The Defeated Dragon - ตอนที่ 159
เหยินปาเชียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความงุนงง เขาบังเอิญนั่งอยู่ใต้ร่มเงาพอดี ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อุณหภูมิรอบตัวเขายังคงร้อนจัด
ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงในต้าเย่า แต่สภาพอากาศยังคงร้อนแรงอยู่
เสียงคล้องแคล้งของพลั่วกระทบกับโลหะดังมาจากเขาต้าหมัวอันไกลโพ้น
หลังจากที่พวกเขาเผาภูเขาเมื่อวานนี้ รอยร้าวก็ปรากฏขึ้นบนผนังของภูเขา สิ่งนี้ทำให้กู่ฉงและเถาจี้หยวนดีใจมาก พวกเขารู้สึกว่าได้พบวิธีแก้ปัญหาการทำเหมืองที่เขาต้าหมัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม เหยินปาเชียนนั้นไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนพวกเขา เขาคิดว่ามีเพียงผิวของภูเขาเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ด้านในของภูเขาไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเป็นเพราะทั้งสองฝ่ายมีความคาดหวังที่แตกต่างกัน เหยินปาเชียนต้องการโลหะมากพอที่จะหลอมอาวุธสำหรับกองทัพ 20,000 คน
ดาบมาตรฐานทั่วไปที่พลทหารต้าเย่าใช้ไม่ใช่ดาบ 1.5 กิโลกรัมที่คนธรรมดาใช้ ดาบทุกเล่มมีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ต้องใช้เหล็กโดยคร่าว ๆ 10 กิโลกรัมในการหลอม
ทุก ๆ วัน เชลยหลายพันคนในเขาต้าหมัวสามารถขุดเหล็กได้เพียงแค่ 40 กิโลกรัมเท่านั้น จำนวนนี้พอที่จะทำดาบได้เพียงแค่ 4 เล่มเท่านั้น ในอัตรานี้พวกเขาจะสามารถทำดาบได้แค่ 3,000 เล่มสำหรับอีกสองปีข้างหน้า นอกจากนี้ เขาเพียงคำนึงถึงความต้องการของกองทัพจนถึงตอนนี้ ปริมาณเหล็กที่พวกเขาสามารถขุดได้นั้นยังไม่เพียงพออย่างเต็มที่นัก
ย่อมรู้กันว่าไม่ใช่แค่กองทัพที่ต้องการอาวุธ นักล่าที่อาศัยอยู่บนภูเขาก็ต้องการเครื่องมือล่าสัตว์ และคนธรรมดาก็ต้องการเครื่องเหล็กด้วยเช่นกัน
สำหรับเขาลิ่วชุ่ย ถึงแม้ว่าเหยินปาเชียนยังไม่เคยไปที่นั่นเลย แต่เขาก็ได้ถามเถาจี้หยวนเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อพวกเขาคุยกันมาแล้ว มันอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาและถนนบนภูเขาแห่งนั้นก็อันตราย ถึงแม้ว่ามันจะง่ายกว่ามากที่จะสกัดเหล็กออกจากเหมืองนั้น แต่มันก็ยากมากที่จะขนแร่เหล็กออกจากสถานที่แห่งนั้น
แคว้นที่มีประชากร 40 ล้านคนจะไปทำอะไรได้ในเมื่อมันสามารถผลิตเหล็กได้คร่าว ๆ 4,000 กิโลกรัมต่อปีเท่านั้น ?
“ใต้เท้า..ใต้เท้า..พวกเราขุดแร่เหล็กได้อย่างน้อย 200 กิโลกรัมในวันนี้ ! เทียบเท่ากับปริมาณเหล็กที่พวกเราขุดมากว่าห้าวันที่ผ่านมาเชียวนะ !”
เหยินปาเชียนไม่รู้เรื่องในตอนที่เขาหลับไป เขาตื่นขึ้นมาทันทีด้วยเสียงอันดังและตื่นตระหนกของกู่ฉง
“โอ้โห ? 200 กิโลกรัมเลยหรอ ?” เหยินปาเชียนขยี้ตาแล้วตอบกลับไป มันจะใช้เวลาหนึ่งวันในการเผาส่วนหนึ่งของภูเขาเหล็กแล้วทำให้เปียกชุ่ม และอีกหนึ่งวันเพื่อขุดเหล็ก กระบวนการขุดดูเหมือนจะถูกทำให้เร็วขึ้น
“ถ้างั้นก็เพิ่มจำนวนไม้ จะให้ดีที่สุดก็รับสมัครกำลังคนจากเมืองรอบ ๆ เพื่อขนไม้มาที่นี่ กระจายกันเผาภูเขาจากพื้นที่ต่าง ๆ ท่านสามารถเผาและขุดเหล็กบนพื้นผิวฝั่งตะวันออกหรือไม่ก็ฝั่งตะวันตกของภูเขาได้ทุกวัน มันจะเพิ่มประสิทธิภาพให้นิดหน่อยล่ะนะ” เหยินปาเชียนเหยียดหลังแล้วพูดออกมา เขากำลังคิดว่าสภาพแวดล้อมของภูเขาลูกนี้จะเป็นอย่างไรในเวลาไม่กี่ปี ถึงยังไงก็เถอะ ถ้าหากพวกเขาต้องการขุดเหล็กจากภูเขานี้ด้วยการเผา จำนวนไม้ที่พวกเขาต้องการในทุกปีจะมากมายมหาศาล นอกจากนี้ ต้นไม้ใช้เวลาถึง 10 ปีในการเติบโตและงอกเงย
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจำนวนต้นไม้ในสภาพแวดล้อมลดลง พวกเขาจะต้องขนส่งไม้จากที่ห่างไกลเพื่อรักษาความเร็วในการขุดไว้แบบนี้ มันจะต้องใช้กำลังคนมากขึ้น ส่วนตอนนี้ เหยินปาเชียนคิดได้เฉพาะการแก้ปัญหาวิธีนี้เท่านั้น หลังจากเขากลับไปยังดาวโลก เขาจะทำการวิจัยเกี่ยวกับกระจกเว้า
“ใต้เท้า ท่านพูดถูกแล้ว” เถาจี้หยวนตอบกลับไป เหยินปาเชียนสามารถเพิ่มความเร็วในกระบวนการทำเหมืองเหล็กภายในเวลาสองวัน ถ้าหากเขาทำในสิ่งที่เหยินปาเชียนพูด ความเร็วก็จะเพิ่มมากขึ้น เถาจี้หยวนรู้สึกได้ถึงความเลื่อมใสต่อเหยินปาเชียนโดยทันที เขาพูดต่อ “แต่พวกเราต้องขออนุญาตจากพระองค์ก่อนนะ”
“ไปดูกันเถอะ” เหยินปาเชียนยืนขึ้นแล้วให้กู่ฉงนำทาง พวกเขามุ่งหน้าไปยังตีนเขาต้าหมัวเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ เช่นเดียวกับสิ่งที่เหยินปาเชียนคิดไว้ มีเพียงพื้นผิวภูเขาเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากความร้อน รอยร้าวนั้นลึกเพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้น
“ท่านผู้คุมเถา ส่งข้อความถึงพระองค์เพื่อทูลให้พระองค์ทรงทราบสถานการณ์ที่นี่” เหยินปาเชียนหันกลับไปบอกเถาจี้หยวน
ในช่วงเวลามื้อค่ำ ใบหน้าของเถาจี้หยวนและกู่ฉงยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เหยินปาเชียนไม่ต้องการทำลายการมองในแง่ดีของพวกเขา เขาจึงพูดออกมาเพียงแค่ “พรุ่งนี้ข้าจะไปพักผ่อนให้เต็มที่ อย่ารบกวนข้าถึงแม้ว่าจะมีบางอย่างที่สำคัญมาก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมอาหารของข้าด้วยนะ”
“ขอรับ ใต้เท้าเหยิน”
หลังจากที่กล่าวคำอำลาเถาจี้หยวนและกู่ฉงแล้ว เหยินปาเชียนก็กลับไปที่บ้านไม้ เขารอให้ทุกคนหลับไปก่อนที่จะกลับไปยังดาวโลก
เวลาบนดาวโลกแค่ตอนเย็นเท่านั้น เหยินปาเชียนเปิดคอมพิวเตอร์แล้วค้นหาบทความที่เขาเคยเห็นครั้งล่าสุด หลังจากที่พิมพ์คำค้นหาลงในแถบค้นหาแล้ว เขาก็ได้พบเกือบจะในทันที นอกจากนี้ ยังมีบทความมากกว่าหนึ่งบทความในนั้น
มีคนทำการทดลองนี้เมื่อ 70 ปีที่แล้ว บุคคลนั้นใช้กล้องโทรทรรศน์กระจกเหลวเพื่อสร้างเตาแสงอาทิตย์ขนาด 50 กิโลวัตต์ที่สามารถละลายแผ่นเหล็กหนา 1 เซนติเมตรได้ภายใน 30 วินาที
20 ปีต่อมา ชายคนนั้นได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการและใช้กระจกเว้า 10,000 บานเพื่อสร้างพลังงานแสงอาทิตย์ 1,000 กิโลวัตต์ มันสามารถเพิ่มอุณหภูมิของวัตถุได้ 3,500 องศาเซลเซียสได้ในทันที
จุดหลอมเหลวของเหล็กอยู่ที่ 1,538 องศาเซลเซียส ด้วยเหตุนี้ เหยินปาเชียนจึงไม่ต้องการเตาแสงอาทิตย์ที่ทรงพลังขนาดนั้น เขาต้องการสิ่งที่เล็กกว่านั้น
ในคลิปที่เขาเจอในเน็ต ชาวต่างชาติได้ติดตั้งเลนส์ขนาดเล็บมือ 5,800 ตัวไว้กับจานดาวเทียมแล้วใช้มันเพื่อหลอมละลายเหล็ก
ข้อมูลนี้พิสูจน์ว่าไอเดียของเหยินปาเชียนนั้นเป็นไปได้
เขาไม่ได้ต้องการห้องทดลองขนาดใหญ่ดังที่โชว์ในคลิป เขาต้องการแค่ห้องปฏิบัติการที่มีขนาด 1 ใน 10 ของห้องนั้น ยังไงซะเป้าหมายของเขาคือการละลายกำแพงเขาต้าหมัว และเขาก็ไม่ได้ต้องการคุณภาพที่สูงนัก ตราบใดที่เตาแสงอาทิตย์สามารถโฟกัสไปที่ส่วนหนึ่งของภูเขาและรักษาอุณหภูมิตรงนั้นได้ เขาก็จะยอมรับ
ในคืนนั้น เพราะเฉินชิ่ง เหยินปาเชียนจึงพยายามติดต่อนักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมือง วันรุ่งขึ้น เขาได้พบกับนักฟิสิกส์คนนั้นและได้ขอร้องเขา เขาต้องการเตาแสงอาทิตย์แบบปรับได้ที่สร้างขึ้นจากกระจกเว้า มันจะต้องสามารถหลอมโลหะได้ 300-400 เมตร
เตาแสงอาทิตย์นั้นจะต้องได้รับการดูแลจากบุคคลเพียงคนเดียวด้วย เหยินปาเชียนยังต้องการพิมพ์เขียวสำหรับเตาแสงอาทิตย์และกระจกเว้าทั้งหมด
สำหรับเหยินปาเชียน งานนี้ดูเหมือนจะลำบากมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับนักฟิสิกส์แล้ว มันเป็นงานที่ง่ายดาย ยังไงซะเหยินปาเชียนก็ไม่ได้ต้องการคุณภาพที่สูงนัก เขายังสามารถมอบภาระหน้าที่ให้กับนักเรียนของตนเพื่อทำให้สำเร็จ นอกจากนี้ เหยินปาเชียนก็ได้จ่ายให้เขาเป็นเงิน 500,000 หยวนด้วยกัน
หลังจากที่จัดการกับปัญหานี้ เหยินปาเชียนก็พักผ่อนอีกสองวันและกลับไปยังต้าเย่า
เขาลิ่วชุ่ยตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหกหมื่นทางตะวันตกของต้าเย่า แต่ทว่า จะต้องใช้เวลาสองวันที่จะไปถึงที่ตั้งเหมืองจากต้าเย่า นอกจากนี้ ถนนบนภูเขาไปยังเหมืองก็ชันและอันตราย การขนย้ายแร่เหล็กออกจากสถานที่แห่งนั้นเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
หลังจากที่ออกจากเขาต้าหมัวไม่กี่วัน เหยินปาเชียนก็เดินทางไปตามถนนสายนี้
เมื่อพวกเขาเข้ามาในเขตภูเขาในตอนนี้ สภาพถนนก็ยังดีอยู่ ยังไงซะถนนส่วนนี้ผู้คนก็มักจะสัญจรไปมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปหลายวัน ถนนบนภูเขาก็เริ่มอันตรายและเริ่มคดเคี้ยว อีกด้านหนึ่งของถนนมีหน้าผา อีกด้านหนึ่งมีธารภูเขา ถนนนั้นกว้างเพียง 1 เมตรเท่านั้น
มนุษย์อาจสามารถผ่านไปได้ แต่ไม่ใช่สัตว์อย่างแน่นอน
แม้แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถเดินเร็วมาก ๆ บนนั้นได้
ทุกครั้งที่เหยินปาเชียนมองลงไปที่หน้าผา เขาจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
ย่อมรู้กันว่าหน้าผาสูง 300 เมตร ถ้าหากใครพลัดตกลงไป ก็จะตัวแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เหยินปาเชียนรับรู้โดยทันทีทันใดว่าตนมีจุดอ่อนอย่างมาก นั่นคือโรคกลัวความสูง
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย
เมื่อมองไปที่เหยินปาเชียน เถิงจี้ก็รู้สึกกลัวและกังวลมาก เขาติดตามด้านหลังเหยินปาเชียนอย่างใกล้ชิด เขาเตรียมที่จะจับเหยินปาเชียนหากเขาเป็นลมและพลัดตกหน้าผา
ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเหยินปาเชียน เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ต้าเย่าอีกต่อไป
หลังจากที่เดินทางมาครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหุบเขาที่มีหน้าผาทั้งสามด้าน ในที่สุดเหยินปาเชียนก็สามารถตั้งสมาธิได้อย่างสบายใจสักที เขารู้สึกว่าตนได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
หุบเขานั้นไม่ได้ใหญ่โตมาก นอกจากทหารยามกว่า 100 นายแล้ว ก็มีคน 700-800 คนกำลังขุดเหมืองอยู่
องค์ประกอบของเหล็กในเขาลิ่วชุ่ยมีประมาณ 40% ความยากในการขุดเหล็กก็ลดลงเช่นกัน แต่ทว่า คุณภาพของแร่เหล็กที่นี่ไม่ค่อยจะดีนัก ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากมันยากมากในการขนส่งเสบียงและแร่เหล็กเข้าออกจากสถานที่แห่งนี้ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเพิ่มผลผลิตเหล็กที่นี่