The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 67
ตอนที่ 67 การเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดคือการไม่เคลื่อนไหว
ระบบของเกมได้แปลงข้อมูลพละกำลังของแต่ละคนเป็นข้อมูลดิจิตอลและแบ่งเป็นยี่สิบเลเวล ซึ่งแต่ละเลเวลจะมีพละกำลังเท่ากับห้าเปอเซนของพละกำลังทั้งหมด
แต่หวังลิ่งพบว่าระบบแปลงข้อมูลนั้นไม่ได้ผลกับเขาเพราะเขาไม่ได้อยู่ในขั้นแรกเริ่มลมปราณ…
โรงเรียนขั้นแรกเริ่มลมปราณจะสอนแต่นักเรียนที่อยู่ขั้นแรกเริ่มลมปราณ ดังนั้นระบบเกมที่อยู่ในช่วงทดสอบนี้จึงตั้งค่าไว้ที่ขั้นแรกเริ่มลมปราณเท่านั้น
หรือพูดง่ายๆว่าหวังลิ่งไม่ได้ถูกระบบแปลงขอมูลเหมือนคนอื่นๆแบบปกติ
แม้ว่าพลังของเขาจะถูกแบ่งเป็นยี่สิบส่วนมันก็ไม่มีผลกับเขา
ต่อให้เขามีเลเวลหนึ่งตอนนี้ก็เปรียบเสมือนพระเจ้าของเกมนี้
ลืมเรื่องศัตรูสามคนลอบโจมตีเขาได้เลย ต่อให้ยกมาทั้งฐาน เขาคิดว่าเขาสามารถสังหารพวกมันได้ด้วยเพียงการลงกระบี่เพียงครั้งเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งสนับสนุน เขาจึงไม่สามารถทำอะไรโดยพลการได้ อินคัมทุกอย่างควรจะต้องมอบให้แก่ตำแหน่งแครรี่ เมื่อเขามองไปยังกัวหาวซึ่งกำลังยืนตัวสั่นอยู่ภายในป้อม หวังลิ่งจึงค่อยๆเดินออกมาจากบึง
เขาตั้งใจจะเป็นตัวล่อเพื่อล่อศัตรูให้ออกมา
การเปิดโอกาสให้กับคนอื่นเขาคิดว่ามันจะสามารถช่วยดึงความสนใจไปจากเขาได้
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสังหารศัตรูได้ แต่เขาก็สามารถใช้การเคลื่อนไหวขี้โกงบางอย่างได้
……………………….
ถังจิงเสอ เหลียงเจิ้งและเหลียงเฟยนั้นได้แอบอยู่ในบึงมาสักพักแล้ว
ในโลกเสมือนแห่งนี้พลังวิญญาณของทุกคนถูกผนึกโดยระบบ ทำให้พวกเขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะสามารถจับการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้
“ดูนั่น เด็กผู้ชายคนนั้นกำลังออกมา!”
“ไอเจ้าคนนั้นมันแค่เลเวลหนึ่ง มันไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?”
“ดูจากความยากจนของมันแล้วมันคงไม่มีโอกาสได้เล่นเกมมากนัก หรือนั่นอาจจะเป็นกับดัก!”
“แล้วพวกเราจะไปหรือไม่ไปดี?”
ทีมสีแดงทั้งสามคนกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วทุกคนจึงหันไปมองหัวหน้าทีมของตน “รุ่นพี่ ว่ายังไงบ้าง?”
พูดตามตรงว่าถังจิงเสอไม่อยากจะออกไป… หลังจากเหตุการณ์สองวันที่ผ่านมาในการเผชิญหน้ากับหวังลิ่ง เขารู้ซึ้งถึงความอันตรายของเด็กผู้ชายคนนี้
ไป!
หรือไม่ไปดี…
และนี่ก็เป็นคำถามในหัวของถังจิงเสอ
ในเกมประเภทMOBA การลอบโจมตีอีกฝ่ายเป็นแผนการปกติของเกมประเภทนี้
และในตอนนี้พวกเขามีคนมากกว่ารวมไปถึงเลเวลมากกว่าหวังลิ่งแค่เลเวลหนึ่ง น่าจะเหมือนกับการกินไก่นิ่มๆ (ไก่ในความหมายทางเกมหมายถึงคนที่อ่อนกว่า ผู้แปล)
สุดท้ายเขาจึงกัดฟันและตัดสินใจ “ไป!”
‘เรามีคนมากกว่าจะไปกลัวอะไรวะ?!’
ในอีกฝั่งหนึ่ง กัวหาวเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังมุ่งหน้ามายังบึงที่หวังลิ่งเคยอยู่ หลังจากนั้นเขาจึงเห็นว่าเป็นศัตรูสามคน แต่ละคนถือกระบี่สีดำกำลังวิ่งไปหาหวังลิ่ง “หวังลิ่งระวัง!”
หลังจากการแปลงข้อมูล พลังวิญญาณถูกแทนที่เป็นแถบพลังสีฟ้า การใช้วิชากระบี่แต่ละท่าจะไม่ทำให้เหนื่อยเพียงแต่จะลดแถบพลังสีฟ้าแทน หลังจากที่พวกเขากระโดดออกมาพวกเขาตั้งใจจะรุมโจมตีหวังลิ่งโดยใช้จำนวนเข้าแลก
“เพลงกระบี่ดาวตกม้าเพกาซัส”
“เพลงกระบี่อ้อมแขนสาวงาม”
“สตาร์ เบิสต์ สตรีม (Star Burst Stream from SAO)!”
แม้ว่าจะมีชื่อท่าที่ยาวเหยียดแต่มันก็คือการโจมตีธรรมดา พวกเขาตะโกนอย่างสุดเสียงแต่พลังทำลายของมันไม่ได้รุนแรงเท่าเสียงของพวกเขาเลย
ทั้งสามคนลงกระบี่สีดำไปที่หวังลิ่ง แต่หวังลิ่งกลับยืนอย่างใจเย็นและไม่ได้ตอบโต้อะไร เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากทั้งสามคนฟันเขา แม้ว่ามันจะเป็นในเกมแต่การสะท้อนจากร่างกายกึ่งอมตะของเขาก็ยังมีผลอยู่ เมื่อกระบี่กระทบร่างกายของเขาคนพวกนี้คงเหลือแต่ซาก…
และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
ในการสังหารศัตรูพร้อมกันถึงสามคนมันจะดึงดูดสายตามากเกินไป
มันคงได้เวลาทดสอบศิลปะการป้องกันตัวของเขา
หวังลิ่งทำการศึกษาหลายอย่างด้วยตนเองทำให้เขานั้นมีทักษะในหลายด้าน แต่เมื่อเขาโตขึ้นเขาไม่มีโอกาสที่จะใช้งานมันมากนัก ศิลปะการป้องกันตัวเป็นหนึ่งในทักษะที่เขาฝึกฝนยามว่าง
ในโลกของผู้ฝึกตนศิลปะการป้องกันตัวส่วนใหญ่จะเน้นไปทางด้านพื้นฐานการเคลื่อนไหว เมื่อพื้นฐานพวกเขาแน่นแล้วเขาจะสามารถนำมันไปประยุกต์ใช้งานคาดเดาการโจมตีและหลบหลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่หวังลิ่งไม่ชอบศิลปะป้องกันตัวขั้นสูงแบบนั้น หลังจากที่เขาฝึกฝนอยู่นานเขาจึงได้นำศิลปะการป้องกันตัวหลายแขนงมารวมกันเพื่อหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเขามากที่สุด
สุดท้ายเขาจึงสรุปหลักศิลปะป้องกันตัวของตัวเขาเองเป็นประโยคสั้นๆว่า “กระบวนท่าการหลบหลีกที่ดีที่สุดก็คือการไม่มีกระบวนท่า และการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดคือการไม่เคลื่อนไหว”
“ดูเหมือนว่าการลอบโจมตีครั้งนี้จะสำเร็จนะ เฟิร์สบลัดคงจะเกิดขึ้นที่เลนล่าง” อาจารย์ใหญ่จินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ผู้บรรยายหญิงพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ขณะนี้ดูเหมือนว่าผู้เข้าแข่งขัน ถังจิงเสอ เหลียงเจิ้ง เหลียงเฟยจากโรงเรียนอันดับที่59 กำลังเปิดฉากโจมตีใส่ผู้เข้าแข่งขันหวังลิ่ง! ผลจะเป็นอย่างไร?!”
ทุกคนกลั้นหายใจในขณะที่กำลังมองถังจิงเสอและลูกทีมของเขากวัดแกว่งกระบี่สีดำผ่านทางหน้าจอถ่ายทอดสด
แรงลมจากการลงกระบี่ของอีกฝ่ายพัดผ่านเส้นผมของหวังลิ่ง…
โดยปกติแล้วพวกเขาควรจะโจมตีถูกเป้าหมาย!
แต่ถึงกระนั้นภาพที่ปรากฏแก่สายตาทุกคนนั้นกลับไม่เป็นดั่งที่คิด
จากการเผชิญหน้ากับการโจมตีทั้งสามทิศทาง หวังลิ่งเพียงยืนนิ่งๆ และขยับร่างกายเพียงเล็กน้อย
ระยะห่างระหว่างกระบี่กับร่างของเขานั้นห่างกันแค่เพียง0.01เซนติเมตร หวังลิ่งหลบพวกมันได้อย่างหมดจด
“นี่มันอะไรกัน?!… ศิลปะการป้องกันตัวแขนงไหนกันเนี่ย?” ผู้บรรยายหญิง อาจารย์ใหญ่จินและผู้ติดตามของเขาต่างงงเป็นไก่ตาแตก
“พวกเรายังไม่ได้เริ่มคลาสศิลปะป้องกันตัวในโรงเรียนอันดับที่60เลย การที่นักเรียนหวังลิ่งหลบได้… คงอาจจะเป็นเพราะโชคช่วย”
“เด็กคนนั้นอาจจะทำการศึกษาด้วยตัวเอง! การหลบกระบี่ทั้งสามเล่มด้วยการก้าวเท้ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้!”
“อาจารย์ใหญ่จิน อย่าพึ่งตกใจไป ท่านเลขาซุนดาคังก็นั่งอยู่ตรงนี้ เราควรจะถามความเห็นของท่านหน่อยไหม?”
บนอัฒจันทร์เหล่าผู้นำจากหลายหน่วยงานกำลังชมวีดีโอย้อนหลังเมื่อสักครู่กำลังถกเถียงกัน
เลขาแก่จ้องไปยังหน้าจอที่กำลังฉายเหตุการณ์ย้อนหลัง หลังจากนั้นเขาจึงส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่านักเรียนคนนี้ใช้ศิลปะการป้องกันตัวแบบไหน มันดูเหมือนแค่การก้าวเท้าหลบธรรมดา”
“…”
ขนาดเลขาซุนดาคังยังพูดเช่นนั้น อาจารย์ใหญ่จินจึงไม่มีอะไรจะพูดต่อ ความแข็งแกร่งของเขานั้นเป็นที่ยอมรับดังนั้นคำตัดสินของเขาถือเป็นที่สิ้นสุดปราศจากข้อสงสัย
ผู้บรรยายหญิงมองไปยังอินคัมของแต่ละทีมแล้วจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย “ทีมจากโรงเรียนอันดับที่59ล้มเหลวในการลอบสังหารเลนล่าง และเสียโอกาสในการฟาร์ม ดังนั้นทีมจากโรงเรียนอันดับที่60 มีเหรียญนำอยู่ถึง2000เหรียญ! หวังว่าทีมจากโรงเรียนอันดับที่59จะไม่เสียขวัญจากความผิดพลาดในครั้งนี้!”
เมื่ออาจารย์ใหญ่เช็นได้ยินสิ่งที่ผู้บรรยายหญิงพูดเขาก็ยิ้มขึ้น “นี่สินะถึงเรียกว่าการแข่งขันประเภททีม คำแนะนำของฉันก็คืออย่าเสี่ยงในช่วงต้นเกม ฟาร์มอย่างใจเย็นสิเป็นกุญแจแห่งชัยชนะ”
“เช็น เทียนเฉียง อย่าพึ่งได้ใจไป เกมยังอีกยาวไกล!” อาจารย์ใหญ่จินจ้องหน้าอาจารย์ใหญ่เช็นและพูดกันผ่านทางโทรจิต
บนอัฒจันทร์ต่างถกเถียงกันอย่างร้อนแรงกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา มีเพียงโจวยี่เท่านั้นที่มองเกมการแข่งขันอย่างเงียบเชียบ… เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเด็กคนนี้
เมื่อหกปีก่อน ความน่ากลัวของพลังที่สามารถสังหารราชาปีศาจด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว… ซึ่งแม้แต่เลขาซุนดาคังก็ไม่สามารถทำได้
เขาใช้เวลาค้นหาตัวหวังลิ่งอย่างยากลำบากเป็นเวลาหลายปี แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะระวังตัวตลอดเวลา เด็กหนุ่มมีวิธีหลบหลีกเขาหลากหลายรูปแบบ และในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกันในสถานที่ไม่คาดฝันซึ่งก็คืองานประลองแห่งนี้
การมองดูใบหน้าของหวังลิ่งที่ดูเติบโตขึ้นเล็กน้อยนั้น ทำให้เขานึกถึงภาพความทรงจำเก่าๆ ใบหน้าของเด็กชายเมื่อหกปีก่อน
เขารู้สึกว่าวันเวลามันช่างผ่านไปเร็วนัก