The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 189
ตอนที่ 189 Oh My…
หวังลี่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าประตูร้านสะดวกซื้อเห็นผู้หญิงข้างในร้านกําลังยกประตูบานทึบขึ้น และทันใดนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นกลุ่มควันสีดําพุ่งออกมาหาเขา
2วันที่ผ่านมาจอมมารกัวผีใช้วิธีการนี้ต่อพนักงานส่งอาหารทั้ง32คนจนช้ําชอง ไม่ไกลจากร้านสะดวกซื้อ โทยะจอมอมตะซึ่งมองดูภาพเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นรู้สึกตกใจ เพราะแม้แต่ตาสวรรค์ของเขาก็มองตามไม่ทัน
“รุ่นพี่ระวัง!”
*ฟู!* [ภาษาอังกฤษใช้คําว่า Bzz เลยขอใช้เสียงนี้แทนเสียงควันนะครับ…ผู้แปล]
ไม่นานกลุ่มควันดําก็ล้อมรอบตัวหวังลิ่งจนเขามองไม่เห็นอะไรเลย
จอมมารกัวผีรู้สึกตื่นเต้น เพราะเขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังในตัวของร่างกายพนักงานส่งอาหารคนนี้
“กลิ่นช่างหอมเสียจริงๆ!”
เขาไม่สามารถอดใจที่จะหลุดปากออกมา กลิ่นอายของผู้ชายคนนี้ช่างหอมหวนราวกับยาเสพติด
หวังลิ่งมองสถานการณ์นี้อย่างแตกต่างสิ้นเชิง เขาโดนห้อมล้อมไปด้วยควันสีดําจนไม่สามารถมองภาพข้างนอกได้ และหนําซ้ํายังได้ยินเสียงคนแก่บ่นซึมฮัมอีกต่างหาก
ทันใดนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นหน้ากากลอยอยู่ในกลุ่มควันนี้
“หน้ากากผีดิบ?”
หวังลิ่งหรี่ตาลงเพื่อเพ่งมองสิ่งที่เขาเห็นให้แน่ใจ
“แต่ทําไมมันถึงมาอยู่ที่นี่?”
ภายในกลุ่มควัน จอมมารกัวผีหัวเราะอย่างชอบใจยังไงเสียคนผู้นี้ก็เป็นแค่เพียงเด็กน้อย ไม่ใช่ว่ามันกําลังฉ่ราดหรือยังไง? มันยืนนิ่งเหมือนตอไม้กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว!
“น้องชายพี่ขอร่างกายนี้ไปล่ะ” ในที่สุดหน้ากากที่บินวนไปวนมาก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของหวังลิ่งและตัวตะขอเกี่ยวก็เจาะลงไปบนใบหน้าของหวังลิ่ง
แต่ทว่ากลับไม่เป็นไปตามที่จอมมารเฒ่าคิดเอาไว้ กลับไม่รู้สึกว่าตะขอได้เจาะเข้า ไปในเนื้อมนุษย์…ตะขอเกี่ยวนั่นไม่สามารถเจาะลงไปในเนื้อได้
นับตั้งแต่ที่เขาได้เข้ามาติดในหน้ากากใบนี้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! หน้ากากใบนี้ถูกสร้างมาจากคริสตัลดําต้นกําเนิด วัสดุที่แข็งที่สุดในโลกเท่าที่เขาทราบมา!
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?”
เกิดความสงสัยขึ้นในใจของจอมมารเฒ่า
และทันใดนั้นเองร่างกายของเด็กหนุ่มคนนี้ก็เกิดแสงสีทองขึ้นล้อมรอบตัว ก่อนที่จะปัดเป่าควันสีดําหายไปจนหมด!
“กายทองคํา?!”
ในที่สุดจอมมารกัวผีก็เข้าใจว่าทําไมตะขอเกี่ยวจึงไม่สามารถเจาะลงไปในใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้ได้
“เด็กหนุ่มคนนี้สามารถฝึกวิชากายเซียนได้สําเร็จงั้นรึ ทุกวันนี้แม้แต่คนที่สําเร็จวิชากาย เซียนก็มาทํางานเป็นพนักงานส่งอาหารงั้นเรอะ?”
หลังจากกลุ่มควันดําโดนกําจัดด้วยแสงสีทอง หน้ากากผีดิบก็ไม่มีที่จะให้หลบซ่อนตัว เสียงชายแก่ก็ดังออกมาจากหน้ากากใบนั้น “ไม่ทราบว่าท่านยอดฝีมือเป็นใครสั้นหรือครับ..?”
ในตอนนี้เองแม้ว่าหวังลิ่งจะไม่ตอบอะไรกลับมา แต่จอมมารกัวผีก็รู้ดีว่าคนคนนี้ไม่ใช่ “ซาลาเปาผู้ย่ํายี” อย่างที่เจียงหลิวเย่บอกแน่นอน เพราะคนคนนั้นมีระดับแค่เพลงแก่นแท้วิญญาณกาย เซียนนั้นเป็นวิชาที่ไม่ใช่ใครที่ไหนจะฝึกสําเร็จ
มันเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งซึ่งผ่านการฝึกไม่ต่ํากว่าหมื่นปี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครอายุยืนยาวขนาดนั้นจนสามารถฝึกสําเร็จ
มันเปรียบเสมือนโล่ที่ไม่มีวันพังทลาย! ไม่มีวิชาใดสามารถฝ่าพลังป้องกันของกายเซียนไปได้
จอมมารกัวผีรู้สึกว่าเขานั้นโดนเจียงหลิวเย่หลอกเสียแล้ว…เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจฝึกวิชานี้สําเร็จ!
เขารู้ดีว่าต่อหน้ากายเซียน ไม่มีใดเลยที่เขาจะเป็นคู่ต่อสู้กับคนผู้นี้ ต่อให้ใช้ทุกวิชาที่เขารู้จักในตอนนี้ก็ไม่อาจสร้างความเสียหายได้
“เมื่อมันเป็นแบบนี้คงเหลือแค่เพียงทางออกเดียว!”
กลุ่มควันสีดํากลับมาอีกครั้งแต่คราวนี้มันพุ่งไปหาผู้หญิงที่อยู่ข้างในร้านสะดวกซื้อ
“ยังไงเสียทั้งตัวเขาและเจียงหลิวเย่ก็ได้ทําพันธะสัญญาต่อกันแล้วว่าเธอจะมอบร่างกายแก่เขา”
ไม่นานนักหวังลิ่งก็เห็นหน้ากากผีดิบและผู้หญิงคนนั้นรวมร่างเข้าด้วยกัน
จอมมารกัวผีซึ่งยืมร่างของเจียงหลิวเย่ลุกขึ้นยืน
“ผมไม่นึกเลยว่าหลังจากที่ถูกผนึกไปเป็นระยะเวลานานขนาดนี้ ผมจะมีโอกาสได้มาพบกับท่านยอดฝีมือผู้ซึ่งสําเร็จวิชากายเซียน” ภายใต้ร่างกายของเจียงหลิวเย่จอมมารกัวผีหรี่ตาลง
เขายื่นมือขวาออกไปและตะโกนออกมา “มีด!”
ทันใดนั้นเองเกิดเสียงเหมือนแก้วแตกและมีมีดสีดําลอยออกมาจากรอยแยกบนอากาศบินเข้าสู่มือของจอมมารกัวผีในร่างเจียงหลิวเย่
ในอดีตวิชาที่น่ากลัวที่สุดของจอมมารก็คือเขาสามารถซ่อนมีดของเขาไว้ในมิติคู่ขนานได้ เขาสามารถเปิดและปิดเพื่อเรียกใช้งานมีดของเขาได้ตามใจนึก
ซึ่งวิชานี้นั้นมีระดับสูงกว่าวิชาระดับแก่นแท้วิญญาณ
หวังลิ่งจ้องไปยังมีดสีดําในมือ รูปทรงของมันค่อนข้างแปลกประหลาดตัดกับใบมีสีเงินแวววาวราวกับหิมะ
เมื่อจอมมารกัวผีแบมือออก มีดสีดําเล่มนั้นก็พุ่งตัวออกไป เขามองไปยังหวังลิ่งและพูดด้วยเสียงเรียบเพียงคําเดียว “ตัด!”
ทันใดนั้นเองมีดสีดําก็กลายเป็นกระบี่สีดํา
เกิดแสงวูบวาบรอบตัวมันก่อนที่จะพุ่งตัวลงอย่างรุนแรงหวังจะผ่าร่างของเด็กหนุ่ม
ในชณะเดียวกันเกิดแสงสีขาวเรืองออกมาจากกระเป๋าของหวังลิ่ง!
กระบี่สีน้ําตาลเล่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมารอรับแรงปะทะจากกระบีดําซึ่งหวังจะทําร้ายเจ้านายของมัน
จอมมารกัวผีหัวเราะเยาะ “ไม่มีประโยชน์ กระบี่ของผมนั้นเป็นถึงอาวุธวิเศษโบราณซึ่งได้รับมาจากสุสานโบราณแห่งหนึ่ง มันเป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์! สามารถทําลายได้แม้กระทั่งแกนกลางพลังงานของผู้ฝึกตน จนถึงตอนนี้ผมสามารถนับได้เลยว่ามีกระบี่ใดบ้างที่สามารถรับมือกับมันได้”
เมื่อเขาพูดจบแสงจากกระบี่ทั้งสองก็เริ่มส่องสว่างขึ้นจนกระทั่งแสงสว่างจากกระบี่สีน้ําตาลจะกลบแสงจากกระบี่สีดํา
ไม่นานนักมันก็กลายเป็นแรงกระแทกซึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างของจอมมารกัวผีอย่างรุนแรง
การสะท้อนครั้งนี้รุนแรงกว่าที่ผ่านมา จอมมารกัวผียื่นมือออกไปรับลูกบอลพลังงานสีน้ําตาล ซึ่งร่างกายของเขาถึงกับสั่นสะท้านต่อแรงกระแทก เขาใช้พลังทั้งหมดของเขาเพื่อต้านแรงกระแทกจากพลังของจิงเกอ
มันทําให้เขานั้นถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาเพราะเขาเกือบตายจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่
กระบี่เล่มสีน้ําตาลนั้นลอยกลับไปหามือของหวังลิ่ง จอมมารกัวผีเพ่งมองไปยังกระบี่เล่มนั้น – “มันแค่กระบี่ไม้ไม่ใช่หรือยังไง!?
“นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?!?
“วันนี้ไม่ผมก็คุณที่จะต้องตาย!” จอมมารเฒ่าในร่างนักฆ่าสาวตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
เขาเรียกมีดสีดําของเขากลับมาและพุ่งเข้าหาหวังลิ่งด้วยตัวเอง
หวังลิ่งยังคงรักษามาดนิ่งของเขาไว้ เขาไม่ได้สนใจเลยว่าอีกฝ่ายนั้นกําลังโมโหอยู่ เขาแค่ยืนมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ซึ่งมองผ่านดวงตาของเขานั้นเขารู้สึกว่ามันช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน
เขาสามารถมองเห็นได้ในทุกวินาทีที่อีกฝ่ายขยับตัว
สิบเมตร…
แปดเมตร…
หกเมตร…
จอมมารกัวผีกวัดแกว่งมีดเล่มสีดําในมืออย่างรวดเร็ว
จากนั้นเมื่อเขาวิ่งเข้ามาจนเหลือระยะสี่เมตรจากหวังสิ่ง ร่างกายซึ่งมีอาวุธทําลายล้างขนาดใหญ่สองลูกก็เริ่มทําให้เสียการทรงตัว
หวังลิ่งสังเกตเห็นสีหน้าอับอายที่ซ่อนบนในหน้าจอมมาร(ในร่างผู้หญิง)
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอุทาน “Oh my-,” จอมมาร(สาว)ล้มลงกับพื้นดังตุบ