The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 194
ตอนที่ 194 ฉันเป็นคนดีแต่ฉันก็ไม่ใช่แม่พระนะ!
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน สัปดาห์ที่ 7 ของปีการศึกษาที่ 1
เหตุการณ์พนักงานส่งอาหารของRiceballหายตัวไปดูเหมือนจะจบลงแล้ว แต่มันก็ยังคงมีความวุ่นวายจากผลกระทบนิดหน่อย หลังจากที่โจวยได้ประกันตัวนักบุญลำดับสามออกมา นักบุญลำดับสามก็เริ่มช่วยเทพมือระเบิดสืบและแก้ไขผลกระทบต่างๆ ในคืนนั้นพวกเขาจนบันทึกการให้ปากคำจากพยานดวงวิญญาณทั้ง21ดวงในน้ำเต้า แม้ว่าพวกเขาจะเป็นดวงวิญญาณไปแล้ว แต่คำให้การณ์ของพวกเขาก็ยังคงถูกกฎหมายตามกฎหมายของประเทศแห่งนี้
“ถ้าเป็นอย่างนั้น สถานการณ์ในตอนนี้คงเป็น…”
หลังจากการสืบแบบข้ามวันข้ามคืน เทพมือระเบิดก็ได้อธิบายเหตุการณ์คร่าวๆลงบนกลุ่มแชท “สิ่งที่พวกเราจะต้องทำต่อไปนั้นก็คือช่วยเหลือดวงวิญญาณทั้ง21ดวงนี้ให้เขาได้รับค่าประกันจากบริษัทประกันภัย”
ในตอนรุ่งเช้าหวังลิ่งเลื่อนอ่านข้อความในกลุ่มแชทคร่าวๆ
“ประกันอุบัติเหตุ?” ไฉ่เหรียนเห็นเห็นพิมพ์ลงมาด้วยความสงสัย
“อิม ดูเหมือนว่าจะมีเพียง2ตัวเลือกสำหรับประกันอุบัติเหตุ 1.คือคือจ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัวผู้สูญเสียเดี๋ยวฉันจะหาทางช่วยครอบครัวของพนักงานส่งอาหารทั้ง11คนเอง ใครที่เราไม่สามารถช่วยเหลือได้ก็ขอให้ทำตามนี้ 2.สร้างร่างกายเทียมที่เหมาะสมให้แก่พวกเขา มันถูกเขียนไว้ในประกันอุบัติเหตุ ถ้าหากดวงวิญญาณนั้นอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
“สร้างร่างกายเทียม? ยังไง?” ไฉ่เหรียนถาม
เทพมือระเบิดจึงตอบกลับมา “แน่นอนว่าหากพวกเขามีพลังที่สูงมันจะไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าหากพวกเขามีพลังต่ำกว่าแก่นแท้ปราณทองคำ มันสามารถทำได้โดยผสมโคลนเข้ากับรากบัวฟื้นฟูวิญญาณ แต่ราคาของมันก็ค่อยข้างแพงเอาเรื่อง ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะถูกนำมาสร้างแขนขาเทียมสำหรับคนพิการ ค่าใช้จ่ายในการสร้างร่างทั้งร่างจึงค่อนข้างแพงไปสำหรับผู้ฝึกตนธรรมดา แต่มันครอบคลุมอยู่ในวงเงินประกันแพงแค่ไหนก็จ่ายได้
รากบัวฟื้นฟูวิญญาณ?
หวังสิ่งจ้องไปยังหน้าจอด้วยอะไรบางอย่างมันทำให้เขานึกถึงนาจา
[นาจาตามข้อมูลที่หามาเทพน้อยตนนี้ยอมสละชีวิตเพื่อครอบครัว และได้ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่โดยอาจารย์ของเขาด้วยการสร้างร่างกายจากรากบัววิญญาณ…ผู้แปล]
ไฉ่เหรียนเงินเหริน: “แต่พวกเขาก็อยู่ในน้ำเต้าแล้ว แล้วพวกเขาจะไปเซ็นสัญญาได้ยังไง? ต่อให้พวกเขาอยู่ในเงื่อนไขก็เถอะ”
“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ดวงวิญญาณของพวกเขาไม่สามารถโดนแสงแดดได้ พวกเราสามารถใช้การอัดเสียงเพื่อขอเอกสารรับรองจากทางสำนักงานและให้เราเป็นตัวแทนของพวกเขา” เทพมือระเบิดส่งอีโมจิยิ้มเจ้าเล่ห์ลงมาในกลุ่มแชท “แน่นอนว่าฉันไม่ทำอะไรให้ฟรีๆหรอก หลังจากที่ได้พูดคุยกับพวกเขาเมื่อวาน พวกเขาบอกว่ายินดีจ่ายให้20%ของเงินชดเชยที่ได้เป็นค่าจ้าง”
หวังลิ่ง: “…”
ไฉ่เหรียนเจินเหริน: “เทพมือระเบิด…ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดีเสียอีก!”
“น้องไฉ่เหรียน แนวคิดที่น้องคิดน่ะมันผิดรู้ไหม ลองคิดแบบนี้นะ พวกเราช่วยคนเหล่านี้และถ้าไม่ตอบแทนอะไรบางอย่างให้เรา น้องคิดว่าพวกเขาจะรู้สึกแย่แค่ไหน?”
ไฉ่เหรียนเงินเหริน: “…”
เทพมือระเบิด: “พี่เทพมือระเบิดคนนี้เป็นคนดีนั่นคือเรื่องจริง แต่พี่ก็ไม่ได้เป็นแม่พระ…อะไรที่ต้องถามก็ต้องถาม! นอกเหนือไปจากนั้น ค่าใช้จ่ายในการคงสภาพมิติพิเศษในน้ำเต้าของน้องโทยะมันก็ค่อนข้างสูง และที่สำคัญคือตอนรับค่าประกันนี่แหละ พวกเขาจะไม่ทำอะไรให้เราจนกว่าพวกเราจะไปเร่งพวกเขาไม่ต่ำกว่า20-30รอบโน่น”
พอได้อ่านคำอธิบายของเทพมือระเบิดหวังลิงก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เขานึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนที่ปู่ของเขายื่นขอเงินบำนานจากในปีเรียกที่เขาปลดเกษียณ ในตอนที่เดินเอกสารถ้าหากกระดาษไม่สูญหาย ตราประทับก็สูญหายแทนเสียอย่างงั้น กระบวนการเหล่านี้กว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาไปครึ่งปี…
“นอกเหนือไปจากที่พิมพ์มา ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ พวกเขาต้องรีบหาที่อยู่ของจอมมารกัวผี ยิ่งมีดเล่มนั้นถูกซ่อมแซมไวเท่าไร น้องลิ่งก็จะสามารถใช้พลังของเขาแกะรอยไปยังที่อยู่ของจอมมารกัวผีได้เร็วเท่านั้น” เทพมือระเบิดพิมพ์อธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉันคิดว่าที่ที่น้ำเต้าม่วงทองผูกไว้คงเป็นมิติพิเศษที่ซึ่งพวกเขาไม่สามารถค้นพบจนกว่าจอมมารจะปรากฏตัวออกมาเสียเอง”
“แต่นั่นเป็นอาวุธโบราณที่มีอายุเก่าแก่มาก มันจะมีทางซ่อมได้จริงๆงั้นเหรอ?” บลังจอมดาบถามเข้ามาในกลุ่มแชท
“มีทางสิ!” เทพมือระเบิดตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “มันดูเหมือนจะได้รับความเสียหายมาก แต่อันที่จริงแล้วเป็นแค่เพียงส่วนกลางเท่านั้นที่ถูกทำลาย ส่วนอื่นยังติดอยู่กับด้ามจับอยู่ พวกเราจะสายฟ้าของดามาราจาเชื่อมมันเข้าด้วยกัน”
ผู้ชายเก้านิ้ว ไฉ่เหรียนเงินเหริน และบลังจอมดาบ: “…” “มีวิธีอย่างงี้ด้วยเหรอ?!”
“ฉันได้ขอความช่วยเหลือจากสายฟ้าดามาราจาแล้ว เขาคงกำลังยุ่งอยู่เลยไม่ได้อ่านข้อความนี้”
เทพมือระเบิดพิมพ์เรียกหาหวังสิ่ง “น้องลิ้งเศษมีดที่แตกยังอยู่ใช่ไหม ฉันได้บอกให้น้องโทยะไปหาที่บ้านแล้ว…ฉันรู้ว่าน้องลิงแอบอ่านข้อความอยู่”
หลังจากที่อ่านจบหวังลิ่งรีบปิดหน้าต่างแชทแสร้งว่าเขาไม่เคยเปิดอ่านมัน
เวลาบ่ายโมงของวันเดียวกัน โทยะจอมอมตะได้เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหวังสิ่ง
เมื่อแม่ของหวังลิ่งเปิดประตูออกมาเขาก็พบกับผู้ชายรูปหล่อคนหนึ่ง เขาดูเหมือนจะเป็นลูกผู้ดีผิวขาวและมีผมสีเทา วันนี้เขาไม่ได้แบกน้ำเต้าอันใหญ่มาด้วย ในทางกลับกันเขาสะพายกระบี่ยาวเล่มหนึ่งไว้ที่หลัง ซึ่งมันทำให้เขาดูดียิ่งขึ้นไปอีก
แม่ของหวังลิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูดีเกินไป เธอคิดว่าน้องเลยนั้นหล่อมากแล้ว เทพมือระเบิดเขามีอารมณ์ขันจนเธอคิดว่าเขาเป็นดาราตลก…แต่ในทางกลับกันความประทับใจแรกพบต่อผู้ชายผมสีเทาคนนี้เขาขโมยซีนไปจนหมด ราวกับว่าเขาเป็นพระเอกดาราดัง!
เมื่อโทยะเห็นแม่ของหวังสิ่งเปิดประตูออกมาเขาจึงก้มหัวแสดงความเคารพ “สวัสดีครับ คือผมมาหาหลิงเงินเหรินน่ะครับ”
เขารู้มาว่าคนที่อาศัยในบ้านหลังนี้เป็นคนยอดฝีมือ เขาเคยได้ยินจากเทพมือระเบิดมาอีกว่าชายแก่ที่อยู่ในบ้านหลังนี้เป็นยอดฝีมือลึกลับซึ่งไม่มีใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา…ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวมาอย่างดี
“หลิงหลิง เพื่อนของลูกมาหาแหน่ะ” แม่ของหวังลิ่งเปิดประตูและตะโกนเรียกหวังสิ่ง แต่หวังสิ่งรู้มาก่อนหน้าแล้วว่าโทยะจะมาหาเขาจึงเดินลงมาอย่างเชื่องช้า
หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวและเดินออกไปพร้อมกับโทยะ
ในขณะที่พวกเด็กๆเดินออกไป แม่ของหวังพึ่งยังคงเอามือจับใบหน้าและมีความคิดแปลกๆชั่ววูบ
“ไม่นะ! ผู้ชายคนนั้นผู้ชายรูปหล่อ! และหวังลิ่งก็เป็นคนตรง!”
จากนั้นเองเธอก็ค่อยๆดึงสติกลับมา
ด้วยอะไรก็ไม่รู้มาดลใจ เธอรู้สึกว่าหลิงหลิงและผู้ชายรูปหล่อคนนั้นเหมาะสมกันดี…
เธอจำเป็นต้องทำใจให้เย็นลง…เธอก็ไม่ใช่สาวๆแล้วการดื่มกับโลกเพ้อฝันแบบนั้น มันไม่ถูกต้อง
โทยะจอมอมตะได้ขับรถมา เมื่อหวังสิ่งเห็นรถหรูคันสีดำเขาลังเลไปครู่หนึ่งก่อนที่จะยอมขึ้นรถ
จริงๆแล้วเขาไม่ชอบขึ้นรถหรือระบบขนส่งใดๆ เขาสามารถเคลื่อนย้ายหรือวิ่งไปยังที่ใดก็ได้ แต่เขาไม่อยากที่จะเปิดเผยอะไรไปมากกว่านี้ต่อหน้าคนที่ยังไม่สนิทด้วย เขาเคยพบโทยะแค่เพียงไม่กี่ครั้งดังนั้นเขาจึงยังไม่อยากเปิดเผยพลังของเขาออกไปมากนัก
แต่อันที่จริงก็มีแค่เพียงไม่กี่คนที่หวังสิ่งยอมให้เห็น
อย่างเทพมือระเบิดเป็นต้น