกับรอยแยกของเกรโมรี่
อย่างไรก็ตามถ้าไม่ได้เปิดจากด้านใน ใครก็ยากที่จะแทรกซึมเข้าไปได้
หากมันสามารถกำหนดที่ตั้งของรอยแยกได้ คงไม่ต้องมานั่งรอคอยเช่นนี้
‘ประตูที่นำไปสู่รอยแยกเปลี่ยนแปลงที่ตั้งอยู่ตลอดเวลา’
เกรโมรี่ก็เดาทางไว้อยู่แล้วว่าเทพปีศาจจากด้านนอกจะต้องพยายามเข้ามา ดังนั้นเธอจึงคอยเปลี่ยน ‘ประตู’ ก่อนที่รอยแยกจะถูกเชื่อมโยง
‘นี่จะต้องใช้พลังเวทมนตร์มหาศาล มันเหมือนการฆ่าตัวตายดีๆนี่เอง ‘
แน่นอนมันเป็นวิธีที่สามารถซื้อเวลาได้ แต่ก็ได้แค่นั้นจริงๆ
เมื่อเวลาผ่านไปเธอย่อมไม่สามารถต้านทานจำนวนพลังเวทที่สูญเสียไปได้ แม้ว่าจะเป็นเทพปีศาจแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีพลังเวทมนตร์มากมาย ในสักวันเธอจะต้องถึงขีดจำกัด และสุดท้ายทุกอย่างก็จะเหลือไว้แต่ความพินาศ
เลราเจ ตราบใดที่มันยังคุมพื้นที่รอบๆเอาไว้ยังไงเธอก็หนีไม่พ้น
“ ไม่สนุกเลยแฮะ”
มันเป็นเทพปีศาจแห่งสมรภูมิรบ มันสนุกกับการทำสงครามและไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันาต้องการชัยชนะที่น่าเบื่อแบบนี้
ตัวตนของมันมีอยู่เพื่อการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น มันไม่ชอบการชนะที่เกิดจากแค่การเฝ้าระวังรอบๆเหมือนผู้เฝ้ายาม
ร่างกายของมันอยากปะทะ
มีเพียงเทพปีศาจเท่านั้นที่สามารถเผชิญหน้ากับเทพปีศาจด้วยกันได้ และมันเชื่อว่าผู้ที่เป็นถึงหัวหน้าของฝ่ายปฏิปักษ์อย่างเกรโมรี่จะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีแน่ๆ
ยังไงก็ตามมันต้องผิดหวัง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเลราเจถึงได้หงุดหงิด
“เดียโบลไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนนะ? ข้าน่าจะไม่เบื่อเช่นนี้ถ้าผู้ที่สังหารเฮอเรสปรากฏตัวขึ้น”
เลราเจแตะธนูที่สะพายบนหลังของตน
มันเป็นเทพปีศาจแห่งสนามรบและยังเป็นนักล่ามังกร
มังกรหลายร้อยตัวถูกธนูของมันสังหาร เดียโบลก็มีลักษณะคล้ายเผ่ามังกรเช่นกัน และหากสามารถสังหารมันได้คงจะดีไม่น้อย
สำหรับเดียโบลผู้ที่ดับลมหายใจของเฮอเรสเทพปีศาจแห่งเปลวเพลิงด้วยเปลวเพลิง การที่สามารถพิชิตและประดับหัวของมันไว้บนปราสาท สถานะของตนจะต้องดูสูงส่งกว่าเทพปีศาจใดๆ
ราชาปีศาจตอบเลราเจ
“ เรากำลังค้นหาอย่างต่อเนื่อง แต่…ไม่เจอร่องรอยอะไรเลย ยังไงก็ตามมีข้อสงสัยว่าเดียโบลได้ผ่านสกายลอร์ดมาถึงที่นี่แล้ว”
“ เฮอเรสถูกเดียโบลสังหารลงที่นี่! เห็นได้ชัดว่าเกรโมรี่สามารถอัญเชิญเดียโบลได้ ถ้าไม่ใช่เช่นนั้นก็คงเป็นฝีมือของผู้อื่น”
เดียโบล มันเป็นเทพปีศาจจากมิติอื่น อย่างน้อยมันก็ไม่เข้ากันกับโลกนี้
ตัวตนต่างถิ่น มอนสเตอร์แปลกหน้า และบางสิ่งจากภายนอกที่ไม่ควรมีอยู่
ดังนั้นพวกมันจึงสร้างสกายลอร์ดเพื่อขวางมันเอาไว้ที่เส้นกั้นเขตแดน อย่างน้อยก็จนกว่าพวกมันจะสามารถกำจัดความวุ่นวายภายในและฝ่ายตรงข้ามได้ก่อน
แต่มันกลับโผล่มาสังหารเฮอเรสที่นี่ได้ยังไง?…”
แน่นอนว่าเป็นเพราะ ‘การแทรกแซง’ ของเกรโมรี่ หรือผู้อื่น
มันเคยได้ยินว่ายังมีบุคคลที่สามอื่นอีก
‘ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเปลวเพลิงของมันไม่ได้ผลกับข้า’
อย่างไรก็ตามเลราเจไม่สนใจ เลราเจสนใจเพียงว่าหากเดียโบลปรากฏตัวขึ้น มันจะตามล่ามันและทำให้มันกลายเป็นของที่ระลึก
ถ้าใครกล้าเข้ามาขวางมันก็จะกำจัดซะ เลราเจให้ความสำคัญกับเดียโบลอย่างสมบูรณ์มากกว่าเกรโมรี่ที่ซ่อนตัวอยู่ด้วยซ้ำ
‘หากคนนอกเข้ามาได้ นั้นหมายถึงเราก็สามารถออกไปข้างนอกได้เช่นกัน ‘
ถูกต้องแล้ว เดียโบลเป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่ง แม้จะไม่แน่ใจว่ามันเข้ามาได้อย่างไรก็ตามที กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือมีทางเดินเชื่อมต่อกับด้านนอก!
‘ข้าสามารถเป็นอิสระจากคำสาปของโซโลมอนได้’
เลราเจกัดฟันแน่น
เดียโบลเป็นเพียงการเริ่มต้นสำหรับแผนที่ยิ่งใหญ่ของเลราเจเท่านั้น
“ หามันให้เจอ ข้าไม่สนใจว่าจะต้องใช้วิธีการอะไร ”
“ข้าจะทำให้ดีที่สุด นอกจากนี้ยัง…”
“ เจ้ามีอะไรจะพูดอีก?”
“ ไกลจากที่นี่ ข้าพบ ‘ร่องรอย’ ของกองทัพขนาดใหญ่”
เลราเจขมวดคิ้ว
“ กองทัพงั้นรึ? ไกลจนข้าตรวจไม่พบเชียว?”
“ เป็นเช่นนั้น พวกมันอยู่ไกลเกินกว่าที่ท่านจะตรวจพบ ข้าคิดว่ามีทหารนับแสนอยู่ที่นั่น”
เลราเจสบตาราชาปีศาจผู้นำข่าวมารายงาน
เลราเจมีดวงตาที่อนุญาตให้เขาตรวจจับวัตถุที่อยู่ห่างออกไป 100 กม. และระยะทางที่เขาสามารถสัมผัสได้เป็นถึงสองเท่าของสายตา หมายความว่ากองทัพดังกล่าวอยู่ไกลกว่า 200 กม.ในขณะที่ลบร่องรอยอย่างสมบูรณ์
เลราเจปีศาจเทพแห่งสมรภูมิรบที่มักตื่นตัวอยู่เสมอ
“ จากร่องรอยที่เจ้าพบ แสดงว่ามันไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว ? ”
“ ใช่ครับ เรากำลังเร่งตามรอยของพวกมันอยู่ในขณะนี้”
เลราเจขมวดคิ้ว
เป็นเทพปีศาจจากฝ่ายตรงข้ามหรือไม่?
อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่ฝ่ายตรงข้ามจะเดินทางไปๆมาๆในงสถานที่แห่งนี้ตามอำเภอใจ
มีเทพปีศาจน้อยมากที่รู้เกี่ยวกับระยะที่มันสามารถตรวจจับได้ แม้ว่าพวกมันจะเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเทพปีศาจภายใต้คำสั่งของเกรโมรี่
เป็นคำสั่งพิเศษของบาอัล หรือมีเทพปีศาจที่เป็นศัตรูของมันหรือไม่?
มันสงสัย
บางทีอาจไพม่อนผู้ที่เลราเจไม่สามารถบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ยังไงก็ตามมันก็คอยจับตาดูไพม่อนอยู่แล้ว หรือเป็นบุคคลที่สาม ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายปฏิปักษ์หรือสนับสนุน พวกมันดูเหมือนจะมาเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง
‘มีข่าวว่าพบการแทรกแซงจากภายนอก’
บางทีพวกมันอาจเกี่ยวข้องกันโดยตรง เกรโมรี่ เดียโบล และบุคคลที่สามดังกล่าว แน่นอนถ้าพวกมันตระหนักถึงตัวตนอย่างเลราเจแล้วมันก็น่าสนใจ
‘พวกมันทิ้งร่องรอยไว้ นี่พวกมันโง่หรือมั่นใจมากกันแน่… ‘
สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าพวกมันตั้งใจทิ้งร่องรอยไว้เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง หรือแค่บังเอิญ
อย่างไรก็ตามเลราเจไม่ได้กังวล เขาเป็นเทพปีศาจแห่งสมรภูมิรบ และเป็นทหารผ่านศึกที่ไม่เคยแพ้
“ สร้างหน่วยค้นหาตามรอยพวกมันไป ห้ามผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น”
“รับทราบ”
ราชาปีศาจโค้งคำนับลงเพื่อแสดงความเคารพ
เลราเจเอื้อมมือไปแตะธนู
‘ข้าหวังว่ามันจะคุ้มค่าพอที่จะใช้ธนูนี้’
ความคิดเห็นของเหล่าเทพปีศาจแตกแยกเป็นสองฝั่ง กลุ่มสนับสนุน คือผู้ที่ต้องการกำจัดมนุษยชาติและเผ่าพันธุ์อื่นทั้งหมดเพื่อสร้างโลกใหม่ และกลุ่มที่ต่อต้านก็คือฝ่ายปฏิปักษ์โดยที่มีเกรโมรี่เป็นผู้นำ
“ เกรโมรี่ท่านไม่อาจต้านทานเช่นนี้ได้ตลอดไปหรอก”
ใบหน้าของเกรโมรี่ไร้ชีวิตชีวา
เธอยังคงสวยงามและบริสุทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เธอไม่สามารถรักษารูปร่างหน้าตาตามปกติของเธอในสถานการณ์ที่ต้องสูญเสียพลังเวทออกไปเรื่อยๆแบบนี้
“ แต่ข้าก็ยังต้องทำ”
“ แม้ว่าท่านจะลดพลังงานลง พวกมันก็ยังไม่กล้าเข้ามาหรอก ถ้าไม่ใช่บาอัลท่านก็ไม่ควรหักโหมเช่นนี้ ‘
“ เจ้าอย่าได้ดูแคลนพลังของเลราเจ มันเป็นหนึ่งในเหล่าเทพปีศาจที่เข้าใจพลังเวทมากที่สุด”
ด้านหน้าของเธอเป็นประตูมิติขนาดใหญ่ เกรโมรี่นั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากหิน ในมือถือลูกปัดสองเม็ดไว้ ลูกปัดดังกล่าวกำลังดูดพลังเวทมนตร์อย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนแปลงทางเชื่อมโยงของรอยแยก
“ แต่หากยังเป็นเช่นนี้…”
ไม่เหมือนกับคนรับใช้อื่นๆที่ติดตามเทพปีศาจ ผู้ที่ติดตามเกรโมรี่นั้นใกล้ชิดสนิทกับเธอมาก พวกเขารับใช้และรักเธอในฐานะเทพเจ้าที่แท้จริง
เกรโมรี่รู้เรื่องนี้เช่นกัน แต่เธอก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้
“ มันคงทนได้อีกไม่กี่เดือนเท่านั้น ‘
ความเร็วมากเกินไป มันดำเนินการเร็วกว่าที่คาดไว้อย่างน้อยสิบปี
พวกเขาคิดว่าพวกมันจะลงมือทำหลังจากพบหนังสือแห่งอภินิหารอย่าง ‘อาร์คโนวา’ แต่ …พวกมันกระตือรือร้นทันทีที่เดียโบลปรากฏตัวแม้ว่าจะยังไม่พบอาร์คโนวาก็ตาม
‘การปรากฏตัวของเดียโบลทำให้พวกมันดำเนินการทุกอย่างเร็วขึ้น’
เดียโบลไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้เนื่องจากอาร์คโนวา หลังจากบางสิ่งถูกเปิดใช้งาน มันก็ฉีกผ่านกำแพงจากต่างโลกเข้ามา
เดียโบลเป็นเหมือนศัตรูของเหล่าเทพปีศาจ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นดั่งความหวัง
ความหวังเกี่ยวกับวิธีที่จะหลบหนีจากโลกนี้ และตอนนี้เกรโมรี่ก็แทบจะสู้ต่อไปไม่ไหว เมื่อฝ่ายที่เห็นพ้องต้องการกำจัดฝ่ายตรงข้ามและเพื่อให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ พวกมันต้องกำจัดผู้นำอย่างเกรโมรี่ซะก่อน
“ …ท่านคิดอย่างไรกับการยืมพลังของเขาอีกครั้ง”
“ เจ้าหมายถึงเขาเหรอ?”
เสียงของเกรโมรี่สั่นเล็กน้อย กระทั่งมีความกลัวปะปนอยู่ในนั้น หมายความว่านี่เป็นเรื่องที่พูดได้ยาก
แน่นอนว่าพวกเธอรอดพ้นอันตรายจากเฮอเรสด้วยความช่วยเหลือของเขา
อย่างไรก็ตามโชคของเกรโมรี่ใกล้จะหมดแล้ว หากพวกเธอต้องพึ่งพาพลังของเขาอีกครั้ง พวกเธอจะสูญเสียทุกอย่าง
“ เขาช่วยเราไม่ได้หรอก”
นอกเหนือสิ่งอื่นใด เขาหายไปหลังจากได้กลืนกินเฮอเรส แม้ว่าพวกเธอจะอยากขอความช่วยเหลือ แตในสถานการณ์เช่นนี้ไม่อาจเป็นไปได้
ใบหน้าราชาปีศาจโดยรอบแข็งตัว พวกเขารู้สึกได้เหมือนกัน ตัวตนที่อยู่ข้างนอกนั้น เลราเจกำลังรอที่จะฆ่าพวกเขาอยู่
เทพปีศาจแห่งสมรภูมิรบ ดาวจรัสแสงผู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้!
หากประตูเปิดออก และพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ พนันได้เลยว่าเธอจะต้องพ่ายแพ้ เหลือเวลาอีกไม่นานก่อนที่คมมีดที่จ่อหอคอยจะสัมผัสกับร่างของเธอ มีเพียงการดับสูญที่รอคอยอยู่ใช่ไหม?
เกรโมรี่รู้ความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี แต่เธอก็ยังมองไม่เห็นทางออก
คลืนนนนนนนนน-
ในขณะนั้นจู่ๆรอยแยกก็สั่นสะเทือน
มันหมายความว่าศัตรูเจอ ‘ประตู’ แล้ว
เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนที่ตั้งของประตูอีกครั้ง ในชั่วพริบตาปริมาณพลังเวทของเกรโมรี่ก็ถูกระบายออกพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว
เหล่าปีศาจต่างมองไปที่เกรโมรี่ด้วยสายตาโศกเศร้า จากนั้นพวกมันก็พูดด้วยท่าทางที่แน่วแน่
“ หากสถานการณ์เลวร้ายมาถึง พวกเราเหล่าราชาปีศาจทั้ง 26 ตนพร้อมกองทัพทั้งหมดจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องท่าน”
ราชาปีศาจของเธอแสดงความมุ่งมั่น
ด้านหลังพวกเขา ปีศาจหลายล้านตัวต่างพากันคุกเข่า
อย่างไรก็ตามพวกเขาหลงลืมใครบางคนไป
จากภายนอก…ราชาปีศาจตนที่ 27 กำลังเริ่มทำอะไรบางอย่าง
มูยอง
ชื่อของผู้ที่จะสร้างคลื่นลมและพายุ
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame