The Black Card - ตอนที่ 362
ตอนที่ 362 – ไททัน เทพแห่งความบ้าคลั่ง
สือเฉียงหัวเราะด้วยความดูถูก “มันเป็นโครงการที่ดี ทำไมฉันถึงจะไม่เอาด้วย? โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขามีซีอีโอที่ไม่รู้อะไรเลยและมีแค่ทักษะเท่านั้น เขาจะมอบหมายการตัดสินใจให้กับฉัน แต่ฉันก็สามารถทำอะไรได้ตามต้องการ ทำไม? นายคิดว่าฉันไม่สามารถจัดการกับมันได้เหรอ?” สือเฉียงเหลียวมองไปทางเจียงหยวนเชา และในที่สุดสือเหล่ยก็เข้าใจแล้ว สือเฉียงไม่ได้ไม่เต็มใจที่จะคบค้าสมาคมกับเขาเพราะเขารู้สึกด้อยกว่า ในความเป็นจริง สือเฉียงไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับญาติของเขาและหูเซียวหัวเลย นี่คือการกระทำหยิ่งหยองที่จะทำให้คนอื่นๆเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นแค่คนที่ไร้ความสามารถ
สือเฉียงมองไปที่สือเหล่ยและพูดอย่างจริงจังว่า “เดิมที ฉันไม่ค่อยชอบนายจริงๆ พูดตามตรงนะ ฉันไม่ค่อยชอบพวกเพื่อนๆของเซียวหัวและหยวนเชาเพราะพวกมันก็เหมือนๆกัน แต่เมื่อเห็นว่านายให้ความสำคัญกับคนอย่างเจิ่นซูมากขนาดนั้น มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่านิสัยใจคอของนายใช้ได้เลย มันเป็นเงินลงทุนแค่ไม่กี่แสนหยวน เซียวหัวกับเจียงหยวนเชาอาจจะไม่สนใจมันด้วยซ้ำ ถ้านายคิดจะรับผิดชอบ ฉันก็เอากับนายด้วย เอาอย่างนี้เป็นไง? ฉันจะกลับไปดูสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทและประเมินผลให้เร็วที่สุด ฉันไม่ได้มีเงินในมือมากมายเท่าไร แต่ถ้าฉันทำ ฉันจะลงทุนด้วยตัวเอง ไม่ต้องกังวลว่าฉันจะไม่ทำ ถ้าตระกูลของเซียวหัวไม่สนใจที่จะลงทุนกับมัน ฉันจะหาคนมาแทนเอง”
สือเหล่ยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังถามออกมา “เงื่อนไขล่ะ?”
“บอกเจิ่นซูให้เริ่มยกแรกด้วยการเติบโตสิบจุดและฉันจะมอบผลการประเมินที่สมเหตุสมผลให้กับเขา จากนั้น เขาสามารถกลายเป็นซีทีโอ (CTO) โดยเขาจะมอบบริษัทให้กับฉันและฉันจะเป็นซีอีโอ”
ซีทีโอ (CTO) คือประธานฝ่าย IT (Chief Technology Officer) ซึ่งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนอย่างเจิ่นซู
สือเหล่ยไม่ได้ลังเลและตัดสินใจในทันที “โอเค ผมจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
ไม่ใช่ว่าสือเหล่ยเชื่อคนง่าย แต่วิธีการที่สือเฉียงตอบโต้กับเจียงหยวนเชานั้นก็มากเกินพอแล้วที่จะบอกว่าเขาคนนี้คือคนที่มีความสามารถจริงๆ กุญแจสำหรับที่เขามีคือเงินทุนของเขาเอง ถ้าเขาไม่มีมัน ทำไมเขาถึงจะต้องเผาเงินเล่นด้วย?
ปัญหาเล็กๆเพียงอย่างเดียวก็คือว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะเข้าสู่ยกแรก
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สือเหล่ยจำเป็นต้องกังวล เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาเจิ่นซู
แม้ว่าเจิ่นซูจะแก้ปัญหาเรื่องเงินทุนไปได้ชั่วคราว แต่เขาก็มีเงินอยู่เพียงแค่ 200,000 หยวน เขาสามารถใช้มันในโครงการขนาดเล็กได้ แต่กับเรื่องนี้มันแทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่เจิ่นซูก็ยังเป็นกังวลอยู่มากจนเขานอนไม่หลับ เขาเริ่มสูบบุหรี่
“คุณสือ…”
“คุณยังไม่นอนอีกเหรอ?” เสียงของสือเหล่ยฟังดูเบาสบายและผ่อนคลาย
เจิ่นซูรีบตอบ “ไม่ครับ พูดตามตรง ผมนอนไม่หลับ บริษัท…”
“นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะพูดพอดี ประการแรก ผมขอโทษนะครับ ผมพบว่าบริษัทคู่แข่งกำลังเล็งเป้ามาที่ผมเนื่องจากความเข้าใจผิดบางอย่าง มันเป็นความผิดของผมที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในเวลานี้เลย ผมกำลังแก้ปัญหาให้กับคุณอยู่ การลงทุนของผมไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือธุรกิจของคุณได้รับผลกระทบจากผม ประกายที่สอง ผมช่วยคุณหาผู้จัดการมืออาชีพที่สามารถช่วยในสถานการณ์ของคุณได้แล้ว ประการที่สาม เขาจะเข้าร่วมด้วยเงินทุนดังนั้นคุณจำเป็นต้องเริ่มยกแรก เขาจะให้การประเมินที่สมเหตุสมผลไม่วันพรุ่งนี้ก็วันมะรืน ถ้าคุณคิดว่ามันเหมาะสม ผมก็ขอแนะนำให้คุณเริ่มยกแรกให้ไวเลย ประการที่สี่ มอบตำแหน่งซีอีโอให้กับเขา คุณจะเป็นซีทีโอและให้เขาจัดการกับบริษัท คิดเรื่องนี้ให้ดี ถ้าโอเค บอกแฟนของคุณให้คำนวณและเตรียมประเมินด้วยตัวเองด้วย จากนั้นให้คำตอบผมในวันพรุ่งนี้”
เจิ่นซูอึ้งไปในทันที เขาไม่คิดว่าสือเหล่ยจะแจ้งข่าวแบบนี้กับเขา
ซีอีโอที่จะมาลงทุนด้วยงั้นเหรอ? นี่มันมากเกินพอที่จะพิสูจน์ความเชื่อมั่นของเขาในโครงการแล้ว
แต่มันก็เป็นเพียงแค่ครึ่งเดือนนับตั้งแรกรอบของนักลงทุน มันจะไม่เร็วเกินไปเหรอที่พวกเขาจะเริ่มยกแรก? แต่ไม่ว่ายังไง มันก็เป็นข่าวดีมาก
“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอที่จะเริ่มยกแรก?” เจิ่นซูพูดติดอ่าง
สือเหล่ยตอบโดยไม่ลังเล “ทนายจางและผมจะมอบเงินส่วนที่เหลือให้กับคุณเลย พวกเรามีเงินรวมกับอยู่ทั้งสิ้น 250,000 หยวน และด้วยเงินของบริษัทที่เหลืออยู่ คุณคิดว่าเราจะอยู่ไปได้นานเท่าไร? ถ้าคุณเพิ่มการโปรโมทและสู้กับคู่แข่งไปแบบนี้ คุณจะทำต่อไปได้นานเท่าไร?”
เจิ่นซูเข้าใจดีว่าเงินที่มีอยู่นั้นแทบจะไม่สามารถทำให้กิจการดำเนินต่อไปได้เลย กลับกัน เมื่อพิจารณาว่ามูลค่าจะลดลงเล็กน้อย มันก็ยังดีกว่าที่จะเริ่มยกแรกทั้งแบบนี้
“ตกลง ผมจะตรวจสอบบัญชีเดี๋ยวนี้เลยและจะตรวจเช็คผลประเมินของบริษัทเรา”
หลังจากพิจารณาข้อดีและข้อเสียแล้ว เจิ่นซูก็ตัดสินใจออกมาอย่างเด็ดขาด ซึ่งหาได้ยากยิ่ง
สือเหล่ยวางสายไปและกลับมาที่ห้องเพื่อพูดคุยกับสือเฉียง “ฝั่งเจิ่นซูไม่มีปัญหาอะไร เขาเห็นด้วย เอาล่ะ คุณสือเฉียง คุณจะบอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณเคยทำอะไรมาก่อน?”
“ซิลิคอนวัลเลย์ ผมเริ่มต้นธุรกิจที่นั่นมา 5 ครั้ง และล้มเหลวทั้งหมด”
สือเหล่ยแทบทรุด ไอ้ฉิบหาย นายมั่นใจอะไรขนาดนั้นหลังจากล้มเหลวมา 5 ครั้ง? นายล้อฉันเล่นป่าวเนี้ย?
อะไรวะเนี้ย นายจะทำได้ไหมเนี้ย? นายเอาความมั่นใจมากขนาดนี้มาจากไหนหลังจากล้มเหลวมา? โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากล้มเหลวมา 5 ครั้ง?
เจียงหยวนเชา เจียงหยวนเชา ฉันจะเชื่อนายได้ป่าวเนี้ย? นายแนะนำคนแบบไหนให้ฉันเนี้ย? เขาล้มเหลวมา 5 ครั้ง แต่เขาพูดเหมือนกับว่าเขาประสบความสำเร็จ! มันไม่ใช่ นี่มันมีแต่จะฉิบหาย!
เจียงหยวนเองก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน เขาสามารถเห็นถึงความหายนะในหัวใจของสือเหล่ยได้และรีบอธิบาย “ถ้าจะให้พูด มันก็ล้มเหลว อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้กำไรมาจากทั้งห้าครั้ง ไม่มีบริษัทไหนที่ล้มเหลวแล้วมีมูลค่าต่ำกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ แต่สำหรับเขา มันคือความล้มเหลวถ้ามันไม่ใหญ่โตเท่ากับเฟสบุ๊ค ลูกพี่ลูกน้องของฉันคนนี้ใจโคตรใหญ่”
สือเหล่ยรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ใจของเขาใหญ่จริงๆ ใหญ่เกินไปแล้ว หากบริษัททั้งห้าแห่งมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐนับว่าล้มเหลว งั้นผู้ประกอบการทุกๆคนในซิลิคอนวัลเลย์คงตายหมด
แต่สือเฉียงก็รีบโต้กลับมา “อย่าเพิ่งไปฟังหยวนเชา เขาไม่เข้าใจอะไร ฉันไม่ได้ได้กำไร การประเมินมูลค่าของทุกบริษัทมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐจริงๆ แต่ฉันได้ลงนามในสัญญาบางอย่าง ถ้ามูลค่าของบริษัทน้อยกว่าสามพันล้านเหรียญสหรัฐภายในหนึ่งปี ฉันจะต้องออกมาโดยไม่ได้อะไรเลย”
เอ่อ…
สือเหล่ยพูดไม่ออกแม้แต่น้อย ชายคนนี้น่าจะบ้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สือเฉียงก็ดูเหมือนจะอ่านใจเขาได้ “พูดออกมาได้ถ้านายคิดว่าฉันบ้า นั่นคือซิลิคอนวัลเลย์ เฉพาะคนโรคจิตเท่านั้นที่จะอยู่รอด แน่นอน รายละเอียดมันค่อนข้างซับซ้อนและฉันไม่สามารถอธิบายให้พวกนายฟังได้ละเอียดเท่าไร แต่ทั้งห้าบริษัทนี้ต่างก็ล้มเหลวสำหรับฉัน ฉันคือใคร? ฉันคือไททัน เทพโบราณที่ยิ่งใหญ่ โครงการนี้นับว่าเป็นโครงการที่ดีและบริษัทก็จะอยู่ในมือของฉัน แค่การมีกำไรให้ได้พันล้านและมูลค่าอีกห้าพันล้าน มันจะยากอะไร?”
โอเค โอเค นายแม่งเจ๋ง นายคือเทพและนายมีเงินให้เผาเล่น ในที่สุดสือเหล่ยก็พูดไม่ออกกับชายคนนี้ที่ดูเหมือนกับคนบ้า
“เหมือนกับบริษัทที่เคยลงทุน ถ้าฉันไม่สามารถเพิ่มมูลค่าของมันไปได้ถึงสามพันล้านหยวน… อืม ขอเล่นเซฟหน่อย สองล้านหยวนละกัน ฉันจะลาออกเลย!”
เอ่อ…
สือเหล่นครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะตอบไปว่า “อย่ากังวลไปเลย นายไม่ต้องออกไปแบบนั้นหรอก อย่างน้อย นายก็จะยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่”
ทั้งสี่คนเดินออกจากร้านมาและหาที่กินมื้อดึกก่อนแยกย้ายกันไป
เมื่อสือเหล่ยกลับมาที่บ้าน พ่อแม่ของเขาก็หลับไปแล้ว เขาเอนตัวลงบนเตียงและรู้สึกว่าโชคดีเกินกว่าที่เขาต้องการกำลังจะเข้ามาหาเขาแล้ว