The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 190
ตอนที่ 190 แพะหมายเลข2
สถานการณ์ได้ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดอยู่ชั่วครู่ จอมมารกัวผีล้มลงข้างหน้าหวังลิ่งในขณะที่เขายังคงกํามีดเล่มสีดําของเขาไว้ในมือ
พลังวิญญาณที่รวบรวมไว้ในมีดยังคงไม่ได้ปล่อยออกมาทําให้ทันทีที่มีดเล่มนั้นแตะลงบนพื้นดิน คลื่นพลังอันรุ่งแรงได้ถูกปล่อยออกมาผ่านพื้นบริเวณนั้นโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่มีดเล่มนั้น
แต่หวังลิ่งตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบเข้าไปหยิบมีดเล่มนั้นขึ้นมาจากพื้น
หวังลิ่งสามารถรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังอันรุนแรงที่ปล่อยออกมาจากมีดที่อยู่ในมือเขา จอมมารกัวผีซึ่งนอนอยู่ที่พื้นเงยหน้าขึ้นมาและพูดออกมาด้วยน้ําเสียงเย็นชา “แม้ว่าคุณจะมีกายเซียนแล้วยังไง? ต่อหน้าอาวุธวิเศษระดับโบราณของฉัน มันกําลังปล่อยพลังเข้าไปทําลายกายเซียนของคุณโอกาสของฉันมาถึงแล้ว!”
หวังลิ่งขมวดคิ้วเข้าหากัน เขารู้สึกถึงพลังของมีดเล่มนั้นซึมเข้าสู่ร่างกายเขา แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก เขาคิดว่ามันคงไม่ใช่ตัวแปรสําคัญในการต่อสู้ครั้งนี้
แต่ทว่าดูเหมือนทางด้านจอมมารกัวผีจะเข้าใจผิดอยู่ เมื่อเขาเห็นหวังสิ่งหยิบมีดของเขาขึ้นมา เขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจเพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้
หลังจากระเบิดเสียงหัวเราะเสร็จ จอมมารกัวผีก็ลุกขึ้นมาจากพื้นและเท้าสะเอว “หลังจากที่พลังของของมีดซึมเข้าสู่ร่างกาย มันจะฝังอยู่ในร่างกายจนกว่าอาวุธวิเศษเล่มนั้นจะถูกทําลาย! มันถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุโบราณซึ่งไม่มีบันทึกไว้ เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะทําลายมันได้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่จอมมารกัวผีกล่าว หวังลิ่งนิ่งไปครู่ใหญ่ “…”
จากนั้นเขาจึงออกแรงบีบจนได้ยินเสียงแตกดังออกมาจากมีดเล่มสีดําในมือ
“พลังที่สามารถทําลายกระบี่
“เป็นความสามารถพิเศษของเขา!”
หวังลิ่งนึกถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่เขาอายุ1ขวบ เขาเรียนรู้วิชาทําลายกระบี่ด้วยมือเปล่าตั้งแต่ตอนนั้น
พลังวิญญาณที่ลอยอยู่รอบมีดสีดําเล่มนั้นเริ่มจางหายไป แสงสีดําที่เรืองออกมาก็พลันหายไปด้วย…
ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบ
โทยะซึ่งมองจากไกลๆรู้สึกตกใจเช่นกัน และแม้แต่นักบุญอันดับสามที่พึ่งมาถึงเขายืนนิ่งอยู่กับที่และขยี้ตาเพื่อยืนยันสิ่งที่เขาพึ่งจะเห็นเมื่อสักครู่
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นอย่างใกล้ชิด แต่ก็มากพอที่จะเห็นสีหน้าของเจียงหลิวเย่หัวหน้าแห่งองค์กรเงาสายธาร
และในตอนนั้นเองจอมมารกัวผีในร่างเจียงหลิวเยถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา เขามองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเขาราวกับว่ากําลังเห็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
เขายอมรับแล้วว่าสําหรับเขาในตอนนี้ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาชนะคนตรงหน้าได้เลย
ทําลายอาวุธวิเศษโบราณด้วยมือเปล่า
นับตั้งแต่ในอดีตจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยพบเจอคนที่เก่งป่าเถื่อนขนาดนี้มาก่อน!
นับตั้งแต่ที่เขาถูกผนึกลงไปในหน้ากากมันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่?!
หวังลิ่งถอดหมวกสีเหลืองซึ่งเป็นชุดของพนักงานส่งอาหารออกเผยให้เห็นเส้นผมสีดําของเขา ใบหน้าของเขาซึ่งก่อนหน้านี้ถูกปิดบังด้วยหมวกและแว่นอัจฉริยะเปิดเผยให้กัวผีได้เห็นใบหน้าของเขาแบบเต็มๆ
เซลล์สมองทุกส่วนของเขาทํางานอย่างเต็มที่จนในที่สุดเขาก็นึกออกว่าเขาเคยเจอคนคนนี้ที่ไหนมาก่อน!
ในตอนนั้นหน้ากากผีดิบอีกอันของเขาซึ่งถูกส่งไปยังบ้านของหวังลิ่ง เขาจําได้ว่าเขาได้เคยพยายามควบคุมร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งแต่ก็ล้มเหลวตะขอเกี่ยวทั้งหมดของหน้ากากถูกทําลาย
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนคนนี้คือคนคนเดียวกันกับเด็กหนุ่มในตอนนั้น!
จอมมารกัวผีในร่างเจียงหลิวเย่จ้องไปทางหวังลิ่ง เขาไม่เคยรู้สึกกลัวมาตลอดชีวิตของเขา นับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวแบบนี้
“ท่านยอดฝีมือ…ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครกันแน่?”
หวังลิ่งขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
และทันใดนั้นเองนักพรตในชุดสีขาวปรากฏตัวขึ้นมาข้างหลังเขา “หัวหน้าองค์กรเงาสายธาร! ยืนอยู่เบื้องหน้าปรมาจารย์นักฆ่าแบบนี้ทําไมถึงไม่ยอมแพ้เสีย?”
หวังลิ่ง: “…”
“ปรมาจารย์นักฆ่างั้นหรือ? คนผู้ซึ่งมีอันดับที่หนึ่งในอันดับนักฆ่าโลกงั้นรึ? ฮ่าๆ…ฉันจะจําชื่อคุณไว้!” นัยน์ตาสีดําของจอมมารกัวผีจ้องไปยังหวังลิ่งและเหลือบไปมองบุคคลซึ่งอยู่ข้างหลังหวังลิ่ง “และแกฉันก็จะจําชื่อแกเช่นกัน!”
ทันทีที่พูดจบเขาก็ปล่อยควันสีม่วงทองออกมา ร่างกายของนักฆ่าสาวในหมอกควันค่อยๆจางหายไป ทิ้งไว้แค่เพียงเสียงกระซิบที่ลอยมาตามลม “ฝากเอาไว้ก่อน!”
ร่างของนักฆ่าสาวเจียงหลิวเย่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
…………………….
“หลิงเจินเหรินโคตรเทพ!” โทยะจอมอมตะพูดด้วยน้ําเสียงตื่นเต้นเมื่อเขาเดินมาถึง แม้ว่าเขาจะใช้ตาสวรรค์เขาก็ไม่สามารถมองเห็นภาพการต่อสู้อย่างชัดเจน เขาจึงรู้สึกสงสัยว่าตาสวรรค์ของเขานั้นเป็นของจริงหรือของปลอม!
เมื่อควันสีม่วงทองนั้นหายไปหวังสิ่งรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
สําหรับเขาการจับตัวจอมมารเป็นๆนั้นยากเสียยิ่งกว่าการฆ่า ถ้าจุดประสงค์แรกเป็นกา รฆ่าเป้าหมายคงไม่มีโอกาสหนีรอดลอยนวลไปได้แบบนี้
หวังลิ่งสามารถบอกได้แค่เพียงว่าเขาได้มีโอกาสยืนยันถึงความเก่งกาจของจอมมารกัวผี หวังลิ่งรู้ว่าทางด้านพละกําลังจอมมารตนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่จอมมารกัวผีมีอาวุธของวิเศษระดับโบราณหลายชิ้นซึ่งหวังพึ่งยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดเพราะของวิเศษทั้งหมดอยู่ในมิติที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น ราวกับว่าอีกฝ่ายมีกระเป๋าของโดเรม่อน
ควันสีม่วงทองอันนั้นก็เป็นหนึ่งในของวิเศษของจอมมารกัวผี
สิ่งเดียวที่อีกฝ่ายทิ้งไว้มีแค่มีดสีดําซึ่งหวังลิ่งได้ทําลายมันคามือของเขาไป
หวังลิ่งทําให้มีดเล่มนั้นแตกกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทําให้อีกฝ่ายเห็นว่าไม่มีทางซ่อมมันได้แล้วจึงทิ้งมันไว้แบบนี้
ทั้งโทยะจอมอมตะและนักบุญลําดับสามซึ่งยืนอยู่ข้างหลังหวังลิ่ง พวกเขาใช้ตาสวรรค์ตรวจดูพื้นที่โดยรอบเพื่อยืนยันว่านักฆ่าเจียงหลิวเย่หายไปแล้ว
“น่าเสียดายที่อีกฝ่ายดันหนีไปได้!” นักบุญลําดับสามพูดขึ้นมาอย่างเสียดายจากนั้นจึงหันไปทางโทยะจอมอมตะและก้มหัวลง “คุณคงเป็นโทยะจอมอมตะสินะ? ฉันคือนักบุญลําดับสาม!”
“คุณรู้จักผมงั้นหรอ?”
“โทยะจอมอมตะมีชื่อเสียงที่โด่งดัง ไม่มีทางเลยที่ฉันจะไม่รู้จักคุณ” อันที่จริงก่อนหน้าที่พวกกลุ่ม10นักบุญจะบุกบ้านของเทพมือระเบิด พวกเขาได้ทําการสืบประวัติบุคคลที่ใกล้ชิดกับเทพมือระเบิดไว้ด้วย จึงทําให้พวกเขารู้ว่าโทยะจอมอมตะนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเทพมือระเบิด
ถ้าหากเขาพูดความจริงในข้อนี้ออกไปเขาต้องถูกต่อว่าเป็นแน่
“ผมคงไม่น่าจะดังขนาดนั้นใช่ไหม?” โทยะจอมอมตะเกาหัวอย่างเคอะเขิน เขารู้มาจากในกลุ่มแชทว่านักบุญลําดับสามนั้นได้ถอนตัวออกจากกลุ่ม10นักบุญ แต่ก็ไม่นึกว่าจะได้มาเจอตัวเป็นๆแบบนี้
นอกเหนือไปจากนั้นโทยะซึ่งพึ่งจะได้รู้ข่าวใหม่ เนื่องจากนักบุญลําดับสามได้พูดว่าหลิงเจินเหรินเป็นปรมาจารย์นักฆ่า
เขามองสถานการณ์ทั้งหมดและดูเหมือนหลิงเจินเหรินจะไม่มีท่าที่ปฏิเสธหรืออธิบายด้วย
โทยะจอมอมตะพยักหน้าเข้าใจในสถานการณ์ทั้งหมด
‘อื้ม…ไหนๆปรมาจารย์นักฆ่าก็มีชื่อเสียงลบและเป็นแพะในหลายๆคดีอยู่แล้ว ก็ปล่อย ให้มันเป็นอย่างนั้นต่อไปก็แล้วกัน’