The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 211
ตอนที่ 211 คลื่นไม่โชว์
สถานะนักเรียนแลกเปลี่ยนของหวังหมิงนั้นเป็นแค่เพียงฉากบังหน้า พอสิ้นสุดการฝึกครั้งนี้ตัวตนของเขาก็จะถูกลบทิ้งไป หลังจากที่สองพี่น้องได้พูดคุยกันอย่างลับๆบนดาดฟ้า หวังลิ่งได้สัญญาว่าจะทําการลบความทรงจําที่เกี่ยวข้องกับหวังหมิงออกจากคนทุกคนที่ได้พบเจอตัวหวังหมิง
เตียงที่ไม่มีเจ้าของอีกที่นั้นเป็นแผนอันแยบยลของหวังหมิงเอง นั่นทําให้ตัวหวังหมิงได้นอนในห้องนั้น เพียงคนเดียว
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ตัวผู้สังเกตการณ์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกนั้นไม่สามารถพักร่วมกับนักเรียนได้ พวกเขาจะมีที่พักแยกต่างหาก
หลังจากที่กัวหาวและเซ็นเฉาแยกตัวออกไปหาเสบียงไม่นานพวกเขาก็กลับมา พวกเขาเห็นสมาชิกใหม่อยู่ในห้องพักของพวกเขา ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มสนทนากันอย่างสนิทสนม สําหรับพวกเขานั้นการที่มีนักเรียนแลกเปลี่ยนในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่แปลกมิหนําซ้ํายังเข้าร่วมในการฝึกครั้งนี้ได้อีกด้วย…พวกเขาจึงรู้สึกว่าตัวตรของหวังหมิงนั้นอาจจะไม่ธรรมดา
ประเด็นที่สําคัญที่สุดก็คือพวกเขาไม่สามารถจับไอพลังวิญญาณจากตัวหวังหมิงได้เลย นั่นแสดงว่าความสามารถในการปกปิดพลังวิญญาณของอีกฝ่ายต้องสูงส่งอย่างแน่นอน! ถ้าหากพวกเขาใช้ประโยชน์ของมันในการฝึกได้ มันอาจจะเป็นอาวุธลับของพวกเขาเลย ในสถานการณ์ที่พลังวิญญาณไม่สามารถตรวจจับได้ เปรียบเสมือนวอลเดอมอล(Voldemort)ที่หลบซ่อนอยู่ในทุ่งหญ้ารอคอยจังหวะ นับเป็นกลยุทธ์ที่สําคัญในการทําให้ศัตรูสับสนได้ดี!
“พี่ชายมาจากโรงเรียนไหนหรอครับ?”
เซ็นเฉานั้นรู้สึกสงสัยในตัวตนของหวังหมิงเป็นอย่างมาก เมื่อครู่ที่ผ่านมาพวกเขาได้ฟังเรื่องราวจากปากของหวังหมิงว่า ตัวเขาและหวังลิ่งนั้นเป็นเพื่อนบ้านที่เติบโตมาด้วยกัน
เป็นที่เข้าใจตรงกันว่าหวังลิ่งและหวังหมิงนั้นต้องปกปิดความสัมพันธ์ของตนไว้
หลังจากเซ็นเฉายิงคําถามไป ทุกคนก็ให้ความสนใจไปที่ตัวหวังหมิงอย่างพร้อมเพรียง มีเพียงหวังลิ่งเท่านั้นที่นอนเอาศีรษะหนุนหัวอยู่บนเตียง เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะไปสนใจกับเรื่องไร้สาระ และเขาก็ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงว่าหวังหมิงจะเข้ากับกลุ่มเพื่อนของเขาไม่ได้
เหตุผลที่ทําให้ผู้ชายคนนี้สามารถสร้างเพื่อนได้อย่างรวดเร็วนั่นก็คือ…เขามักจะพูดโกหกอยู่สม่ําเสมอ และในคําโกหกพวกนั้นดันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงและถูกกฎหมาย มันเป็นการปลอมแปลงที่แนบเนียนขนาดตํารวจก็ยังไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติของบัตรประชาชนได้
เมื่อได้ยินคําถามจากเซ็นเฉา หวังหมิงตอบกลับอย่างรวดเร็วไร้ซึ่งความลังเล “ฉันจบจากกงเชียงเชี่ยในพระราชวังยุนดิง”
“กงเชียงเชี่ยในพระราชวังยุนดิง?” เซ็นเฉานั้นรู้สึกแปลกใจเพราะว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อโรงเรียนแห่งนั้นมาก่อน
กัวหาวถึงกับต้องยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เด็กหนุ่มไม่คาดคิดว่ามีเรื่องบนโลกที่เขายังไม่รู้อีกเหรอ เขารู้จักชื่อโรงเรียนทุกแห่งในประเทศ ความเป็นไปได้มีเพียงอย่างเดียวที่เขาจะไม่รู้จักชื่อโรงเรียนแห่งนี้
กงเชียงเชี่ยในพระราชวังยุนกิ่งจะต้องเป็นโรงเรียนเอกชนอย่างแน่นอน…
เพราะหากเป็นโรงเรียนเอกชน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะไม่รู้ชื่อของมัน รัฐบาลได้จัดตั้งโรงเรียนให้แก่บรรดาผู้ฝึกตนที่ระดับแก่นแท้ปราณทองคํา แต่ก็ไม่ใช่แค่เพียงโรงเรียนรัฐที่ทําได้ โรงเรียนเอกชนที่ทางแต่ละสํานักจัดตั้งขึ้นมาก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ยิ่งไปกว่านั้นโรงเรียนเอกชนก็ไม่ได้รับนักเรียนผ่านทางช่องทางอินเทอ ร์เน็ต พวกนักเรียนจะต้องติดต่อทางโรงเรียนเอง… จุดสําคัญก็คือนักเรียนซึ่งสามารถเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนแบบนี้ได้ ต้องมาจากครอบครัวที่ร่ํารวยอย่างแน่นอน
เซ็นเฉา กัวหาวและเสี่ยวหัวเฉิงตาโตจ้องไปทางเพื่อนร่วมห้องใหม่ของพวกเขา “หวังเสี่ยวเอ้อ” – กลับกลายเป็นว่าชายที่มาได้รับบทบาทเป็นหัวหน้าแก๊งไปเป็นที่เรียบร้อย!
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีหัวหน้าเป็นเด็กจากโรงเรียนเอกชน เซ็นเฉาและอีกสองคนเชิดชูหวังหมิงเป็นบอสด้วยความเต็มใจ ชื่อบนบัตรของหวังหมิงเขียนไว้ว่า “หวังเสียวเอ้อ” เซ็นเฉาจึงเรียกหวังหมิงว่าพี่สอง “พี่สอง ฉันอยากจะถามอะไรบางอย่าง ในโรงเรียนเอกชนพวกเขาสอนอะไรงั้นเหรอ”
หวังหมิงถูกคางตัวเองอย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงตอบกลับมา “พลังคลื่นเต่า”
“พลังคลื่นเต่า?” กัวหาวตาโตด้วยความตกใจ “อย่าบอกนะว่าเป็นพลังคลื่นเต่าของผู้เฒ่าเต่าหน่ะ? นั่นเป็นวิชาระดับสวรรค์เลยนะ…มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจมัน!”
“มันไม่ได้ยากขนาดนั้น” หวังหมิงแบมือ “เกือบทุกคนในโรงเรียนของฉันสามารถทํามันได้ และฉันจะบอกอะไรให้ พลังคลื่นเต่านั้นมันค่อนข้างโบราณไปแล้ว มันใช้การเคลื่อนไหวมากเกินไป กว่านายจะปล่อยพลังออกไป อีกฝ่ายก็จับพลังได้แล้ว ถึงแม้ว่าวิชามันจะดูอลังการ แล้วยังไงถ้ามันเอาชนะใครไม่ได้?!”
“นั่นก็จริง…” ทั้งสามคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ดังนั้นพลังคลื่นเต่านั้นใช้พื้นฐานมาจากคลื่นพลังของผู้เฒ่าเต่า มันมีพลังคลื่นเต่าชนิดใหม่ซึ่งเจ้าสํานักของฉันคิดค้นขึ้น มันสามารถล้มศัตรูซึ่งอยู่ไกลออกไปหลายพันลี้โดยไม่มีแม้กระทั่งเสียง แสงและการเคลื่อนไหว”
ทั้งสามคนพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ “มันมีอะไรแบบนั้นด้วยหรอ! พลังคลื่นอะไรกัน? มันชื่อว่าอะไร?”
ตาของหวังหมิงหลลงและพูดออกมาเพียงสามพยางค์ “คลื่น-ไม่-โชว์”
“คลื่นไม่โชว์?”
ทั้งสามคนทําหน้างง
“มันคือวิชาอะไรกัน?”
“มันเรียกว่าคลื่นไม่โชว์จริงหรอ?
หวังหมิงพูดต่อ “เหมือนอย่างที่ฉันอธิบายไป ปลดปล่อยคลื่นพลังแบบไร้เสียงและเคลื่อนที่น้อยนั้นทําให้มันดูอลังการน้อยลง”
หลังจากที่หวังหมิงพูดจบ เขาก็ยืนขึ้นมองไปทางหน้าต่าง เขาค่อยๆถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นหุ่นที่แข็งแรงของเขา จากนั้นเขาจึงชี้ไปที่รอยแดงบนหลังของเขา “จากการฝึกวิชานี้ พี่สองของพวกนายต้องเจ็บมาเยอะ เจ้าสํานักทิ้งฉันไว้ในป่าเขาที่ซึ่งฉันดื่มได้แค่เพียงหยดน้ํายามกระหาย กินตกแตนยามหิว และต้องต่อสู้กับสัตว์ วิญญาณทุกวัน รอยแดงนี่ได้รับมาจากการฝึก”
หวังลิ่งดับหูตัวเองลงไม่สามารถฟังต่อไปได้ นั่นก็เพราะไอรอยแดงนั่นนะเป็นปานแดงตั้งแต่เกิดของหวังหมิง!
เมื่อฟังเรื่องเล่าของหวังหมิงจบ เซ็นเฉาและอีกสองคนต่างหยุดหายใจและตื่นเต้นไปกับเรื่องเล่านั้น “พี่สองสุดยอดจริงๆ!”
หวังหมิงสวมเสื้อคลุมกลับไปและทําหน้าตาเข้มขรึม ราวกับพระเอกหนังเรื่อง Kung Fu Hustle ผู้ซึ่งปราบสัตว์ร้ายด้วยฝ่ามือยไล เขาเอามือไพร่หลังและมองไปยังเด็กผู้ชายทั้งสามที่อยู่ข้างหน้าเขา “ถ้าพวกนายอยากจะเรียน ฉันสามารถสอนมันได้นะ…”
ด้วยคําโกหกทั้งหมดทั้งมวลที่หวังหมิงพูดออกไป ก็จําให้ทั้งสามคนคล้อยตามภายในเวลาสิบนาที
“พี่สอง พี่สอง เมื่อไหร่พี่จะสอนวิชาคลื่นไม่โชว์ให้พวกเราได้หล่ะ?”
“พี่สอง อะไรคือพื้นฐานของวิชาพลังคลื่นเต่า? พี่สอนพวกเราได้ไหม? ตอนที่เราฝึกเราจะต้องเน้นที่จุดไหนเป็นพิเศษ?”
“จุดที่ต้องเน้นหน่ะหรอ? ไม่มี” หวังหมิงยิ้มอย่างสุขุม “ตราบใดที่พวกนายฝึกตามฉัน ฉันการันตีได้เลยว่า พวกนายจะต้องได้คะแนนวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าในการสอบเข้ามหาลัยได้สูงอย่างแน่นอน!”
หลังจากพูดจบเขาก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองไปทางหวังลิ่งซึ่งนอนอยู่ข้างบนหัวเขา “น้องชายที่อยู่ข้างบน นายไม่สนใจที่จะเป็นลูกศิษย์ของฉันงั้นเหรอ?”
หวังลิ่ง “…”