The Defeated Dragon - ตอนที่ 152
วันถัดมา เหยินปาเชียนกลับไปยังที่ที่เขาซื้อปืนพกในครั้งก่อน เขาได้ขอเบอร์โทรติดต่อจากเฉินชิ่งอีกครั้ง
เหมือนกับลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาถูกปิดตาแล้วพาเข้าไปข้างใน
“ผมกำลังมองหาปืนไรเฟิลกับพวกวัตถุระเบิดที่ใช้ในเหมืองแร่น่ะครับ” เหยินปาเชียนถอดที่ครอบหัวออก เมื่อเขาได้เห็นชายร่างใหญ่คนเดียวกันกับเมื่อครั้งที่แล้ว เขาจึงพูดออกมาทันที
“นี่คุณต้องการจะปล้นธนาคารรึไงครับเนี่ย ?” ชายร่างใหญ่ประหลาดใจมาก
“พอดีผมจะขึ้นไปบนภูเขาและอาจต้องระเบิดหลุมอ่ะ ผมอยากได้ระเบิดที่ใช้งานง่าย มีความเสถียรและมีพลังมากพอที่จะสามารถเอาไปใช้ขุดเหมืองได้น่ะ” เหยินปาเชียนอธิบายอย่างตรงไปตรงมา
“ความเสี่ยงที่จะขายของพวกนี้ให้กับคุณดูท่าจะสูงเกินไปนะ” ชายร่างใหญ่จ้องเขาแล้วตอบกลับมา เขาไม่ได้สงสัยอะไรในครั้งที่แล้วเลย แต่ทว่า ถ้าหากเหยินปาเชียนต้องการใช้วัตถุระเบิดรวมกันเพื่อระเบิดหลุมล่ะก็ มันก็ทำให้เขานึกถึงอาชีพหนึ่งขึ้นมาทันที นั่นก็คือโจรสลัด
เหยินปาเชียนฝืนยิ้ม
ผมน่ะเป็นพลเมืองดีแท้แน่นอน โอเคนะ ?
“ผมสามารถจ่ายได้อีกนะ ยิ่งไปกว่านั้น ผมจะใช้วัตถุระเบิดพวกนี้ในภูเขาลึก เป็นที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่หรอก คุณไม่ต้องกังวลถึงความเสี่ยงเลย ในแง่นี้ผมกังวลมากกว่าคุณซะอีก ยังไงซะผมก็ไม่ได้ขัดสนเงินทองอยู่แล้ว ในครั้งนี้ผมมีอะไรบางอย่างที่จะต้องจัดการบนภูเขา อาจจำเป็นต้องมีวัตถุระเบิดเพื่อเปิดเส้นทางในบางแห่ง ไม่งั้นผมก็คงไม่อยากได้ระเบิดหรอก
ถ้าผมต้องเข้าคุกด้วยเหตุผลบางอย่างล่ะก็ มันจะไม่คุ้มค่าเอาซะเลย”
ท้ายที่สุด คำพูดของเหยินปาเชียนได้กระตุ้นให้อีกฝ่ายรู้สึก คนที่สามารถค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้จะต้องเป็นคนชั้นสูงและไม่ใช่พวกอันธพาลที่ปะปนอยู่บนท้องถนนอย่างแน่นอน
“คุณอยากได้ทุ่นระเบิดเท่าไหร่ล่ะ ?”
“เอา 100 กิโล” เหยินปาเชียนพูดตรงไปตรงมา
ชายร่างใหญ่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ทุ่นระเบิดนั้นมีราคาถูกมาก 1 ตันจะมีราคาอยู่ที่ 3,000 หยวนเท่านั้น ถึงแม้ว่าเหยินปาเชียนต้องการที่จะจ่ายมากกว่า เขาสามารถขายมันได้ซักเท่าไหร่กันเชียว ? ผลก็คือ เขาเงยหน้าแล้วมองเหยินปาเชียน “แล้วทุ่นระเบิด TNT ล่ะเป็นไง ? 20 กิโลก็เพียงพอแล้ว แถมความเสถียรของมันยังดีกว่าแล้วมันก็ไม่มีปัญหาเอาง่าย ๆ ด้วยนะ นอกจากนี้มันยังพกพาได้สะดวกกว่าด้วยนะ”
เหยินปาเชียนรู้สึกแปลกใจในความเด็ดเดี่ยวของชายร่างใหญ่คนนี้ ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาต้องการซื้อทุ่นระเบิด ชายร่างใหญ่ก็ลังเล แต่ในท้ายที่สุด ชายร่างใหญ่ก็กล้าขายระเบิด TNT
เขาจำเป็นต้องรู้ว่าที่นี่พวกเขาอยู่ในประเทศจีนนะ และไม่ได้อยู่ในประเทศที่ถูกควบคุมดูแลน้อยไปกว่าในต่างประเทศเลยนะ
คิดถึงต่างประเทศ ถ้าหากเหยินปาเชียนยังต้องการอาวุธ วัตถุระเบิด และอื่น ๆ อีกล่ะก็ เขารู้สึกว่าหากไปซื้อที่ต่างประเทศคงจะดีกว่า มันง่ายเกินไปสำหรับสิ่งที่ผิดในท้องถิ่น
“เยี่ยมเลย ผมอยากได้ 40 กิโล ถ้าเป็นระเบิดชนิดที่ระเบิดเมื่อถูกจุดชนวนก็จะดีที่สุด” เหยินปาเชียนพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาต้องการวัตถุระเบิด 100 กิโลกรัม แต่เขาสามารถนำกลับไปยังต้าเย่าได้ 60 กิโลกรัมในแต่ละครั้ง เขากลัวว่ามันจะไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงเตรียมที่จะนำมันกลับไปเป็นสองชุด สิ่งของเหล่านี้อันตรายเกินกว่าที่จะทิ้งไว้ที่บ้าน
ถ้าหากพวกเขาใช้ระเบิด TNT และเขาสามารถนำมันมาได้ในครั้งเดียว นอกจากนี้ถ้าหากมันมีพลังมากกว่า ก็จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เมื่ออีกฝ่ายรับทราบแล้ว เหยินปาเชียนก็เลือกปืนไรเฟิลไทป์ 81 มันคือปืนที่เลียนแบบปืนไรเฟิล AK ดั้งเดิม และมีชื่อเสียงที่ดีที่สุดในประเทศ
[ปืนไรเฟิลไทป์ 81 คือปืนอาก้ารุ่นที่ 2 ที่จีนเป็นผู้ออกแบบ บนพื้นฐานของปืน SKS (ย่อมาจาก Samozaryadnyj Karabin SISTEMY Simonova) เป็นปืนไรเฟิลจู่โจมขนาด 7.62×39 มม. ทำงานด้วยระบบแก๊ส และเลือกการยิงได้ ถูกกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) นำมาใช้ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1980]
[ปืน AK หรือที่รู้จักกันในชื่อปืนอาก้า เป็นปืนไรเฟิลจู่โจมขนาด 7.62×39 มม. ถูกพัฒนาขึ้นในสหภาพโซเวียต โดยมิคาอิล คาลาชนิคอฟ]
การใช้กระสุน 7.62 มม. นั้น ความเร็วในการยิงจะเป็น 2 เท่าของปืนพก แถมความสามารถในการเจาะทะลุยังดีกว่าปืนพกมากด้วย ซองกระสุน 1 ซอง มีกระสุน 30 นัด เหยินปาเชียนรู้สึกว่าถ้าหากเขาถือปืนนี้ไว้ล่ะก็ จะมีความเป็นไปได้ที่เขาจะทำให้เสือเขี้ยวดาบตัวที่เขาเจอครั้งล่าสุดบาดเจ็บอย่างรุนแรงเลยทีเดียว
ถ้าหากเขาได้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกหัดคนอื่นอย่างเหลียนถง คนที่เพิ่งจะก้าวขึ้นสู่ระดับกงจักรดินล่ะก็ เหยินปาเชียนสามารถกราดยิง แล้วอีกฝ่ายจะไม่สามารถหลบหรือกันกระสุนได้อย่างแน่นอน
เขาซื้อปืนไรเฟิล 1 กระบอก ซองกระสุน 3 ซอง และกระสุนอีก 500 นัด
หลังจากที่เขาจ่ายเงินแล้ว เหยินปาเชียนก็ถูกส่งกลับไปที่รถพร้อมกับปืนที่บรรจุอยู่ในกระเป๋า
ในส่วนของระเบิด TNT นั้นยังไม่ได้ตกลงซื้อขายกัน ในเวลาสองวัน เขาจะได้รับแจ้งสถานที่นัดรับ และจะต้องรีบไปรับของทันที
การจ่ายเงินในส่วนของระเบิด TNT นั้นได้ดำเนินการไปพร้อมกับปืนไรเฟิลแล้ว
สองสามวันต่อมา เหยินปาเชียนรอวัตถุระเบิดพร้อมกับไตร่ตรองว่าควรหาที่อื่นเอาไว้ซื้อสิ่งของแบบนั้นในต่างประเทศดีไหม อย่างน้อยที่สุดการที่เขาจะซื้ออาวุธและวัตถุระเบิดก็จะสะดวกมากกว่า
หลังจากที่รับระเบิด TNT ในวันที่ 4 แล้ว เขาก็ไม่รอช้าอีกต่อไป เขามุ่งหน้าไปยังสวนสัตว์ผิงเล่อทันทีพร้อมกับถือกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบไว้ในมือ
สิ่งที่เขานำกลับมาในครั้งนี้คือระเบิด TNT ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถนำมันกลับมายังเหมืองแร่ได้ เขาก็ไม่กล้าทิ้งมันไว้ที่บ้านบนดาวโลก
สิ่งของอย่างอื่น ได้แก่ ปืนไรเฟิลไทป์ 81 กระสุน ซองกระสุน รวมถึงหม้อไฟของจักรพรรดินี ส่วนผสมหลัก ซอส ขนมหวาน และรองเท้าคู่ที่นางชอบมากด้วย
เหยินปาเชียนมองไปยังทิวทัศน์ที่คุ้นเคยรอบตัว เขาวางสิ่งของลง ผลักหน้าต่างให้เปิด ดูจากสีของท้องฟ้าแล้ว ตอนนี้เป็นตอนเย็นแล้ว จากนั้นเขาจึงหยิบหม้อไฟกับรองเท้าแล้วจึงไปหาจักรพรรดินี
เหยินปาเชียนก้าวเข้าไปยังพระราชวังหย่างซินหลังจากที่รออยู่ข้างนอกสักพัก จักรพรรดินียังคงดื่มบนโซฟา นางรู้สึกเบื่อหน่าย ทันใดนั้นเอง เหยินปาเชียนก็คิดว่าควรจะเอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมาให้นางดูหนัง ดูการ์ตูน และอื่น ๆ เป็นต้น
แต่ทว่า ถ้าหากเขาต้องทำให้จักรพรรดินีเป็นสุดยอดของทั้งสองมิติล่ะก็ เขาก็จะทำบาปมากมายทีเดียว เขาจึงตัดสินใจทิ้งไอเดียนั้นไปหลังจากที่เขาคิด
“ฝ่าบาท ข้าน้อยกลับมาแล้วขอรับ” เหยินปาเชียนพูดพร้อมกับเผยหม้อไฟออกจากกระเป๋า
หลังจากที่ได้เห็นหม้อไฟ ก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าอันเยือกเย็นของจักรพรรดินีเพิ่มขึ้น “ใช้ได้หนิ”
นางหันกลับไปบอกกับชิงยวน “แจ้งห้องครัวหลวงทีว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมอาหารเย็นคืนนี้ หั่นเนื้อเป็นชิ้นบาง ๆ กับผักหลายอย่างอย่างละนิด แล้วก็เอาถ่านมาด้วย”
ชิงยวนรับทราบในประโยคของจักรพรรดินี เมื่อเธอออกไปข้างนอก เธอรู้สึกค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
พระองค์กำลังทำอะไรอยู่นะ ?
หลังจากนั้น โต๊ะก็ถูกนำออกมาและจานโลหะก็ถูกวางบนโต๊ะ จากนั้นเหยินปาเชียนก็วางหม้อไฟทองแดงลงบนพื้นโต๊ะ ในขณะเดียวกัน เขาก็นำส่วนผสมหลักออกมาแล้วใส่เข้าไปในหม้อ ตามด้วยใส่น้ำลงในหม้อ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมแล้ว สิ่งที่เหลือคือเนื้อกับถ่าน
เมื่อเห็นว่าเหยินปาเชียนจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ แล้ว จักรพรรดินีก็อ้าปากพูด “เจ้าจะออกเดินทางครั้งนี้สินะ ?”
“ขอรับ ข้าน้อยจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้ ถึงยังไงก็เถอะ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากขอรับ” เหยินปาเชียนตอบกลับมา
จักรพรรดินีพยักหน้า ถึงเวลาที่เหยินปาเชียนจะออกเดินทางแล้ว
คำสั่งการรับสมัครน่าจะถึงบนเขาแล้ว 3 เดือนก็เพียงพอสำหรับพวกเขาในการรับสมัครผู้ฝึกหัด 20,000 คน ถึงแม้ว่าการฝึกอบรมจะต้องใช้ระยะเวลาเพิ่มอีก แต่การจัดหาอาวุธก็ไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป
อีกสักพัก ชิงยวนและพ่อครัวจากห้องครัวหลวงก็ส่งสิ่งของทุกอย่างมาให้ จักรพรรดินีจึงโบกมือให้ทั้งชิงยวนและหงหลวน
หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว จักรพรรดินีก็ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางไว้พร้อมกับมองเหยินปาเชียนซึ่งยังคงยุ่งอยู่ตรงนี่น นางค่อนข้างมีความสุขเนื่องจากพระราชวังหย่างซินไม่หนาวเย็นและเงียบสงัดอีกต่อไป
ในไม่ช้า น้ำในหม้อก็เริ่มเดือด เหยินปาเชียนหยิบเนื้อสไลด์ใส่ลงในหม้อ เขาต้องการเงยหน้าขึ้นแล้วบอกให้จักรพรรดินีรู้ว่ากินได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าดันมองเข้าไปในดวงตาที่สวยใสคู่นั้น
“ฝ่าบาทเสวยได้แล้วนะขอรับ” เหยินปาเชียนพูดอย่างนุ่มนวล
พระราชวังหย่างซินหลังใหญ่ขนาดนี้มีเพียงสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่และเผชิญหน้ากันในขณะนี้ หม้อทองแดงปล่อยไอน้ำออกมาอย่างต่อเนื่องในขณะที่เนื้อสไลด์กำลังถูกต้มอยู่ในหม้อ
“รินไวน์ให้ข้าซักแก้วซิ”
หลังจากที่เหยินปาเชียนรินไวน์ใส่แก้วให้จักรพรรดินีแล้ว จักรพรรดินีก็พูดออกมา “เติมไวน์ใส่แก้วของเจ้าด้วยสิ”
หลังจากนั้น จักรพรรดินีจึงยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วชนแก้ว “ขอให้การเดินทางของเจ้าประสบความสำเร็จนะ”
“เป็นพระกรุณายิ่งขอรับฝ่าบาท” เหยินปาเชียนพูดออกมาแล้วดื่มไวน์ในอึกเดียว
จากนั้นเขาก็เติมแก้วทั้งสองใบให้เต็ม
จักรพรรดินีพูดต่อ “ข้าจะมอบหมายผู้ติดตามให้ร่วมทางไปกับเจ้าด้วย เจ้าเองก็ต้องระวังอันตรายด้วยล่ะ”
เมื่อได้ยินถ้อยคำที่เป็นห่วงจากจักรพรรดินีแล้ว ความรู้สึกอบอุ่นก็เกิดขึ้นในใจของเขา ดูเหมือนว่าหลังจากการเดินทางมายังดาวโลก จะมีการเปลี่ยนแปลงในตัวจักรพรรดินีอย่างแรงทีเดียว
อย่างน้อยที่สุด เมื่อทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน จักรพรรดินีก็ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น ราวกับว่านางถอดเกราะน้ำแข็งอันเยือกเย็นออกจากร่างกายยังไงยังงั้น
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้เขามีความสุขมากทีเดียว
พวกเขาสองคนใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าจะกินหม้อไฟเสร็จ พวกเขาพูดเพียงไม่กี่ประโยคเป็นระยะ ๆ แล้วจิบไวน์เป็นครั้งคราว ส่วนเวลาที่เหลือ พวกเขาใช้เวลาไปกับการจดจ้องเนื้อสไลด์ที่ถูกต้มในหม้อไฟ
ไม่จำเป็นต้องมีคำบรรยายเลย เพียงแค่นั่งตรงข้ามกันและมองตากัน ก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความสุขที่อธิบายไม่ได้
พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกอุ่นสบาย ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างงอกขึ้นในใจอย่างเงียบ ๆ