(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 7
“สูดอากาศบริสุทธิ์ที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่!”
เมื่อขับรถกลับเข้าสู่ถนนหลัก เจียงซิ่วเหวินหันไปมองเต๋อชูเหอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคันปาก ขณะที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับ ชำเลืองมองคนข้าง ๆ ซ้ำไปซ้ำมา
เต๋อชูเหอสังเกตเห็นสายตาของเขาและวางกระดาษโน้ตที่เขากำไว้ในมือลงบนตักโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาหันศีรษะไปเผชิญหน้ากับเขาด้วยใบหน้าที่ดูของตนพร้อมกับออร่าอันน่ากลัว
“แคก ๆ”
เจียงซิ่วเหวินไอขณะถอดสายตามองกลับไปที่ด้านหน้าและพยายามถามอย่างเป็นกันเองที่สุด
“แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร นายกับเขาดูเหมือนสนิทกัน เขาเป็นเพื่อนใหม่ของนายเหรอ?”
“ไม่ใช่” เต๋อชูเหอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มือของเขาจับกระดาษแน่น เช่นเดียวกับที่เขาคิดจะบอกว่าเขาเป็นเพียงปาปารัสซี่ ตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะแจกความแตกต่างระหว่างความดีกับความเลวได้อย่างไร เขาก็กลืนคำนั้นลงคออย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็พยายามทำตัวสบาย ๆ ให้มากที่สุดและตอบว่า
“เขาเป็นหนึ่งในแฟนคลับของฉัน ครั้งที่แล้วฉันให้ลายเซ็นกับเขาเป็นของขวัญ”
เจียงซิ่วเหวินเหลือบมองไปที่กระดาษในมือของเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ “เพื่อแสดงความขอบคุณต่อไอดอลที่เขาชื่นชอบด้วยการวิ่งหนีนี่นะ” ยังจะบอกเป็นนัยว่าไอดอลของตนเป็นหมาอีก แน่ใจหรือว่าเขาไม่ใช่แอนตี้แฟน
ร่างกายของเต๋อชูเหอแข็งทื่อ เขาหันหน้าหนีแล้วยัดกระดาษใส่กระเป๋า เขาปรับเก้าอี้เพื่อที่จะนอนลงดึงหมวกเบสบอลมาคลุมหน้าแล้วแสร้างทำเป็นหลับว่า
“ฉันเหนื่อยแล้ว ถึงเวลาทานข้าวก็ปลุกฉันด้วย”
“…” ใช้เวลาขับรถจากที่นี่ไปร้านอาหารเพียงห้านาทีเอง ฉันกล้าให้นายลองหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลกว่านี้เพื่อเลี่ยงการสนทนาใหม่ก็ได้นะ!
…………
หลังจากสร้างความรำคาญให้กับดาราดัง เหอไป๋ก็เริ่มต้นเช้าวันจันทร์ด้วยความผ่อนคลายทั้งจิตใจและร่างกาย จากนั้นเขาก็ต้องตะลึงงัน เมื่อเดินไปที่หน้าต่างโรงอาหารเพื่อซื้ออาหารเช้า
ข้ามต้มหนึ่งชาม ขนมปังผักสองชิ้นนะค่ะ ยอดรวมสามหยวน รูดบัตรที่นี่ค่ะ” เสียงป้าโรงอาหารดังมาจากหน้าต่าง
เขาเอามือออกจากช่องว่างในกระเป๋ากล้องเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกมาจากหน้าแถว เขาหยิบมือถือเพื่อโทรหาหวังหู
“เฮ้ เหลาต้า – ฉันอยากให้นายช่วยหน่อย ฉันลืมหยิบเงินค่าอาหารเช้ามา…”
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หนิวจุนเจี๋ยที่เดินออกมาจากเงาที่ทำให้หัวใจตนเองสลาย มองไปที่หวังหูและเฉินจี้ที่เดินอยู่ข้างหน้าเขา เขาพูดด้วยเสี่ยงต่ำ
“เสี่ยวไป๋ เงินพอใช้ใช่ไหม? ฉันเห็นว่านายลาออกจากงานพาร์ทไทม์ที่เคยทำทั้งหมดแล้ว จะหมดเทอมอยู่แล้วด้วย ก็ดีนะที่ตัดสิ้นใจหยุดทำงาน จะได้มีเวลาว่างเตรียมสอบปลายภาค อืม นายไม่ควรทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไปกับเรื่องค่าเทอมของเทอมหน้า แล้วถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่ ๆ ได้เลย พวกเรายินดีช่วยเหลือนายเสมอ”
เหอไป๋มองว่าเขาพยายามระมัดระวังให้มากที่สุดที่พยายามไม่ทำร้ายความภาคภูมิใจของเขาและหัวใจขอเขาก็รู้สึกอบอุ่น เขาอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นและกดชัตเตอร์ลงก่อนจะยิ้ม พร้อมกับเอาแขนโอบไหล่ของพูดว่า
“ฉันยังมีเงินพอใช้น่า ฉันเพิ่งทำบัตรประตัวหายที่ไหนสักที่ เลยใช้มันรูดที่ทะเบียนไม่ได้ เดี๋ยวต้องรีบไปทำบัตรใหม่ ไหน ๆ นายก็เสนอตัวช่วยแล้ว จนกว่าจะได้บัตรใหม่ ช่วยรับผิดชอบค่าอาหารสามมื้อให้ฉันด้วยล่ะ”
ในอดีตเขาเคยอ่อนไหวเรื่องเงิน เขาไม่เต็มใจที่จะใช้ประโยชน์จากเพื่อที่ดีของเขา ซึ่งทำให้หวังหูและคนอื่น ๆ ระมัดระวังมากที่สุดที่จะเป็นไปได้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขามีชีวิตอยู่หลายปีที่รายล้อมไปด้วยมหาสมุทรแห่งเงินทอง และได้เข้าใจแนวคิดที่ว่า
“แม้แต่พี่น้องก็ต้องคืนหนี้” นั้นไม่เป็นความจริงเลยเมื่อต้องเข้ากับคนอื่น ๆ ความตั้งใจดีของเพื่อนที่ดีควรได้รับการยอมรับเมื่อเหมาะสมและเมื่อมีโอกาสที่ดี ในอนาคตคุณจะหาทางตอบแทนสิ่งนั้นได้เสมอ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแบบนี้เป็นวิธีที่สะดวกสบายที่สุดในการอยู่คบหากัน
หนิวจุนเจี๋ยเห็นท่าทีของเขาและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหัวเราะอย่างเต็มที่ทันทีหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋า และยัดใส่มือของเขาด้วยใบหน้าที่พูดว่า “ฉันรวยและฉันมีเงินเยอะ”
เขาตอบว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว นายสามารถใช้การ์ดใบนี้ – อะไรก็ได้ที่นายอยากกิน เอาไปรูดเมื่อไหร่ก็ได้เลย พ่อฉันใส่เงินไว้สองหมื่นหยวนไว้ให้ ฉันใช้มันคนเดียว ใช้ถึงตอนเรียนจบก็ใช้ไม่หมดหรอก”
หวังหูและเฉินจี้ที่เดินอยู่ข้างหน้าพวกเขากำลังฟังการสนทนาของพวกเขา เมื่อมองย้อนกลับไปเห็นใบหน้าที่มีความสุขของหนิวจุนเจี๋ย พวกเขาเข้าใจว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว และถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขามองไปที่อีกคนหนึ่งโดยปริยายและค่อย ๆ เดินตามอีกสองที่เดินตามหลังพวกเขาไป พวกเขาเข้าร่วมการสนทนาและเดินเคียงข้างกันไปที่อาคารเรียน
ในตอนเที่ยงพวกเขาทั้งสี่คนรูดบัตรของหนิวจุนเจี๋ย เพื่อซื้ออาหารจานเล็ก ๆ ที่โรงอาหาร และทานข้าวร่วมกันอย่างมีชีวิตชีวา หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เหอไป๋ก็ไปที่ศูนย์ทำบัตรนักศึกษา และทำบัตรใหม่
โดยไม่มีคนอื่น ๆ อยู่เคียงข้าง ในที่สุดเขาก็มีเวลาที่จะลองนึกย้อนว่าทำบัตรหายที่ไหน หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ ความคิดของเขาก็กระพริบผ่านภาพใบหน้าของเต๋อชูเหอ
เขานึกถึงวันนั้นอย่างคลุมเครือในตรอกเล็ก ๆ เมื่อหัวใจของเขาท่วมท้นด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน เขาหยิบบัตรนักศึกษาออกมาเพื่ออธิบายอย่างจริงจังว่าเขาเป็นใครและยังให้กำลังใจเต๋อชูเหอ ด้วยคำพูดหวาน ๆ ที่ทำให้มึนงง…แล้วอีกฝ่ายก็หยิบบัตรของเขาไปด้วย น่าไม่อายเลยจริง ๆ ให้ตายสิ เป็นดาราดังแบบไหนกันนะ ถึงได้เอาบัตรของนักศึกษาจน ๆ ไป โดยไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?
จากนั้นเขาก็จำได้ว่าอีกฝ่ายทำลายการถ่ายภาพเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังเล่นกับสุนัขด้วย เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องออกมาอย่างโกรธ ๆ แล้วพลิกดูภาพของเมื่อวาน เขาเริ่มคลิกลบ ลบ-…เหรอ? ดูเหมือนว่ามือของผู้ชายคนี้กำลังถืออะไรบางอย่างอยู่…
เขามองไปที่หน้าจอกล้องอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ขยายภาพจากนั้นก็เห็นว่ามือที่เรียวและดูดีของเต๋อชูเหอ ดูเหมือนจะถือวัตถุที่มีรูปร่างคล้าย ๆ การ์ดอยู่ ดูจากสีและขนาดมันดูคลุมเครือราวกับว่า…มันคือบัตรประจำตัวของเขา…
นั่นหรือว่า เมื่อวานที่เต๋อชูเหอเรียกเขาไว้ เพื่อที่จะคืนบัตรประจำตัวให้กับเขาใช่หรือไม่?
…………..
เขาวางกล้องลงและเงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ยามบ่ายที่สดใสอย่างรู้สึกผิด
ลืมมันซะเถอะ เพียงแค่รับว่าทั้งสองได้ชดใช้ความคับข้องใจของกันและกัน ขอเพียงให้ชะตากรรมของเขาและเต๋อชูเหอจบลงด้วยการทำบัตรประจำตัวหายและรับกระดาษโน้ตที่มีรูปวาดของสุนัข
หลังจากเรียนคาบจบคาบเรียน เขาไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
อันดับแรกเขาต้องส่งรูปภาพที่แก้ไขเมื่อวาน (รูปของเต๋อชูเหอ ที่เขาทำให้ที่ทำงานเมื่อวาน) พร้อมกับชุดรูปภาพบุคคลไปยังกล่องข้อความจดหมายของ ซวีอิ๋นหลง จากนั้นเขาดาวน์โหลดรูปภาพที่ต้องการแก้ไขภายในสิ้นสัปดาห์นี้จากอีเมลงานที่รับมาจาก Saint Elephant และเริ่มต้นทำงาน
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาชั้นเรียนช่วงบ่ายของเขากำลังจะเริ่มขึ้น เขาเหยียดแขนออกและโทรหาหวังหูให้ช่วยนำหนังสือเรียนมาให้ จากนั้นเขาอัปโหลดรูปภาพที่แก้ไขแล้วลงในอีเมล ปิดคอมพิวเตอร์ ชำระเงินแล้วจากไป
หลังจากที่เขาจากไป เด็กหนุ่มผมยาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็ถอดหูฟัง ปิดเกมบนหน้าจอเดินไปที่ฟอรัมของมหาวิทยาลัยและตื่นเต้นด้วยนิ้วของเขาที่พิมพ์อย่างรวดเร็ว เพื่อทำการโพสต์ข้อความลงในกระทู้
– อากาศที่ร้านอินเทอร์เน็ตดีสุด ๆ ไปเลย นักศึกษาน่าตาดีเข้ามานั่งทำงานที่ร้านอินเทอร์เน็ตด้วยล่ะ!
…….
ณ อพาร์ตเมนต์สุดหรูบางแห่ง
เต๋อชูเหอเพิ่งกลับบ้าน เขาเปิดคอมพิวเตอร์ นิ้วของเขาคลิกเพื่อเปิดหน้าเว็บมหาวิทยาลัย Q โดยอัตโนมัติ และไปที่หน้าสำหรับซื้อและขายสินค้า
ตรวจเช็คความคืบหน้าของธุรกรรมที่เขาได้ประมูลไว้
ความคืบหน้าของธุรกรรม : ผู้ขายไม่ตอบสนอง
สีหน้าของเขาขุ่นมัว เขากระดาษโน้ตสีชมพูออกมา ถ่ายรูป เลือกตัวเลือกสำหรับขายสินค้าราคาสิบหยวน จากนั้นคลิกอัปโหลดขึ้นไป… การดำเนินการ – ขัดข้องและรายการของคุณไม่สามารถอัปโหลดได้
ปาปารัสซี่ตัวน้อยช่างน่ารำคาญเสียจริง!
เขาปิดหน้าจอด้วยความโกรธที่บอกว่ารายการของเขาอัปโหลดไม่สำเร็จ พับกระดาษโน้ตวางกลับเข้าไปในสมุดบันทึกของเขา ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะหยิบมันออกมาอีกครั้ง ยัดมันลงในกระเป๋าสตางค์แล้วกัดฟัน เขาครุ่นคิดอย่างหดหู่ว่าเหอไป๋บอกว่าสิ่งนี้จะช่วยเขาป้องกันภัยพิบัติได้อย่างไร หากทำไม่ได้ เขาจะค้นหาเขาไปทั่วทุกซอกทุกมุมของมหาวิทยาลัย จนกว่าจะพบและทำให้ปาปารัสซี่ตัวน้อยคนนั้น ขอโทษที่หลอกลวงเขาเมื่อวาน ยอมรับว่าเขาเข้าใจผิด นวดไหล่และขา แล้วกลายมาเป็นน้องชายเขาซะ!
หลังจากสั่งให้ปาปารัสซี่ตัวน้อยอยู่ในหัวของเขาสักพักในที่สุดเขาก็อารมณ์ดี เขาจับเมาส์ด้วยสีหน้าอ่อนโยนและใจดี รีเฟรชฟอรัมแบบสบาย ๆ จากนั้นก็เห็นว่ามีโพสต์ใหม่ ปรากฏขึ้นที่หน้าแรก
“ฮะ? นักศึกษาน่ารัก?” พวกเขาจะน่ารักเหมือนปาปารัสซี่ตัวน้อยของเขาหรือไม่?
เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ และคลิกเปิดโพสต์ด้วยความภาคภูมิใจที่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ มองดูเนื้อหาของโพสต์ จากนั้นใช้เมาส์เลื่อนลงอย่างไม่ระมัดระวัง
เขาเห็นรูปภาพที่ติดอยู่ด้านล่างโพสต์ พื้นหลังเป็นร้านอินเทอร์เน็ตและเห็นภาพที่ถูกแอบถ่าย เป็นรูปภาพเด็กผู้ชายตัวผอมเล็กน้อย สวมเสื้อลายตารางหมากรุกนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาสีดำ เขามีเมาส์อยู่ในมือข้างเดียว ท่าทางของเขาดีมาก และบนหน้าจอตรงหน้าเขาเป็นซอฟต์แวร์แก้ไขภาพที่ซับซ้อนเปิดอยู่กับรูปถ่ายที่ขยายใหญ่ขึ้น สำหรับโฆษณาที่ได้รับการแก้ไขครึ่งหนึ่ง
คนนี้คือปาปารัสซี่ตัวน้อยหรือเปล่า
เขานั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัวและจ้องไปที่ใบหน้าที่เบลออย่างระมัดระวังของบุคคลในรูปถ่าย การจ้องมองของเขาร้อนแรงมากจนสามารถเผาผ่านหน้าจอได้และดูเหมือนว่าจะสามารถมองผ่านภาพโมเสคเพื่อดูใบหน้าที่ดูดีมาก เป็นใบหน้าที่น่ารำคาญและลักยิ้มเล็ก ๆ ที่เพิ่งถูกขอให้สะกิดก็ปรากฏขึ้น ทางด้านซ้ายของใบหน้าเมื่อเขาแสร้งยิ้ม
“อยู่ในสถานที่รก ๆ อย่างร้านอินเทอร์เน็ต…เขาสมควรโดยแอบถ่ายแล้ว” เขาตะคอกอย่างเย็นชาและอดไม่ได้ที่จะใช้เมาส์เลื่อนกลับขึ้นไปเพื่ออ่านเนื้อหาหลักของโพสต์อีกครั้ง คราวนี้เขาอ่านโดยละเอียด หลังจากอ่านจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะคลิกขวาที่รูปภาพแล้วดาวน์โหลดเก็บไว้
จากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกอารมณ์เสียอีกครั้ง
เมื่อปาปารัสซี่ตัวน้อยต้องทำการบ้านของเขาที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เป็นเพราะเขาไม่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเองใช่ไหม ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวดีแบบเรียบ ๆ และเขาก็ไปหางานพาร์ทไทม์เมื่อวาน…จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนเจ็บหัวใจ
เขาคลายการจับเมาส์และจับจ้องไปที่รูปถ่ายสองรูปที่ถูกแอบถ่ายเป็นเวลาสองสามวินาที ยิ่งเขามองไปที่กระเบื้องโมเสคเหล่านั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเจ็บตา เขาละสายตาไปจากพวกมัน และสังเกตเห็นบางอย่างบนหน้าจอตรงหน้า””เขาขมวดคิ้วและขยายภาพถ่ายเล็กน้อย ตรงกลางของซอฟต์แวร์ตัดต่อที่มุมของภาพโฆษณาครึ่งภาพมีคำว่า Saint Elephant Photography
เขานึกถึงสตูดิโอที่อยู่ตรงข้างกับ Red Guest Photography ทันที และนึกถึงเรื่องที่ปาปารัสซี่ตัวน้อยบอกว่าเขาไปหางานพาร์ทไทม์เมื่อวานนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่กว่านั้น เขาหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาเพื่อโทรหาเจียงซิ่วเหวิน
เจียงซิ่วเหวินกำลังขับรถ เมื่อเขาเห็นเต๋อชูเหอโทรเข้ามา สายตาของเขาก็หันกลับมาและแสร้งทำเป็นถามเจียงกวานซาน ที่กำลังนั่งพลิกสคริปต์ละครอยู่
“เฮ้พ่อ มีคนโทรหาผม ผมขับรถอะ พ่อรับแทนผมทีได้ไหม?”
เจียงกวานซานถูกเรียกตัวกลับจากความคิดของเขา ที่มองไปที่สคริปต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จ้องมองไปที่เจียงซิ่วเหวิน เมื่อเห็นชื่อผู้โทรเข้าบนหน้าจอมือถือ จากนั้นเขาก็กดรับสายและเปิดสปีกเกอร์โฟน เพื่อให้ลูกชายเขาไม่มีโอกาสได้เปิดโอกาสให้กับเพื่อนของเขา
คิ้วของเจียงซิ่วเหวินขมวดเขาหากันเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้
“นายนี่มันเป็นขยะไร้ประโยชน์ซะจริง” หลังจากเชื่อมต่อโทรศัพท์แล้วเสียงเต๋อชูเหอดังออกจากอีกด้านหนึ่งทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตอบกลับเขาพูดต่อว่า “แค่หาพนักงานพาร์ตไทม์ฝีมือดีก็ไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยที่คู่แข่งของนายได้งานจากสถานีโทรทัศน์แทนนาย”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด โทรศัพท์ถูกวางสายจากอีกด้านหนึ่ง
พ่อและลูกตระกูลเจียงไม่พูดอะไร “…”
“ชูเหอ เขา…” เจียงกวานซานเริ่มพูดก่อน ด้วยทีทาที่ค่อนข้างซับซ้อน “ต่อหน้าเพื่อเขาเป็นแบบนี้เหรอ ไม่ยับยั้งหรือควบคุมอะไรเลย?”
เจียงซิ่วเหวินจำได้ว่าเพื่อสนิทของเขามักจะดูแลหน้ากากที่อ่อนโยและเป็นมิตรต่อหน้าผู้อาวุโสของเขาได้อย่างไร เขารู้สึกกระอักกระอ่วนและพยายามแก้ตัวให้เขา “เขาแค่เป็นห่วงผม ผมพูดถึงเรื่องที่สตูดิโอถ่ายภาพกับเขาก่อนหน้านี้ เขาก็ค่อนข้างจะเป็นห่วงผม อย่างที่พ่อรู้ว่าเขาเป็นคนใจอ่อน เมื่อเพื่อนลำบากก็มักจะกังวลแบบนี้แหละ”
“จริง ๆ เหรอ” เจียงกวานซานถูขอบของสคริปต์และพูดด้วยท่าทางเฉยเมย
“ฉันสามารถรู้ได้จากวิธีที่เขาพูด นายรู้ว่าเขาคงเป็นกังวลทมากจริง ๆ”
เจียงซิ่วเหวินถอนหายใจอย่างโล่งอกและยังคงพยายามอธิบายสถานการณ์ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “ฮะ เขาเป็นคนดีมาก เขามักจะกังวลเกี่ยวกับ…”
“แล้วคู่แข่งของนายที่แย่งงานจากสถานีโทรทัศน์นั่นคืออะไร” เจียงกวานซานมองเขาจากด้านข้างด้วยสายตาที่ลุกโชนเหมือนคบเพลิง “ใครเป็นคนบอกฉัน ว่าเรื่องสตูดิโอถ่ายภายกำลังไปได้สวย? ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นและจะมีกำไรเร็ว ๆ นี้กัน?”
“…”
“ปิดสตูดิโอซะ กลับบ้านและเรียนรู้วิธีกำกับละครกับฉัน”
“เขาก็แค่เป็นคนแบบนั้น แต่ที่เขาเป็นห่วงผมก็เป็นเรื่องจริงฮะ” เจียงซิ่วเหวินละทิ้งความซื่อสัตย์ทางศีลธรรมในทันทีและไว้อาลัยให้กับเพื่อนสนิทภายในใจ “พ่อฟังผมก่อน จริง ๆ แล้ว เต๋อชูเหอ เขา…”
……
ก่อนนอนเหอไป๋เปิดเว็บมหาวิทยาลัย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าเกี่ยวกับการขอทำบัตรประจำตัวนักศึกษาใบใหม่ ทำให้เขาได้รับแจ้งเตือนการทำธุรกรรมเป็นจำนวนหลายฉบับ หลังจากตกตะลึงไปเพียงครู่ เขาก็จำได้ว่าเขาได้ประกาศขายลายเซ็นของเต๋อชูเหอ
ตอนนั้นเขาตั้งราคาเริ่มต้นไว้เท่าไหร่กันนะ 5หยวน หรือว่า 10หยวน?