The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 191
ตอนที่ 191 มันน่าจะยังซ่อมได้นะ
หวังสิ่งอธิบายเรื่องราวต่างๆต่อทั้งสองคนผ่านทางโทรจิต
ผลลัพธ์ก็คือทั้งสองคนตกอยู่ในอาการตกตะลึง
“นั่นสินะถึงว่าทําไมหัวหน้าองค์กรเงาสายธารถึงดูแปลกไป…แปลว่าตอนนี้เธอมีหน้ากากผีดิบอยู่กับตัว? และจากที่คุณเล่ามา ดูเหมือนเธอจะทําพันธะสัญญาบางอย่างกับจอมมารกัวผีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนที่คุณต่อสู้ด้วยเมื่อกี้ก็เป็นจอมมารกัวผีในร่างของเจียงหลิวเย?”
จากคําวิเคราะห์ของโทยะจอมอมตะ นักบุญลําดับสามก็รู้สึกกลัวขึ้นมานั่นก็เพราะเขาดันไปยั่วโมโหจอมมารเข้า ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายดันบอกกับเขาว่าจําชื่อและหน้าของเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะหายตัวไป
ถ้าหากฝ่ายจอมมารเป็นคนหาตัวเขาเจอก่อน เขาคงไม่รอดอย่างแน่นอน
“จากเรื่องทั้งหมด ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะซับซ้อนขึ้นไปอีก” โทยะจอมอมตะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เรื่องนี้มันวุ่นวายกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ตอนนี้จอมมารกัวผีได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว ความสงบสุขในประเทศแห่งนี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน ไม่เพียงแค่ฝีมือของเขา แต่เขายังมีของวิเศษมากมาย ซึ่งเขาสามารถใช้มันเพื่อพลิกสถานการณ์ได้ทุกเมื่อดั่งเช่นควันสีม่วงทองที่เขาใช้เพื่อหลบหนี
ก่อนที่ควันสีม่วงทองจะปรากฏ หวังลิ่งก็ได้ใช้ตาสวรรค์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันไม่สามารถที่จะมองทะลุหมอกควันเหล่านั้นไปได้อีกฝ่ายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่าเปิดประตูมิติหนีไปไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เลย
“คุณคิดว่าของวิเศษชิ้นนี้มันมาจากไหน?” หวังลิ่งถามผ่านทางโทรจิตกับคนทั้งสองซึ่งอยู่ข้างเขา
“มันดูคล้ายกับน้ําเตาม่วงทอง” โทยะจอมอมตะพูดออกมา น้ําเต้าม่วงทองของเฉินห ยวนนั้นเป็นของวิเศษที่ไว้ใช้หลบหนีชั้นสูง เป็นของวิเศษที่เทียบเท่าของระดับของศักดิ์สิทธิ์หรือสูงกว่านั้น มันสามารถปล่อยหมอกควันสีม่วงทองออกมาได้
มีข่าวลือว่าหมอกควันนั้นจะเชื่อมต่อสถานที่ 2 สถานที่เอาไว้ เมื่อหมอกควันถูกปล่อยออกมามันสามารถทําให้ผู้ใช้หลบหนีได้อย่างรวดเร็ว มันทําหน้าที่เหมือนเครื่องย้ายมวลสารขนาดจิ๋วผู้ใช้สามารถใช้มันหลบหนีได้ตลอดเวลาไม่มีทางที่จะตามรอยได้เลย
“น้ําเต้าม่วงทองนั้นเป็นหนึ่งในของวิเศษทั้งสามของเจิ้นหยวน นอกเหนือไปจาก กระบี่เจ็ดดาวและเชือกทองคํา หรือที่รู้จักกันในนามสามสมบัติแห่งความโชคดี ในตอนนั้นเทพเจิ้นหยวนได้ส่งสิ่งของทั้งสามลงมาบนโลก พวกนั้นจะถูกค้นพบโดยผู้ที่ถูกเลือก มีผู้ฝึกตนจํานวนมากพยายามที่จะครอบครองมัน แต่เทพเจิ้นหยวนได้เคยบอกไว้ว่า หากมีผู้ใดสามารถรวบรวมของวิเศษทั้งสามได้จะได้เป็นศิษย์ของเขา ในการที่จะซ่อนสิ่งของเหล่านั้นเทพเจิ้นหยวนได้สร้างของปลอมขึ้นมามากมาย ทําให้ในตอนนั้นการค้นหาของวิเศษทั้งสามเสมือนการค้นหาการ์ดของเล่นในขนมซอง…” นักบุญลําดับสามอธิบาย
หวังสิ่ง: “…”
“ใช่ เหมือนจะเคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน” โทยะสนับสนุนคําพูดของนักบุญลําดับสาม “แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครที่สามารถสะสมของทั้งสามชิ้นได้เลย และต่อให้พวกเขาหามาได้แล้วพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม…”
“แต่น้ําเต้าม่วงทองในมือของจอมมารกัวผีดูเหมือนว่าจะเป็นของจริง ของจริงเท่านั้นที่จะสา มารถทําอะไรแบบนี้ได้”
นักบุญลําดับสามยังคงพูดต่อ “คุณพอจะมีวิธีตามรอยจอมมารไหม?”
หวังสิ่งพยักหน้าสายตาของเขาจ้องไปที่เศษใบมีดสีดําบนพื้น
มันยังมีโอกาสที่จะซ่อมแซมใบมีดของมีดเล่มนี้อยู่ หากเขามันและใช้มันเพื่อตามรอยของวิเศษชิ้นอื่นในมิติที่มันเคยถูกเก็บไว้
“แต่ตรงส่วนกลางของใบมีดมันกลายเป็นผงไปแล้ว ยังซ่อมมันได้อีกหรอ…” โทยะก้มลงแตะเศษใบมีดที่ตกอยู่บนพื้น
“ไม่ต้องห่วงตรามใดที่มีท่านปรมาจารย์นักฆ่าอยู่ เขาสามารถซ่อมแซมมันได้อยู่แล้ว!” นักบุญลําดับสามกล่าวชมต่อหน้าหวังลิ่ง “ขนาดมีดบางส่วนแตกหักไปแล้วมันก็ยังดูสวยงาม”
หลังจากที่เขาได้มีโอกาสประมือกับจอมมารมากฝีมือผู้นี้ หวังลิ่งก็ทราบดีถึงความอันตรายใน ตัวของจอมมารกัวผี
ครั้งต่อไปที่พวกเขาต้องปะทะกันอีก พวกเขาจะต้องตัดสินให้รู้เรื่อง
แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ไม่ใหญ่โตอะไร แต่ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นผู้ฝึกตนซึ่งสามารถสะเทือนภูเขาหรือแยกน้ําทะเลได้ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว แค่เพียงการปะทะกันของพลังวิญญาณภายนอกก็ทําให้สิ่งของบริเวณโดยรอบเกิดความเสียหายแล้ว
ประตูบ้านทึบหน้าร้านพังเสียหายหลุดออกจากกรอบโดยพลังวิญญาณของจอมมารกัวผี รวม ไปถึงรอยร้าวบนผนังโดยรอบของร้านสะดวกซื้อ และเสาเข็มเกิดความเสียหาย
สิ่งที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคงจะเป็นบรรดารถหรูในลานจอดรถชั้นใต้ดินแห่งนี้ ไฟหน้าและยางของพวกมันเสียหายโดยพลังวิญญาณ
หวังลิ่งพยายามแล้วที่จะควบคุมพลังวิญญาณของเขา เพราะไม่เช่นนั้นมันจะส่งผลกระทบไปถึงบรรดาผู้อยู่อาศัยในตึกแห่งนี้
ด้วยพื้นที่ที่จํากัดทําให้เขาต้องคิดถึงผลกระทบในหลายสิ่งหลายอย่าง
การพบเจอครั้งต่อไปเขาจะต้องปะทะกันในที่โล่งกว้างและจัดการจอมมารกัวผีภาย ในครั้งเดียว!
ในขณะที่หวังสิ่งกําลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ อีกทางด้านหนึ่งเสียงไซเรนเริ่มดังมาจากข้า งบนชั้นใต้ดิน
ข่าวดีเพียงข่าวเดียวคงจะเป็นไม่มีผู้เสียชีวิต
ในระหว่างทางที่นักบุญลําดับสามลงมา เขารู้ว่าการปะทะอาจมีความรุนแรง เขาจึงบอกให้บรรดาผู้อยู่อาศัยในตึกห้ามลงมาเด็ดขาด
แต่ดูเหมือนพวกเขาเหล่านั้นจะไปแจ้งตํารวจ
“คุณปรมาจารย์นักฆ่าและคุณโทยะโปรดออกไปก่อน เดี๋ยวฉันจะจัดการกับส่วนที่เหลือเอง!”นักบุญบอกหวังลิ่งและโทยะ
“ที่แห่งนี้เสียหายไปมาก ค่าซ่อมแซมน่าจะแพงเอาเรื่องอยู่” โทยะจอมอมตะตอบกลับ
“มันเป็นเรื่องน่าอายที่จะพูดเรื่องเงินๆทองๆกับผู้ฝึกตน ความร่ํารวยบนโลกจะมีผลอะไรกับพวกเรา? ยังไงเสียมันก็เป็นแค่เพียงชั้นใต้ดินธรรมดา ในการที่จะเตรียมสนามต่อสู้ให้กับคุณปรมาจารย์ฉันได้ตัดสายไฟของลิฟต์ไปเรียบร้อยป้องกันคนบังเอิญลงมาจากลิฟต์”
หลังจากนั้นหวังลิ่งและโทยะจอมอมตะก็ยกหน้าที่นี้ให้แก่นักบุญลําดับสามเป็นคนจัดการ
นักบุญลําดับสามยืนมองทั้งสองคนเดินจากไป “แล้วเจอกันใหม่นะครับคุณปรมาจารย์นักฆ่า!”
ไม่นานหลังจากนั้นรถตํารวจจํานวนพร้อมเสียงไซเรนต่างกรูกันลงมาและวิ่งมาจอดอยู่ข้างหน้านักบุญลําดับสาม บรรดาตํารวจในเครื่องแบบต่างลงมาจากรถและล้อมตัวนักบุญลําดับสามเอาไว้
คิ้วของนักพรตในชุดขาวเลิกขึ้น
หัวหน้าตํารวจในชุดนี้มองสภาพความเสียหายโดยรอบจากนั้นจึงหยิบกุญแจมือสําหรับผู้ฝึกตนขึ้นมาและโยนไปทางชายในชุดขาว “เฮ้โปรดส่งมอบอาวุธของวิเศษของคุณมาแล้วใส่กุญแจมือซะ เราขอความร่วมมือในการสืบสวน!”
นักบุญลําดับสามใส่กุญแจมือและพูดและแสดงสีหน้าไม่รู้เรื่องออกมา “คุณตํารวจ พวกคุณเข้าใจผิดแล้วฉันไม่ได้ทําเรื่องพวกนี้!”
“คุณมีหลักฐานมายืนยันหรือเปล่า?” หัวหน้าชุดตํารวจถามกลับมา
ชายในชุดขาวค่อยๆถอดชุดสีขาวของเขาออก
ทันใดนั้นเองตัวอักษรสี่ตัวบนหลังของเขาก็ปรากฏต่อสายตาของบรรดาตํารวจ..ซึ่งตัวอักษรสี่ตัวนั้นเป็นลายเซ็นที่หวังสิ่งเซ็นเอาไว้
ในการที่จะรักษาลายเซ็นอันนี้ นักบุญลําดับสามไม่ได้อาบน้ํามานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว!
นักบุญลําดับสามชี้ไปยังแผ่นหลังของเขาและหันไปยิ้มให้บรรดาตํารวจ “ดูนี่! อุทิศตนเพื่อประเทศชาติ!”
หัวหน้าตํารวจ “ใครก็ได้จับไอคนโรคจิตนี้ไปที!”