The Defeated Dragon - ตอนที่ 153
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เหยินปาเชียนตื่นขึ้นมา เขาก็อาบน้ำและเริ่มเก็บข้าวของสัมภาระของตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ไปพบจักรพรรดินี
คราวนี้ สถานที่นัดพบไม่ใช่พระราชวังหย่างซินเหมือนเคย แต่เป็นท้องพระโรงแทน นี่เป็นครั้งแรกที่เหยินปาเชียนได้มาที่นี่
ในตอนที่เขามาถึงท้องพระโรง จักรพรรดินีก็นั่งอยู่บนบัลลังก์สีทองบนแท่นยกระดับแล้ว มีคนสองสามคนยืนอยู่ข้างล่างนาง
“กราบถวายบังคมฝ่าบาท” หลังจากที่ถวายความเคารพจักรพรรดินีแล้ว เหยินปาเชียนก็ยืนอยู่ด้านหนึ่งด้วยความเรียบร้อย แล้วสังเกตคนเหล่านั้น คนหนึ่งคือชายร่างกำยำที่สวมชุดเกราะโลหะโดยมีหมวกเกราะอยู่ในมือ มีขนนกโผล่ออกมาจากด้านบนของหมวก ผิวของชายร่างกำยำมีสีทองแดง ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุ 30 กว่าปี เขาเป็นนายทหารที่อยู่ในตำแหน่งมาตรฐานขั้นที่ 6
นอกจากชายคนนี้ ก็ยังมีชายอีกสองคน คนหนึ่งมีเคราที่หนามาก ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุประมาณ 40 ปี ในขณะนี้เขากำลังสังเกตเหยินปาเชียนอย่างใกล้ชิด
ชายอีกคนดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุเกือบ 40 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับชนเผ่า ตัวของเขาถือว่าค่อนข้างเล็ก อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังตัวใหญ่กว่าเหยินปาเชียนอยู่ดี
คนก่อนหน้าสวมชุดข้าราชการตำแหน่งสำรองขั้นที่ 3 ในขณะที่คนถัดมาสวมชุดข้าราชการตำแหน่งสำรองขั้นที่ 5
“เหยินปาเชียน !” เสียงอันเยือกเย็นหลวงดังไปทั่วบริเวณโดยรอบ
“ขอรับ ฝ่าบาท” เหยินปาเชียนรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วเผชิญหน้ากับจักรพรรดินี
“นักเล่าเรื่องเหยินปาเชียนแห่งพระราชวังชิงซินนั้นมีความสามารถ มีความซื่อสัตย์ และมีความรับผิดชอบมาก ด้วยเหตุนี้ ข้าขอเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นข้าหลวงผู้รักษาการแทน เจ้าจะต้องเข้ารับตำแหน่งทันที”
เหยินปาเชียนถึงกับตกตะลึง หลังจากนั้นเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วตอบกลับมา “เป็นพระกรุณายิ่งขอรับฝ่าบาท”
เหยินปาเชียนยังคงอยู่ในความงุนงง เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งหลังจากที่มาถึงที่นี่เพียง 2 นาที นอกจากนี้ เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นข้าหลวงผู้รักษาการแทน ซึ่งเป็นตำแหน่งสำรองขั้นที่ 5 ความรวดเร็วที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งนั้นเร็วยิ่งกว่าจรวดซะอีก
เหยินปาเชียนอยู่ในโลกนี้มาไม่ถึง 3 เดือน แต่เขาได้บรรลุเส้นทางเดินที่พลเมืองต้าเย่าธรรมดาทั่วไปจะใช้เวลาทั้งชีวิตถึงจะบรรลุได้
แม้แต่ข้าราชการธรรมดาทั่วไปหรือแม่ทัพที่ได้รับคุณงามความดีที่ยอดเยี่ยม ก็ไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งรวดเร็วขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม คนอื่นอีกสามคนไม่ได้แปลกใจกับการเลื่อนตำแหน่งของเหยินปาเชียนแต่อย่างใด
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พวกเขาต่างก็รู้ว่าเหยินปาเชียนเป็นใคร ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด คน ๆ นี้จะได้เป็นเจ้าชายพระสวามีในอนาคต ตำแหน่งข้าราชการตำแหน่งนี้เป็นเพียงก้าวย่างสำคัญสำหรับเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งข้าหลวงผู้รักษาการแทนยังต้องรับผิดชอบเรื่องสำคัญต่าง ๆ ในพระราชวังหลวงด้วย ตำแหน่งนี้แตกต่างจากตำแหน่งธรรมดาทั่วไปใน 6 ฝ่ายแห่งราชสำนัก หรือตำแหน่งทางทหาร
“ข้าหลวงผู้รักษาการเหยินปาเชียนจะเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนี้ และผู้คุมกำลังทหารเถาจี้หยวนจะเป็นผู้ช่วยของเค้า ข้าต้องการให้พวกเจ้าตรวจสอบเขาต้าหมัวและเขาลิ่วชุ่ย แล้วดูว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องการเพิ่มผลผลิตเหล็กของพวกเราบ้างมั้ย ถ้าหากเจ้าทำสำเร็จล่ะก็ ข้าจะมอบรางวัลให้กับพวกเจ้าอย่างงามเลยล่ะ”
“ขอรับ ฝ่าบาท” เหยินปาเชียนและเถาจี้หยวนคำนับแล้วตอบกลับไป
เมื่อเหยินปาเชียนได้ยินประโยคนี้ เขาก็รู้ว่าทำไมจักรพรรดินีถึงได้เลื่อนตำแหน่งเขา ตำแหน่งข้าราชการสำรองขั้นที่ 8 นั้นไม่สูงพอสำหรับเขาในการรับผิดชอบภารกิจนี้
หลังจากที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นข้าหลวงผู้รักษาการแทนแล้ว ยศของเขาก็จะใกล้เคียงกับผู้คุมกำลังทหาร ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสถานะของเขาที่ไม่เหมือนใคร เขาจึงสมควรที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“เถิงจี้ พันเอกแห่งทหารยามติดปีก นำทหารม้าติดปีก 300 นายมาปกป้องพวกเค้าตลอดทาง เจ้าจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผิดพลาดอย่างเต็มที่” จักรพรรดินียังคงพูดต่อไปด้วยเสียงอันเยือกเย็น
“ขอรับ ฝ่าบาท” แม่ทัพในชุดเกราะตอบกลับมาทันที
แน่นอนว่าเขารู้ว่าจักรพรรดินีต้องการให้ตนปกป้องใคร
ถ้าหากพวกเขาทั้งสองคนพบกับอันตรายในเวลาเดียวกัน ต่อให้เขาต้องตาย เขาก็จะต้องนำพาข้าหลวงผู้รักษาการเหยินให้มีชีวิตรอดกลับมาให้ได้
มิฉะนั้นแล้ว เขาก็จะต้องตายเพื่อชดใช้บาปของตัวเอง
“จงกลับไปเตรียมตัวซะ ออกเดินทางหลังเที่ยง เหยินปาเชียน เจ้าอยู่นี่ก่อน” หลังจากที่จักรพรรดินีพูดจบ เถาจี้หยวนและเถิงจี้ก็ออกจากท้องพระโรงไป
“ข้าคือผู้คุมกำลังทหารเฟิงโหว ข้ามีเรื่องจะถาม”
“สวัสดีครับ ท่านผู้คุมกำลังทหาร” เหยินปาเชียนหันกลับไปแล้วกำมือ
“ข้าหลวงผู้รักษาการเหยิน ท่านมั่นใจในเรื่องการเพิ่มปริมาณผลผลิตแร่เหล็กจากเหมืองแร่มากแค่ไหนรึ ?” เฟิงโหวถามเหยินปาเชียน
“ก็จะต้องขึ้นอยู่กับปริมาณแร่เหล็กและการจำแนกในเหมืองแร่ล่ะนะ ถ้าหากการสกัดแร่เหล็กเป็นปัญหาเดียวล่ะก็ ข้าก็อาจจะพอมีวิธีแก้ปัญหาอยู่บ้าง” เหยินปาเชียนไตร่ตรองสักพักก่อนจะตอบเฟิงโหวกลับไป
“ตามที่พระองค์ตรัสไว้ ข้าหลวงผู้รักษาการเหยินหมายถึงการหลอมแร่เหล็กและการตีอาวุธด้วยใช่มั้ย ? ท่านพอจะบอกข้าได้มั้ยว่าท่านจะทำยังไง ? ด้วยการนี้เผื่อข้าจะสามารถเตรียมอะไรได้บ้าง” เฟิงโหวถามอีกครั้ง
“ปัญหาหลัก ๆ ของการหลอมแร่เหล็กคือความร้อนไม่เพียงพอและอุณหภูมิไม่คงที่ วิธีง่าย ๆ ในการแก้ปัญหาทั้งสองคือกล่องสูบลม อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านต้องการทำเป็นเวลานานล่ะก็ ท่านจะต้องมีเตาหลอม ไม่ต้องใช้ทักษะในการใช้งานมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่จำเป็นต้องมีองค์ประกอบมากมายและอุณหภูมิจะคงที่มาก ถ้าหากเหล็กกล้าที่ผลิตมีสิ่งเจือปนอยู่น้อยมาก พวกเราก็สามารถใช้สร้างอาวุธโดยตรงได้เลย มันจะช่วยประหยัดกำลังคนได้มากเลยล่ะ” เหยินปาเชียนอธิบาย
“กล่องสูบลมคืออะไร ? เตาหลอมคืออะไร ? เหล็กกล้าคืออะไร ?” เฟิงโหวขมวดคิ้วแล้วถามคำถามติดต่อกัน 3 ข้อ
ในด้านพระสวามีที่จักรพรรดินีได้เลือกนั้น เฟิงโหวก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ดูเหมือนว่าเหยินปาเชียนไม่มีความสามารถอะไรเลย มิฉะนั้นทุกคนคงไม่คัดค้านการตัดสินใจของจักรพรรดินีในตอนนั้นหรอก
เหยินปาเชียนทั้งอ่อนแอและเปราะบาง นอกเหนือจากการประจบสอพลอแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความสามารถอย่างอื่นเลย
เมื่อเช้านี้ จักรพรรดินีได้เรียกตัวพวกเขาแล้วบอกอะไรบางอย่างกับพวกเขา
จักรพรรดินีต้องการที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กจากเหมืองเหล็ก
ไม่ใช่แค่จักรพรรดินีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ใช้สมองคิดอย่างหนักในการแก้ปัญหานี้ ทั่วทั้งกรมโยธาธิการก็ทำอย่างนั้นด้วยเช่นกัน ในความเป็นจริงแล้ว การสกัดแร่เหล็กออกจากเหมืองเหล็กทั้งสองที่ทำได้ยากมาก
เป็นเวลาหลายปีแล้ว พวกเขาสกัดแร่เหล็กออกจากเหมืองทีละนิด ผู้คนนับไม่ถ้วนใช้สมองคิดอย่างหนักโดยเปล่าประโยชน์ ทุกคนรู้สึกว่าการสกัดแร่เหล็กจากเหมืองทีละนิดเป็นวิธีเดียวเท่านั้น
ในครั้งนี้ จักรพรรดินีต้องการให้เหยินปาเชียนตรวจสอบเหมืองแล้วคิดวิธีแก้ปัญหา
หากมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จักรพรรดินีต้องการให้เหยินปาเชียนทำ เฟิงโหวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด ถ้าหากเหยินปาเชียนทำสำเร็จ เขาก็จะได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน ถ้าหากเหยินปาเชียนทำล้มเหลว ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแต่อย่างใด ยังไงซะเขาก็เป็นผู้คุมกำลังทหารอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินว่าจักรพรรดินีต้องการให้เหยินปาเชียนแทรกแซงเรื่องการหลอมแร่เหล็กและการตีอาวุธ เขาก็อดที่จะคัดค้านไม่ได้ ถ้าหากเหยินปาเชียนเข้าไปแทรกแซงเรื่องเหล่านี้ จุดประสงค์ที่เขาเป็นผู้คุมกำลังทหารคืออะไรล่ะ ?
นอกจากนี้ เหยินปาเชียนรู้วิธีสกัดแร่เหล็กจากเหมืองเหล็ก หลอมแร่เหล็ก และอาวุธตีจริงหรือไม่ ?
ถ้าหากเหยินปาเชียนมีความสามารถจริง ทุกคนในฝ่ายกำลังทหารจะฟังเขา มิฉะนั้นเฟิงโหวจะไม่ปล่อยให้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการฝ่ายกำลังทหารอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจถามคำถามนี้กับนักเล่าเรื่องเหยิน
เหยินปาเชียนไม่ได้สนใจที่เฟิงโหวถามตน
“ท่านสามารถลองทำกล่องสูบลมได้ มันเป็นกล่องขนาดใหญ่ที่มีด้ามจับที่สามารถดึงและดันได้ด้านหนึ่ง มันจะต้องมีวาล์วให้อากาศเข้าด้วย คนที่ใช้งานจะต้องดันและดึงด้ามจับเพื่อเปิดช่องให้อากาศเข้าไป อากาศนั้นมีออกซิเจน ออกซิเจนที่เพียงพอจะทำให้ไฟเผาไหม้ได้ดีขึ้นและนานขึ้น นอกจากนี้ถ้าหากบุคคลนั้นดึงและดันด้ามจับไปเรื่อย ๆ ล่ะก็ ไฟก็จะคงที่และอุณหภูมิก็จะสูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้กระบวนการหลอมดีขึ้น…” เหยินปาเชียนให้คำอธิบายกับเฟิงโหวคร่าว ๆ
“ตอนนี้ข้าจะพูดถึงเตาหลอม ก่อนอื่นข้าจะอธิบายว่าเหล็กกล้าคืออะไร อาวุธที่ทำจากเหล็กธรรมดานั้นเปราะบางมาก ดังนั้นพวกเราจะต้องกำจัดสิ่งเจือปนออกจากเหล็กแล้วเพิ่มถ่านเข้าไปเล็กน้อย ในที่สุดพวกเราก็จะได้เหล็กกล้า…เตาหลอมจะลบสิ่งเจือปนออกจากเหล็กระหว่างกระบวนการหลอมโดยตรง และขั้นตอนนี้จะผลิตเหล็กกล้า ด้วยการนี้พวกเราสามารถประหยัดกำลังคน เวลา และความพยายามไปได้มากเลยล่ะ…” เหยินปาเชียนพูดต่อ
เฟิงโหวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เหยินปาเชียนพูดออกมา อย่างไรก็ตาม คำพูดของเหยินปาเชียนฟังดูสุดยอดไปเลย
หลังจากที่อยู่ในฝ่ายกำลังทหารมานานกว่า 10 ปี เฟิงโหวก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการหลอมแร่เหล็กและการตีอาวุธ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เหยินปาเชียนเพิ่งบอกตนเลย
เมื่อจักรพรรดินีได้เห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของเฟิงโหว ริมฝีปากของนางก็โค้งขึ้น
นี่คือสิ่งที่นางต้องการเห็น
แน่นอนว่านางรู้ว่าทุกคนกำลังกังวลอะไร
มันเป็นการตัดสินใจของตัวนางเองที่ได้เลือกเหยินปาเชียนมาเป็นพระสวามีของตน และไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายเกี่ยวกับการตัดสินใจของนาง อย่างไรก็ตาม นางก็ยังรู้สึกรำคาญกับความจริงที่ทุกคนดูถูกการตัดสินใจของตนอยู่ดี
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เฟิงโหวจะไม่สงสัยในเรื่องของเหยินปาเชียน แต่นางก็จะพบว่าเขามีโอกาสทำอย่างนั้นในไม่ช้า