The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - ตอนที่ 470
คอนเนอร์เองก็ยังคงรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เธอพึ่งเห็น ไม่เพียงแต่เธอจะเป็นแม่บ้านส่วนตัวของหัวหน้าเผ่าแฮนรี่เท่านั้น แต่เธอยังคงเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่สำคัญที่สุดของเขาอีกด้วย ถึงแม้ว่าก่อนที่เธอจะมาทำงานเป็นแม่บ้านส่วนตัวแบบนี้ เธอจะผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย แต่มันก็ไม่เคยเลยที่เธอจะเห็นอะไรแบบนี้
“นายหัว! นี่อาจเป็นอุปกรณ์ประเภทใหม่ก็ได้!” คอนเนอร์ได้พูดต่อว่า “ดังนั้นตอนนี้จะเป็นการดีที่สุดถ้าเราจะเรียกตัวลูกน้องของเรากลับมา”
เฮนรี่ที่ได้ฟังคำแนะนำแบบนั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมา แต่เขาเองก็รู้ดีว่านี้เป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดแล้วในสถานการณ์แบบนี้ “เธอรับหน้าที่นี้ก็แล้วกัน”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกตำรวจก็ได้เดินทางถึงไซต์ก่อสร้าง เห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพการทำงานของพวกตำรวจนั้นต่ำเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเรื่องในครั้งนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตละก็ ตอนนี้พวกเขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว
แม้ว่าเจียงซุนจะไม่พอใจขนาดไหน แต่เขาก็ยังคงสั่งให้พวกทีมรักษาความปลอดภัยมอบผู้ก่อเหตุไปให้กับตำรวจอยู่ดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ทำเพิ่งลงมาบันทึกปากคำกับพวกเขาเท่านั้นก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหากลับไป
แต่เหตุการณ์นี้ยังไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ เพราะการกระทำครั้งนี้ของเฮนรี่รุนแรงเกิดไป ดังนั้นเจียงซุนจึงได้ส่งเรื่องไปสถานทูตเพื่อดำเนินงานช่วยปกป้องสิทธิของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้เองพวกรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐคาดูนาจึงต้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้กับเผ่ากอซ่าอย่างเร่งด่วน และนั้นทำให้ลูกน้องเกือบทั้งหมดของแฮนรี่ถูกจับขังคุก
แต่หัวหน้าใหญ่อย่างแฮนรี่นั้นกับไม่เป็นอะไร และเนื่องจากเครื่องจักรทางวิศวกรรมอันทรงพลังของ ออพติมัส อาร์ม เขาจึงไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการก่อสร้างแบบในอดีตได้อีกต่อไป ดังนั้นมันจึงทำให้บริษัทก่อสร้างอย่างเจียงหนานนั้นทำงานไปได้อย่างราบรื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในประเทศจีน ลูชินเองก็ได้รับการขอบคุณเป็นการส่วนตัวจากเจียงซุนเช่นกัน เขายังได้พูดอีกว่าอีกไปช้าบริษัทของเขาจะสั่งรายการคำสั่งซื้อมูลค่าหลายสิบล้านเหรียญมาอีกครั้ง
“ มันน่าสนใจมาก! ฉันไม่คิดว่าเจ้าเซี่ยวไบมันจะทำการติดตั้งฟังก์ชั่นแบบนั้นเอาไว้ด้วย” ลูชินนั้นรู้สึกมีความสุขมากที่เห็นว่าเครื่องจักรของบริษัทของเขานั้นมีความสามารถนี้ ซึ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเทคโนโลยีเติบโตขึ้นมันอาจจะมีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะสร้างหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้จริงๆ
“นอกจากเรื่องพวกคำขอบคุณที่เจียงซุนสงมาแล้ว เขายังได้แนะนำฉันให้รู้จักกับเพื่อนของเขาอีกด้วย มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ ” ลูชินได้สังเกตเห็นว่าตรงด้านล่างของข้อความนั้น เจียงซุนได้พูดถึงเพื่อนนักธุรกิจบางคนให้เขารู้จัก และเขายังได้บอกอีกว่าเพื่อนคนนี้ของเขานั้นมีความต้องการร่วมมือกับเขาเต็มที่
” สงเจิงฟาง, ชาย, อายุ 53 ปี, ซีอีโอ คนปัจจุบันของ ประธาน กาเดียร์กรุ๊ป ” ตรงหน้าของลูชินได้ปรากฏ ข้อมูลด้วยคล่าวๆของนักธุรกิจคนนี้
แดงน้อยยังคงแสดงด้านอื่นๆว่า “บริษัทกาเดียร์กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นเป็นเวลาสิบแปดปี โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการสำรวจและพัฒนาทรัพยากรพวกสินแร่ และพวกเขายังคงเป็นหนึ่งใน 500 อันดับแรกขององค์กรในประเทศจีน … ”
“ในปัจจุบัน บริษัท กาเดียร์กรุ๊ป กำลังขยายตลาดแอฟริกาอย่างแข็งขัน และพวกเขามีเหมืองหลายแห่งในแอฟริกาใต้และแอฟริกาตะวันตก … “
จากการพูดคุยครั้งล่าสุดระหว่างเจียวซุนและสงเจิงฟาง ทำให้เขานั้นเกิดสนใจพวกเทคโนโลยีตัวล่าสุดนี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง ดังนั้นสงเจิงฟางจึงได้ขอร้องให้เจียงซุนนั้นเป็นคนกลางติดต่อให้เขาได้รู้จักกับประธานใหญ่ของบริษัทลู่เทคโนโลยรอย่างลูชินโดยตรง
โดยทั่วไปแล้วเรื่องพวกนี้นั้นสำหรับลูชิน เขาจะส่งมันไปให้กับประธานบริษัทแพนแพนแมชชีนรรับผิดชอบโดยตรง แต่คราวนี้เขากับเกิดสนใจที่จะทำความรู้จักกับประธานสงเจิงฟางเป็นการส่วนตัว
ในระบบอุตสาหกรรมของประเทศจีนนั้น เทคโนโลยีถือว่าเป็นจุดแข็งของพวกเขาอยู่เสมอ แต่พวกเขาก็ยังคงมีจุดอ่อนในการหาแหล่งวัตถุดิบสำหรับนำมาใช้ในอุตสาหกรรม
ดังที่ทุกคนจึงรู้ว่าทวีปแอฟริกานั้นเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีวัตถุดับสำหรับใช้ผลิตวัตถุดิบที่สำคัญของโลกเป็นจำนวนมาก และการที่บริษัทของเขาสามารถก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมในก้อนเค้กชิ้นนี้ได้ มันจะเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทานวัตถุดิบของตัวเองขึ้นมาก และนั้นจะทำให้ระบบอุตสาหกรรมในอนาคตอาจของเขาเองไม่ถูกทำลายได้อีกต่อไป
ดังนั้นลูชินและสงเจิงฟางจึงได้ทำการตกลงที่จะนัดเจอกัน
สถานที่นัดพบของทั้งสองนั้นอยู่ที่บริษัทแพนแพนแมชชีน จะเห็นได้ว่าสงเจิงฟางนั้นเป็นคนที่มีผิวคล้ำและริ้วรอยลึกมาก นั้นจึงทำให้เขาดูเป็นคนแก่กว่าวัยที่จะเป็น อายุจริงๆของเขานั้นคือห้าสิบปี แต่ด้วยริ้วรอยจำนวนมากบนใบหน้าของเขา มันทำให้เขาดูเหมือนคนที่มีอายุมากกว่าหกสิบหรือเจ็ดสิบปี อย่างไรก็ตามในแง่ของวิสัยทัศน์และความคิดของเขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ทันทีที่เขามาถึงลูชินก็ได้พาเขาเดินเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดของบริษัททันที และระหว่างการเยี่ยมชนนี้เองตัวของสงเจิงฟางถึงกับพูดชมเชยผลิตภัณฑ์ของเขาตลอดทาง
“ เมื่ออยู่ในประเทศไนจีเรีย พวกเราต่างก็ใช้แรงเป็นจำนวนมากในการขุดเอาพวกสินแร่ต่างๆขึ้นมา และเรายังเจอปัญหามากมายอย่างบริษัทเจียงหนานเจออีกด้วย ดังนั้นที่ผมมาที่นี้ก็เพื่อจะปรึกษาปัญหานี้กับประธานลูโดยตรง ไม่รู้ว่าคุณพอจะมีเครื่องจักรที่สามารถช่วยเราได้ไหม?! “ระหว่างที่สงเจิงฟางพูดแบบนี้ สายตาของเขาก็ได้จ้องมองไปที่แขนกลขนาดใหญ่อย่างไม่ละสายตา
“คุณสง! นี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆของความแข็งแกร่งของเราเท่านั้น ” หัวหน้าที่รับผิดชอบโครงการนี้อย่างเซี่ยวไบถึงกับพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
“พวกเรายังมีความสามารถในการออกแบบและผลิตเครื่องจักรทำเหมืองขนาดใหญ่อีกด้วย ถ้าหากคุณต้องการละก็เพียงส่งคำสั่งซื้อมาให้เราโดยตรง! ผมสามารถรับรองได้เลยว่ามันจะคุ่มค่ากับเงินที่คุณจ่ายมาอย่างแน่นอน!”
“โอ้! แล้วมันจะทรงพลังอย่างออพติมัส อาร์มไหม?”
หลังจากที่พวกเขาได้เดินชมเทคโนโลยีไปแล้ว ลูชินก็ได้เชิญสงเจิงฟางไปที่ห้องประชุมส่วนตัว ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการเดินทางมาครั้งนี้
“ประธานลู! ผมต้องขอพูดเลยว่าคุณนั้นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ดังนั้นผมจะขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน” สงเจิงฟางพูดอย่างเรียบง่ายต่อว่า “ที่จริงแล้วที่ผมมาที่นี้ เพื่อที่จะต้องการสอบถามคุณว่าพวกคุณรับปรับปรุงอุปกรณ์การจำพวกอุปกรณ์ขุดเจาะไหม? “
“ตัวอย่างการปรับปรุงที่ผมพูดถึงนั้นคือ การติดตั้งตัวควบคุมอัจฉริยะเข้าไปยังเครื่องเจาะที่เรามีอยู่โดยตรง หรือการติดตั้งระบบการจัดการอัจฉริยะที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ควอนตัมสำหรับการขนส่งแร่จำนวนมาก… “เห็นได้ชัดว่าสงเจิงฟางนั้นมีวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร หลังจากที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของเจ้าออพติมัส อาร์ม มาแล้ว เขาถึงกับคิดเรื่องที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้กับเครื่องจักรที่เขามีอยู่ทันที!
และเป็นที่รู้กันดีว่าเทคโนโลยีการควบคุมอัจฉริยะและการส่งออกพลังงานขั้นสูงนั้นเป็นเทคโนโลยีหลักของบริษัทแพนแพนแมชชีนโดนตรง ซึ่งนั้นทำให้พวกเขาเป็นเพียงเจ้าเดียวในโลกที่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ของเขาได้!
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณสง! ในเรื่องนั้นผมสามารถรับรองได้เลยว่ามันไม่มีปัญหาแต่อย่างใด! เพราะทางเรานั้นสามารถปรับแต่งเครื่องจักรตามที่ลูกค้าสั่งได้ทั้งหมด”
“ดีเลย! แล้วคุณจะทำมันให้เร็วที่สุดได้ไหม? อ่า! คุณลู! ผมต้องพูดว่าบริษัทของผมนั้นไม่มีปัญหาเรื่องเงินเลย ผมนั้นสามารถจ่ายเงินมัดจำตอนนี้เลยก็ยังได้! แต่ผมต้องการเพียงแค่เครื่องจักรนี้จะต้องเสร็จภายในปีนี้ คุณทำได้ไหม?” สงเจิงฟางพูดออกมา
ลูชินไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่สงเจิงฟางพูด แต่เขายังคงรักษามารยาทเอาไว้ “คุณสง! คุณคงรู้ว่าการออกแบบและผลิตอุปกรณ์เครื่องจักรกลขนาดใหญ่และยังต้องมีการระบบอัจฉริยะเพิ่มอีกนั้น มันเป็นความรับผิดชอบค่อนข้างมากเลยที่เดียว ต่อให้เป็นบริษัทอันดับหนึ่งของโลกเองก็ไม่สามารถรับรองได้ว่ามันจะเสร็จทันเวลา! “
สงเจิงฟางเองก็เป็นขาเก๋าในวงการนี้ เขาจึงรู้ว่าควรจะตอบยังไงเมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้ “ในแง่ของเรื่องเงินทุนนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง! ถ้าคุณไม่มั่นใจ! ผมสามารถชำระเงินทั้งหมดก่อนแล้วค่อยรับสินค้าที่หลังได้! เพราะยังไงผมก็เชื่อในความแข็งแกร่งของบริษัทลู่เทคโนโลยี!”
เขาไม่ได้ถึงบริษัทแพนแพนแมชชีน แต่พดถึงบริษัทลู่เทคโนโลยี เห็นได้ชัดว่าเขาได้ใช้ชื่อเสียงของบริษัทของลูชินเป็นหลักประกัน ลูชินเองก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาได้ฟังว่าสงเจิงฟางจะยินยอมจ่ายเงินทั้งหมดก่อน เพราะถ้าพูดกันจริงๆแล้วบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแบบนี้จะไม่ยินยอมจ่ายเงินเต็มจำนวนก่อนอย่างแน่นอน พวกเขาส่วนใหญ่จะเลือกที่จะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆแทน ซึ่งนี้ทำให้ลูชินรู้ว่าตัวบริษัทของสงเจิงฟางคงจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน