The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต - ตอนที่ 507 Bringing The Family Into The Plot
- Home
- All Mangas
- The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต
- ตอนที่ 507 Bringing The Family Into The Plot
เมื่อมองดูหน้าครอบครัวของตัวเองแล้ว ผมก็สามารถบอกได้ง่ายๆ เลยว่าอาเรียคงต้องสร้างเรื่องไว้ไม่น้อยใน 2 วันที่ผ่านมา
สุดท้ายแล้วผมก็รู้จักแม่ของตัวเองดี เธอจะต้องพาอาเรียไปที่คฤหาสน์เพื่อทำความรู้จักกับพวกเอลด้าอย่างแน่นอนและพวกเธอคงจะรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว
วันนี้ ตอนที่ผมอยู่กับเกรซ เธอได้คุยกับผมเกี่ยวกับเรื่องระหว่างอาเรียกับคนอื่นๆ แล้ว
“ใจเย็นๆ นะที่รัก พวกเธอคือครอบครัวของป๊ะป๋านะ”
ผมพูดพร้อมรอยยิ้มที่เอ็นดูขณะที่เริ่มลูบหัวอาเรีย ทักษะนี้ดูเหมือนจะทะลุทะลวงทุกชั้นของการป้องกันที่อาเรียมีไว้ได้ จิตใจที่เหมือนเด็กของเธอละลายลงเมื่อเธอพูดด้วยหน้ามุ่ย
“ตะ-แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่สำหรับเรื่องนี้ เป็นเด็กดีนะคะ ตกลงไหม?”
ผมพูดพร้อมกับหอมเบาๆ บนแก้มของอาเรีย ซึ่งทำให้ ‘เด็กน้อย’ คนนี้ยอมตกลงตามที่ผมบอก
เมื่อกล่อมอาเรียเรียบร้อยแล้ว ผมก็หันไปหาครอบครัวของตัวเอง ซึ่งทั้ง 3 คนกำลังมองผมด้วยท่าทางตะลึงคล้ายกับที่คลาร่ามองผมในวันนี้
‘ฉันไม่ต้องอ่านใจก็รู้ว่าพวกเธอคิดอะไรอยู่’
“อะแห่ม…ว่าแต่ลูกจะทำยังไงในตอนที่เธอกลับมาเป็นตัวของเธอเองเหรอ?”
เกรซพูดขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่เริ่มแปลกไป ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเธอทั้ง 3 อาจจะพาผมไปที่ห้องนอนตอนนี้เลยก็ได้ แต่โชคดีที่พวกเธอไม่ได้ทำเช่นนั้น
“ก็ไม่ใช่ความผิดของผมอยู่แล้วนี่ครับ ผมควรทำจะทำอะไรอีกในเมื่อเธอเป็นคนโยนตัวเองมาที่ผมแบบนี้? ด้วยระดับพลังและจิตใจปัจจุบันของเธอ ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ พวกแม่ก็คงพอจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหมหล่ะครับ?”
คำพูดของผมทำให้ใบหน้าของอีก 3 คนเริ่มขมวดคิ้วก่อนที่พวกเธอทั้งหมดมองจะอาเรียด้วยสายตาซับซ้อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจิตใจของพวกเธอยังคงตกใจที่ผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งในโลกกลายเป็นแบบนี้อยู่
“แต่ถึงอย่างนั้น นายก็ยังมีความลับอีกมากมายใช่ไหมเจ้าน้องชาย ใครจะรู้กันว่านายมีอาเรีย ดรามูน เป็นลูกสาว?”
นอร่าพูดขึ้นมา คำพูดสุดท้ายของเธอเป็นเหมือนการหยอกล้อ แต่ผมก็ยังตรวจจับความเศร้าในน้ำเสียงของเธอได้
เมื่อเห็นดังนั้นผมก็หันไปหาเกรซที่พยักหน้าให้ แม้ว่าเกรซจะเล่าถึงสถานการณ์ของผมกับอาเรียให้พวกเธอทั้ง 2 คนฟังแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้กล้าให้พวกเธอฟัง
“เห้อออ…อาเรีย ทำไมไม่ไปนั่งกับมะม๊าหล่ะคะ? พอดีป๊ะป๋ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการหน่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม อาเรียก็ทำหน้าบูด มือของเธอโอบรอบคอของผมเบาๆ ขณะที่เธอตอบ
“ไม่เอา หนูอยากอยู่กับป๊ะป๋า!”
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็หันไปหาเกรซที่ยิ้มและเริ่มพูดด้วยเสียงเศร้า
“ฮึกๆ ดูเหมือนว่าลูกสาวของฉันไม่ต้องการฉันอีกต่อไปแล้ว…”
“ไม่ใช่นะคะ!… มะม๊า…”
เมื่อเห็นการแสดงของเกรซ อาเรียก็ตกใจ ในขณะที่ดวงตาของเธอมองสลับไปมาระหว่างผมกับเกรซ
เมื่อเห็นดังนั้นผมก็ผลักดันอาเรียด้วยการหอมที่แก้ม ทำให้เธอลุกออกจากตักของผมและวิ่งไปหาเกรซเพื่อนั่งบนตักของเธอ จากนั้นสายตาของผมก็หันไปทางพี่สาวที่คอยมองระหว่างผมกับเกรซด้วยสายตาที่สับสนมาก ผมไม่ปล่อยให้มันประอย่างนั้นนานในขณะที่พูดขึ้นมา
“มานั่งใกล้ๆ ผมสิ”
เมื่อผมพูดเช่นนั้นนอร่าก็ขยับเข้ามาใกล้ ผมจึงจับมือของเธอไว้ ขณะที่เอลด้าก็กระโดดขึ้นมานั่งบนตักของผมและกอดผมแน่น
เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงเริ่มเล่า ‘ความจริงง
…
“เพราะงั้นนายเลยได้รับหน้าที่ที่ถูกเลือกจากสายเลือดของบรรพบุรุษงั้นเหรอ?”
นอร่าถามด้วยสายตาที่แคบลง
“ครับ”
ผมตอบ
“มีอันตรายร้ายแรงกำลังใกล้เข้ามา ซึ่งนายเป็นคนเดียวที่สามารถรับมือได้ แต่นายไม่สามารถบอกกับพวกเราได้สินะ?”
นอร่าถามอีกครั้งเพื่อยืนยัน และผมก็ตอบกลับเธอไป
“ครับ”
“ความสามารถของพี่ชายที่สามารถขจัดพลังงานเสื่อมทรามได้จะเป็นสิ่งที่จะนำพาโลกไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิมสินะคะ…?”
เอลด้าถามด้วยสายตาที่แคบ คำพูดของเธอขยายความถึงเรื่องราวที่ผมเล่า
‘เฉียบคมเช่นเคย…’
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้อยู่”
ผมตอบด้วยท่าทางที่คลุมเครือ ทำให้ทั้ง 2 คนขมวดคิ้ว
“เพราะงั้นตลอดเวลาที่นายหายไปคือนายกำลังพยายามปกป้องโลกอยู่งั้นเหรอ?”
นอร่าถามด้วยน้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนโยนแต่หนักแน่น
คราวนี้สีหน้าของผมฉายแววเจ็บปวดก่อนจะกลายเป็นซับซ้อนในขณะที่ตอบ
“มันเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผล”
เมื่อผมพูดอย่างนั้น เอลด้าก็เข้ามาใกล้เพื่อจูบที่แก้มของผม ขณะที่นอร่าก็จับมือของผมแน่นขึ้น ทั้ง 2 คนต่างก็มองผมด้วยความห่วงใยและความรักอย่างมาก
“ทำไมลูกถึงเอาแต่ปกปิดและไม่บอกเรื่องทั้งหมดในอดีตหล่ะจ๊ะ?”
ครั้งนี้เป็นเกรซที่ถามขึ้นมา
คำตอบของคำถามที่ทุกคนในห้องต่างก็รู้กันอยู่ คำถามของเธอทำให้ผมเอนตัวไปพิงโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจเหนื่อยๆ ขณะที่ตอบ
“ก็เพื่อปกป้องพวกแม่ทุกคนไงครับ ผมคิดว่าถ้าตัวเองอยู่ห่างออกไป ถ้าผมไม่กลับมาอีก บางทีถ้าผมตายในหน้าที่ บางทีผมอาจจะลดความเจ็บปวดที่ทุกคนอาจรู้สึกก็ได้”
“ออสติน…”
นอร่าพูดด้วยสีหน้าที่รู้สึกถูกหักหลังแต่เศร้าใจ
เมื่อเห็นดังนั้นผมก็เอนตัวไปข้างหน้าและจูบที่หน้าผากของเธอ แล้วผมก็จูบอีกครั้งที่หน้าผากของเอลด้า ในขณะที่รอยยิ้มแห้งๆ ปรากฏบนหน้าของขณะที่พูด
“แต่ดูเหมือนว่าผมล้มเหลวซะแล้วสิ ไม่เพียงแต่ผมไม่ได้อยู่ห่างๆ จากทุกคน แต่เรากลับกลายเป็นใกล้ชิดกว่าที่เราควรจะเป็นอีก”
คำพูดล้อเล่นเล็กน้อยของผมทำให้บรรยากาศดีขึ้นเล็กน้อย ทำให้ทั้ง 3 คนมีรอยยิ้มบางๆ บนแก้มของพวกเธอ
“ถ้าพี่ต้องการอยู่ห่างจากพวกเรา แล้วทำไมพี่ถึงกลับมาหล่ะคะ? ทำไมต้องมาเรียนที่นี่ด้วยเหรอคะ?”
เอลด้าถามขณะที่มือของเธอเริ่มรัดผมแน่นขึ้นจากการที่คิดว่าผมเกือบจะกลับมาอีกแล้ว
“เอาเป็นว่าระหว่างทางพี่เข้าใจว่าเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดินนั้นผิดไปอย่างไร และก็มีความจริงที่ว่าสถาบันกำลังตกอยู่ในอันตราย พอรู้ว่าพวกเธอทั้ง 2 คนเรียนอยู่ที่นี่แล้วจะให้พี่อยู่เฉยได้ยังไงหล่ะจริงไหม? นอกจากนี้พวกที่อยู่ในเงามืดบางส่วนยังวางแผนที่จะเก็บเกี่ยวชีวิตและสร้างความขัดแย้งที่นี่อีกด้วย”
ขณะที่พูดอยู่ผมก็ลูบหัวของเอลด้าเบาๆ เพื่อทำให้เธอผ่อนคลาย คำพูดสุดท้ายของผมทำให้ผู้หญิงทั้ง 3 คนยิ้มเล็กน้อย แม้ว่าพวกเธอจะยังโกรธผมอยู่ก็ตาม
“เพราะงั้นนายเลยส่งเพื่อนๆ ของมาที่นี่สินะ…”
นอร่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้าใจ ซึ่งผมก็พยักหน้า
“นายได้ใกล้ชิดกับดาร์กไนท์ในการตามล่าครั้งนั้นสินะ?”
นอร่าถามขึ้นมา ในขณะที่สายตาของผู้หญิงทุกคนจ้องมองมาที่ผม
“ครับ ระหว่างการค้นหาคำตอบ ผมได้รู้ถึงเงามืดที่กำลังล่าดาร์กไนท์อยู่ ตอนนั้นผมสามารถหยุดเงามืดไม่ให้ครอบงำดาร์กไนท์ไว้ได้ และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผมกลายเป็นคนสำคัญของพวกเขา”
คำพูดของผมทำให้ทั้ง 3 คนขมวดคิ้ว แต่พวกเธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม จนกระทั่งผมหยิบเอกสารออกมาและส่งให้ทั้ง 3 คน เอลด้าหันร่างกายของเธอไปรับเอกสารเพื่อเริ่มอ่าน
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีผ่านไป กระแสความโกรธและเจตนาฆ่าของนอร่าและเกรซก็เพิ่มขึ้น ในขณะที่เอลด้าก็มีสีหน้าที่ไม่ดีนัก
“พวกบัดซบนี้กล้าดีอย่างไร…”
“แม่ครับ!”
ผมเรียกเกรซขณะที่ชี้ไปที่อาเรีย
เมื่อเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อแล้ว เกรซก็สงบลงและหันมามองผม
“แม่จะติดต่อคุณปู่ พรุ่งนี้จะต้องไม่มีสมาชิกในตระกูลนี้เหลือรอด”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผมก็ส่ายหัว
“เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ครับแม่ มันยังไม่ถึงเวลา ผมมีแผนจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว เรายังไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ ผมต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ และเพื่อสิ่งนั้น ทุกอย่างเลยต้องเป็นไปตามแผนครับ”
ขณะที่พูดผมก็ยังคงรู้สึกถึงความโกรธที่เพิ่มขึ้นในห้องได้ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะเอกสารที่ผมให้กับพวกเธอมีแผนการของตระกูลฮิลล์คลาวด์ที่มีต่อครอบครัวของผมอยู่ เรื่องที่น่ารังเกียจพอที่จะทำให้ผู้หญิงทุกคนรู้สึกขยะแขยง
“ผู้บังคับบัญชาคนนั้น เขาหายไปจากที่ดินของตระกูลเราสักพักแล้ว…”
เกรซพูดด้วยตาที่แคบขณะที่มองผม คนที่เธอพูดถึงคือคนที่เข้ามาหาครอบครัวของผมเพื่อหลอกแม่ของผมซึ่งจู่ๆ ก็หายตัวไป
เมื่อได้ยินคำถามของแม่ ผมก็มองไปที่เธอขณะที่ตอบ
“ผมจัดการเขาไปแล้วครับ โดยใช้ความช่วยเหลือจากดาร์กไนท์”
คำพูดของผมไม่ได้ทำให้พวกเธอแปลกใจเพราะพวกเธอคิดไว้แล้วหลังจากที่เกรซพูด
“น่าเสียดาย ฉันอยากทรมานมันให้เหมือนตกนรกซักหน่อย”
นอร่าพูดขณะกัดฟัน
บรรยากาศในห้องดูมืดมน แต่ผมก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นนานในขณะที่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่หนักแน่น
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่ปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับพวกเราทุกคนหรอก แม้ว่าผมจะต้องละทิ้งหน้าที่ทั้งหมดของโลก แต่ผมก็จะปกป้องครอบครัวของตัวเองให้ปลอดภัยให้ได้”
คำพูดของผมทำให้พวกเธอยิ้ม ในขณะที่แววตาของพวกเธอเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักเมื่อมองมาที่ผม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดและสถานการณ์ของผมทำให้หัวใจของพวกเธอเต้นเร็วยิ่งกว่าสิ่งใดๆ แม้ว่าผมจะคิดว่าความรักที่พวกเธอมีต่อผมจะเพิ่มขึ้นไม่ได้อีกแล้ว แต่สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้กลับเกิดขึ้นแล้ว
+1000 ความรัก
+1000 ความรัก
+1000 ความรัก
+1000 ความรัก
+1000 ความรัก
+1000 ความรัก
‘คิดว่ามันคงเกินระดับความกังวลของฉันไปแล้วตอนนี้…’
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต