POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) - ตอนที่ 697 แผนการรับมือแผ่นดินไหว
EP 697 แผนการรับมือแผ่นดินไหว
ในช่วงบ่าย.
สํานักงานเขต
นานๆจะได้ทานข้าวแบบนี้สักทีดงซูบินลงมาจากที่ทํางานของเขาและหยิบบัตรรับประทานอาหารมาด้วยและเดินเข้าไปในโรงอาหาร ตอนนี้เขารู้สึกหิวมากหลังจากไม่ได้ทานอะไรมาตลอดเที่ยง
“ยังพอจะมีอะไรขายอยู่ไหมนะ”ดงซูบินเดินเข้าไปถามที่ร้านขายอาหารด้านล่าง
ดูเหมือนเจ้าของร้านที่อยู่ข้างหน้าเขาจะยุ่งมาก:”เลขาซูบินคุณยังไม่กินข้าวอีกหรือ”
ดงซูบินพยักหน้าตอบรับเขาก่อนจะพูดว่า”พอดีฉันติดธุระเลยลงมาทานอาหารช้าหน่อยเหลืออะไรให้กินบ้างไหม”
“ยังพอมีอยู่ครับ” เจ้าของร้านอาหารตอบเขาก่อนจะพูดต่อว่า:”แต่มันอาจจะเย็นชืดไปแล้วเดียวผมจะอุ่นมันใหม่ให้คุณนะครับรอสักครู่”
ดงซูบินโบกมือ “ไม่ต้องรีบนะ ยังไงก็ขอบคุณนะ”
“ครับ รอสักครู่นะครับ”แม้ว่าจะหมดเวลาทานอาหารไปแล้วก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่และพ่อค้าทุกคนรับทราบดีว่าคนที่มาที่โรงอาหารในเวลานี้ชายที่มีตําแหน่งสูงสุดของสํานักงานเขตแห่งนี้ดังนั้นทางร้านค้าจึงยังดูแลเอาใจใส่ดงซูบินเป็นพิเศษอีกทั้งดงซูบินเองก็เป็นคนที่สุภาพทําให้ทาง
ร้านค้าเองก็มีความสุขเมื่อได้พูดคุยเลขาธิการของสํานักงานและบริการให้กับดงซูบินเป็นพิเศษ
ด้วย ดังนั้นแม้ว่าดงซูบินจะบอกว่าไม่ต้องรีบแต่เจ้าร้านอาหารของโรงอาหารเองก็จะต้องบริการ
ออกมาให้ดีที่สุดก่อนจะรีบไปอุ่นอาหารอย่างรวดเร็วและนํามาเสริฟให้กับดงซูบินเป็นการส่วนตัวตามมุมของหน้าต่าง
ดงซูบินนั่งลงพร้อมกับอาหารของเขา ตอนนี้เขายังคงคิดถึงแผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีบางอย่างติดอยู่ในใจก็ทําให้เขาไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไรนักแน่นอนว่าเพราะดงซูบินเองเป็นคิดมากไปกับทุกเรื่องเขาไม่ชอบให้มีอะไรค้างคาอยู่ในใจแม้ว่าท้องของเขาจะยังหิวอยู่แต่เขาก็ทานข้าวไม่ลงเขาไม่สามารถวางตะเกียบแล้วมองไปรอบๆได้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่นั้งอยู่ในโรงอาหารแห่งนี้และพ่อครัวซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารก็ไปพักผ่อนตามเวลาแล้วดัง
นั้น ดงซูบินจึงแตะโทรศัพท์ทันทีและเปิดไปที่รายชื่อผู้ติดต่อ และไม่รอช้าที่จะโทรหาหยางจ้าวเต๋อตุ๊ดตู้ด.
ดงซูบินก็ตักข้าวทานไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“สวัสดีนั้นดงซูบินหรอ” น้ำเสียงของหยางจ้าวเต๋อฟังดูอบอุ่นและเป็นกันเองมากๆ “ลุงหยางครับคุณยุ่งอยู่หรือเปล่า”ดงซูบินกลืนอาหารเข้าไปในลําคอของเขาและสูดลมหายใจเข้าลึก
“ไม่ยุ่ง ฉันเพิ่งจะทานข้าวเสร็จและนั่งทํางานอยู่”
“คุณลุงพอจะมีเวลาไหม พอดีผมมีบางอย่างอยากจะคุยด้วย
“ได้สิ คร่าวนี้ใครมีปัญหากับคุณล่ะ ซูบิน”
ดงซูบินหัวเราะตอบเหมือนเป็นการปฏิเสธประโยคของหยางจ้าวเต๋อเบาๆ “ไม่ใช่อย่างงั้นครับพอดีว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้น”เสียงขณะที่เขาเคี้ยวอาหารดังขึ้นเล็กน้อยดงซูบินค่อยๆจัดระเบียบภาษาเล็กน้อยและพูดว่า:”มันเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหว”
หยางจ้าวเต๋อตะลึงและพูดว่า: “แผ่นดินไหว ทําไมคุณถึงพูดเรื่องนี้กันล่ะ”
ดงซูบินกล่าวว่า: “พอดีว่า ผมมีเพื่อนส่วนใหญ่ที่ทํางานกับ สํานักงานแผ่นดีไหววิทยานานาชาติผมได้ยินข่าวลือว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปักกิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสูงมากผมยังทราบความเสียหายและผลกระทบ ของแผ่นดินไหวด้วย ผมคิดว่าเราควร
เตรียมตัวล่วงหน้าในเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายผมคิดว่าคุณลุงเองเองในฐานะผู้บริหารระดับสูงจะสามารถพูดถึงเรื่องนี้กับสภาคณะกรรมการ บริหารของเมืองได้ไหมดึงดูดให้ทุกคนมาสนใจเรื่องนี้แล้วหารือกันอย่างไรไม่ให้เกิดแผ่นดินไหวและลดภัยพิบัติวางแผนอย่างครอบคลุม”
เสียงหัวเราะของหยางจ้าวเต๋อดังออกมาจากปลายสาย:“จังหวัดไป๋เหอ เกิดแผ่นไหวอย่างงั้นหรอ?แล้วพยากรณ์แผ่นดินไหวระยะกลางหรือเปล่า?”
ดงซูบินเองไม่เข้าใจว่าทําไมหยางจ้าวเต๋อถึงคิดเช่นนั้นดงซูบินจึงพูดต่อว่า:”มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
“แล้วมันจะเป็นอย่างไรล่ะฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน หากมีการพยากรณ์เช่นนั้นสํานักงานป้องกันการเกิดแผ่นดินไหวเมืองจะรายงานโดยตรงมายังฉันแต่ตอนนี้ไม่มีข่าวอะไรเลย”“อืมการป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย”
“ซูบินฉันจะบอกคุณไว้ก่อนว่าตําแหน่งของฉันนั้นเป็นหัวหน้าศูนย์อํานวยการและป้องกันแผ่นดินไหว?”
“แต่อย่างน้อยคุณลุงน่าจะคุยกับทางคณะกรรมการพรรคของเมืองได้ตราบใดที่มันเป็นเรื่องของเมืองมันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ”
“จะพูดอย่างงั้นก็ถูก”หยางจ้าวเต๋อถึงกับนิ่งไปสักพัก“ไม่มีอะไรต้องปิดบังการพยากรณ์แผ่นดินไหวนั้นรุนแรงในต่างประเทศเราต้องยอมรับว่าแผ่นดินไหวในจีนนั้นไม่เป็นเช่นนั้นส่วนใหญ่
การพยากรณ์จะคาดการณ์ว่าระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวจะอยู่ระดับกลางและระดับล่างปริมาณความเสียหายไม่สูงมากและปัญหาตอนนี้คือคคุณช่วยอธิบายสิ่งที่คุณได้ยินมาให้ชัดเจน
ขึ้นกว่านี้หน่อยสํานักแผ่นดินไหวของประเทศและประเทศไม่เคยตรวจความรุนแรงสูงระดับกลางและยิ่งเป็นที่ปักกิ่งแล้วการเกิดแผ่นดินไหวนั้นอยู่ในระดับความรุนแรงระดับกลางฉันไม่รู้ว่าคุณ
เอาข่าวมาจากไหนแต่ต้องเป็นข้อความที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างแน่นอน”
ดงซูบินรู้สึกหดหู่ขึ้น:”ลุงหยางผมกลัวว่าจะมีคนเสียชีวิตมากกว่า 10,000 คน” “คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไปการเกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงขนาดนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน”
“แต่อย่างน้อยถ้ามีแผนรับมือการเกิดแผ่นดินไหวจริงๆและซักซ้อมไว้ก็ไม่เสียหายอะไรใช่ไหมครับ สิ่งที่ผมพูดถูกหรือไม่?”
“ซูบินเกิดอะไรขึ้นกับคุณวันนี้”
“ผมกังวลว่าเมืองของเรานั้นมีประชากรหนาแน่นในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ”
“ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไร” หยางจ้าวเต๋อเตือนเขา: “โชคดีที่คุณพูดกับฉันวันนี้ ถ้าคุณพูดเรื่องนี้กับคนอื่นๆอาจถูกตําหนิได้ว่าคุณกําลังเผยแพร่ข่าวลือเรื่องแผ่นดินไหวหากมีใครไปฟ้องณอาจจะถูกตัดสินจําคุกได้เลยแต่ไม่ต้องกังวลฉันรับฟังทุกเรื่องของคุณอยู่แล้ว” “ลุงหยาง! ผมอยากให้คุณพูดคุยเรื่องนี้ในที่ประชุมจริงๆ”
“ฉันช่วยคุณเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ถึงแม้จะเป็นคําขอของคุณก็ตามแต่ฉันเองคงทําเช่นนั้นไม่ได้… สําหรับเรื่องแผ่นดินไหว?”
“อย่างงั้นหรอครับ?”
“ฉันก็ยืนยันว่าฉันทําไม่ได้จริงๆ”
เฮ้ ดูเหมือนว่าจะมีคนมาเคาะประตู หยางจ้าวเต๋อพูด: “ดูเหมือนจะมีงานมาแล้ว ฉันต้องของ
ตัวก่อนนะ ดงซูบินคุณอย่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ”
ปลายสายวางโทรสายโทรศัพท์ไปในทันที
ดงซูบินกางมือของเขาและโยนโทรศัพท์มือถือของเขาลงบนโต๊ะ เขาก้มหน้าลงมองที่จานข้าวเขายกศีรษะขึ้นและสัมผัสโทรศัพท์มือถือของเขา เขาโทรหาเสี่ยวหลานทันที –
ปลายสายรับโทรศัพท์ของเขา.
เสียงของเสี่ยวหลานที่อยู่ปลายสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมีความสุขก่อนจะหัวเราะออกมาด้วย“ซูบินว่ายังไง”
“คุณทําอะไรอยู่ พี่เสี่ยว”
“ลองเดาดูสิว่าฉันกําลังทําอะไร”
“ผมเดาเอานะ คุณกําลังดูเอกสารอยู่หรือเปล่า”
“เกือบถูกแล้วฉันกําลังเขียนคําปราศรัยพรุ่งนี้ฉันจะต้องใช้มัน” โทรศัพท์มีเสียงกรอบแกรบเป็นเสียงของกระดาษพลิกไปมา “มีอะไรหรือเปล่าพูดมาเลย”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมีอะไร”
“หนูน้อย คุณไม่เคยปิดปังเรื่องไหนกับฉันได้ น้ำเสียงของคุณมันบ่งบอก พูดมาได้เลยว่ามันคือปัญหาอะไร”
แน่นอนว่าเธอคิดว่าปัญหาส่วนใหญ่ของดงซูบินนั้นก็จะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งภายในงานและฐานภรรยาในอนาคตเธอก็คิดว่าเธออ่านใจเขาออกซึ่งดงซูบินเองก็คิดว่าเธอคงคิดเช่นนั้น
เหมือนกัน “พอดีว่ามีเรื่องเล็กน้อยที่ผมอยากจะบอกคุณมันเกี่ยวกับแผ่นดินไหวรู้ไหมมันไม่ใช่แผ่นดินไหวที่ได้รับการยืนยันจากทางาการแล้วแต่ผมหมายถึงแผ่นดินไหวจริงๆ”
ดูเหมือนเสี่ยวหลานจะยิ้มออกมา“คุณคิดว่าพี่สาวเสี่ยวคนนี้ไม่รู้จักแผ่นดินไหวหรือเปล่า?”ดงซูบินกล่าวว่า:”คุณไม่รู้จักแผ่นดินอย่างงั้นหรอ?”
“เรื่องนั้นฉันรู้ แล้วสิ่งที่คุณต้องการถามคือ”
เสี่ยวหลานพูดต่ออีกเล็กน้อยว่า “อย่าบอกนะว่าจะปล่อยฉันให้เป็นโสดโดยการอ้างเรื่องแผ่นดินไหวฉันไม่ยอมหรอกนะ”แต่ดูเหมือนน้ำเสียงของดงซูบินนั้นจริงจังเขาเข้าสู่หัวข้อ: “ผมได้ยินจากเพื่อนที่ทํางานในสํานักงานป้องกันแผ่นดินไหวของปักกิ่งบอกผมมาว่าอาจมีแผ่นดินไหวครั้ง ใหญ่หลังจากนี้มันไม่เหมือนกับแผ่นดินขนาด 7 ริกเตอร์ที่พึงผ่านมาและมันน่าจะรุนแรงกว่านั้นผมจึงมาบอกคุณไว้ก่อนล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะใช้ในการป้องกันหยานไทมิฉะนั้นอาจจะสายเกินไปที่จะเตรียมรับมือ!”
“นี้คุณไม่ได้เมามาใช่ไหม คุณดื่มอะไรหรือเปล่า?”
“จะดื่มอะไร ผมยังทานข้าวไม่เสร็จเลย!”
“นี้คุณพูดเล่นกับฉันหรือเปล่า แผ่นดินไหวระดับรุนแรงเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ฉันจะน่าจะได้รับข่าวจากเสี่ยวจินมาบาง”
“เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ!”
“นี้คุณไม่ได้เบลอหรือฟังอะไรมาผิดๆใช่ไหม”
“ผมยังมีสติสัมปชัญญะ และเรื่องนี้ผมไม่ได้ล้อเล่น!”
เสียงเสี่ยวหลานเริ่มเปลี่ยนไป “ถึงแม้เรื่องเศรษฐกิจจะสําคัญมากในยุคนี้และงานด้านกร
ป้องกันการแผ่นดินไหวจะถูกลดถอนไปบางแต่การประกาศให้มีการซักซ้อมโดยไม่มีแหล่งที่ไปที่มาชัดเจนมันจะให้เกิดเรื่องวุ่นวายเข้าใขไหม?อีกทั้งคุณอยากให้ฉันมุ่งเน้นไปที่การป้องกัน
แผ่นดินไหวและการลดภัยพิบัติแยกจากกันซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรแบบหลักการแล้วมี
ความหมายมากกว่านั้นในความคิดของฉันไม่จําเป็นสําหรับสิ่งนี้”
“ไม่จําเป็นยังไง? งานป้องกันแผ่นดินไหว คุณจะสามารถต้านทานแผ่นดินไหวขนาด 8 ริกเตอร์ได้จริงๆหรอ”
“มันป้องกันไม่ได้ แต่คุณรู้ได้อย่างไรว่ามันจะรุนแรงขนาดนั้น และมั่นใจได้ยังไงว่ามันจะรุนแรงกว่าระดับ 7 ริกเตอร์?คุณไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนกันแน่”
คุณ”
ดงซูบินเริ่มพูดตะกุกตะกัก “มันคือความจริงสิ่งที่ผมพูดออกไป! และผมยืนยันว่าผมไม่โกหก
“มันไม่ใช่เรื่องโกหกไม่โกหกในฐานะนายกเทศมนตรีฉันไม่สามารถนําทรัพยากรของเมืองไปเดิมพันในเรื่องที่คุณได้ยินมาลอยๆได้ หัวข้อนี้จบลงที่นี่ตกลงไหม?”
“พี่เสี่ยวหลาน!”
“โอ้ ต่อให้คุณเอาแม่ของฉันมาคุยกับฉันตอนนี้ฉันก็ช่วยคุณไม่ได้ ในทันใดนั้นเสี่ยวหลานกว่าววางสายในทันที่,ดูเหมือนดงซูบินจะทําให้เสี่ยวหลานไม่พอใจแล้วนี้ไม่เพียงแต่แธอไม่เชื่อเขา เท่านั้นยังดูเหมือนเธอจะโกรธเขาอีกตั้งหาก!ดงซูบินหายใจเข้าลึกๆและกดโทรศัพท์ไปที่เกิงโยฮวาทันทีอีกฝ่ายรับสาย“มีอะไรหรือเปล่า”
ดงซูบินเริ่มเข้าเรื่องของเขาทันที: “เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานป้องกันแผ่นดินไหวและลดภัยพิบัตินายกเทศมนตรีโยฮวาผมคิดว่าเราควรเตรียมแผนรับมือในการป้องกันแผ่นดินไหวพิเศษในมณฑลนี้ได้หรือไม่เป็นการดีที่สุดที่จะจัดเตรียมการป้องกันไว้ก่อนโดยเรียกประชุมสํานักงานถนนและเขตทุกเขตให้เร็วที่สุดนี้ฉันได้ยินจากเพื่อนของผมจากสํานักงานป้องกันแผ่นดินไหวของปักกิ่ง…”
จะมีใครคิดว่าเกิงโยฮวาจะพูดตรงๆออกมาทันทีและเธอไม่ฟังดงซูบินเลย: “ไม่!”
“โยฮวา! ช่วยฟังผมหน่อย…”
“ฉันไม่มีเวลามาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของคุณ! คุณดื่มมาหรือเปล่าเนี่ย!”
“เปล่า ผมไม่ได้ดื่ม!”
เธอวางสายไปในทันที
ฝ่ามือของดงซูบินไปที่หน้าผากและวางโทรศัพท์ลงดงซูบินดูหมดหนทางแล้วจริงๆหยางจ้าวเต๋อไม่เชื่อเขาเสี่ยวหลานไม่เชื่อเขา
และเกิงโยฮวาก็ไม่เชื่อเขาอีก
แน่นอนต่อให้คุณจะสนิทสนมกับใครเพียงไหนแต่ทุกเรื่องที่ต้องการให้คนเชื่อต้องมีที่ไปที่มาชัดเจนไม่ใช่การพูดลอยโดยไม่มีเหตุผลรองรับ
ดงซูบินเข้าใจพวกเขาดีถ้ามีคนบอกฉันเมื่อวานนี้ว่าพวกเขาจะทํางานป้องกันแผ่นดินไหวที่มีแรงทําลายล้างสูงดงซูบินเองก็คงคิดว่าคนนั้นพวกนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
แต่ตอนนี้ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่กําลังจะมาเร็ว ๆนี้!ผลกระทบได้รับการยืนยันและเป็นความจริงอย่างแน่นอน!แค่เดือนเดียวเท่านั้น!
ดงซูบินไม่มีอารมณ์จะรับประทานอาหารต่อเขาเดินออกจากโรงอาหารและมองดูทิวทัศน์ในระยะไกลดวงตาของเขามีรายละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆคําพูดของเขาเล็กน้อยและเขาเกลี้ยกล่อมหยางจ้าวเต๋อว่างานของพวกเขาจะต้องดําเนินการต่อไปอย่างไรก็ตาม ในสํานักงานเขตกวางหมิงดงซูบินก็ยังจะทําหน้าที่ผู้นําต่อไปแม้ว่าทุกคนจะไม่เชื่อเขา ทุกคนไม่ให้ความร่วมมือดงซูบินก็ต้องทําอะไรบางอย่างด้วยขอบเขตอํานาจของเขาอย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของชีวิตคนธรรมดาในพื้นที่ที่เขาดูแล!
อย่างน้อยก็ช่วยเซฟชีวิตคนในเขตกวางหมิงไปได้!
เริ่มที่สํานักงานเขตกวางหมิงก่อน!เพราะส่วนอื่นๆดงซูบินคงจะไปก้าวก่ายที่อื่นไม่ได้มาก!