(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 37
เต๋อชูเหอยิ้มอ่อนโยนให้เหอไป่ และจ้องมองเขาโดยมีมือค้ำอยู่ที่คาง สายตาของเต๋อชูเหอเห็นได้ว่าเขาเป็นคนขี้อาย แต่ก็มีเสน่ห์เช่นกัน
เหอไป่คิดว่าเขาจำเป็นต้องกระโดดลงไปในน้ำอีกครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์
หลังอาหาร ฟ้าก็มืดแล้ว หนิวจุนเจี๋ยเมา ฟุบหลับลงบนโต๊ะ ในทางกลับกันเต๋อชูเหอมีอาการเมาและเวียนหัวเพียงเล็กน้อย เหอไป่พยายามห้ามไม่ให้พวกเขาดื่มมากเกินไป แต่ก็ล้มเหลว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงโกรธอยู่เล็กน้อย
เขาเรียกให้คนรับใช้อุ้มหนิวจุนเจี๋ยเข้าบ้าน และกอดอดมองดูเต๋อชูเหอลุกขึ้นจากเก้าอี้ อย่างโคลงเคลงจากนั้นก็ล้มลงบนพื้น
“….”
“ลูกหมาน้อยของฉัน…” ผู้ชายขี้เมาที่กองอยู่บนพื้นขยับตัวเล็กน้อยแล้วเหยียดมือออก
“ไป่ ขอบโทษนะ…ฉันรักคุณ…”
เหอไป่รู้สึกงุนงงและดึงเขาขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ขุ่นมัว พร้อมกับตบหน้าผากตัวเอง
“ฉันคงเป็นหนี้บุญคุณเขามาตั้งแต่ชาติก่อน คุณอยู่ไหนก็มักจะเป็นโชคร้ายของฉันตลอด คุณจะวุ่นวายกับความตายไม่ช้าก็เร็ว!”
เต๋อชูเหอพูดบางอย่างที่คลุมเครือโดยที่ร่างกายของเขายึดติดกับเหอไป่อย่างอ่อนปวกเปียก ถูกเข้ากับใบหน้าของเขา
เหอไปผลักเขาออกไปด้วยความไม่ชอบ เมื่อลุงหูมา เหอไป่กวักมือเรียกให้เขาเข้าไปช่วย
เพียงแค่กด ประตูห้องก็ปิดลง
เต๋อชูเหอซึ่งดูเหมือนเมาและเพ้อเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมาตื่นขึ้นมาอย่างมีสติในตอนนี้ เขามองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ แล้วเอามือปิดตา หลังจากถอนหายใจยาว เขาก็เอาผ้านวมมาพันรอบตัวเองอย่างไม่พอใจ
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เหอไป่ก็ออกไปทำงานแล้ว หนิวจุนเจี๋ยเชิญให้เขาอยู่ต่อ แต่เขาปฏิเสธอย่างสุภาพและกลับบ้าน หลังจากอาบน้ำเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและเรียกผู้ช่วยหวังมารับ ไปส่งที่ Red Guest Studio
เจียงซิ่วเหวินขมวดคิ้วมองเพื่อนที่เหมือนศพของเขา ที่นอนอยู่บนโซฟาถามอย่างบ้าคลั่งว่า
“นายบอกฉันว่าทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่ทำไมนายมานอนบนโซฟาของฉันเหมือนศพอยู่แบบนี้?”
เต๋อชูเหอหันกลับมาและดูเขาถามดูเขา ถามด้วยเสียงที่อ่อนแอ “ซิ่วเหวิน…ฉันเป็นคนง่อยจริง ๆ เหรอ?”
“ในที่สุด นายก็รู้ว่าตัวเองน่ารำคาญและเป็นตัวยุ่งแล้วสินะ?” เจียงซิ่วเหวินตอบด้วยใบหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็มองเขาอย่างอ่อนโยนพยักหน้า “จริงอยู่ ที่นายมีนิสัยแย่มาก แต่เมื่อนายรู้ตัว ก็ยังดี ไม่ต้องกังวล กินยาของนายซะ แล้วนายจะมีโอกาสหายเป็นปกติ”
เต๋อชูเหอคร่ำครวญในเพลงเศร้า และหันหลังให้เขา
เป็นเรื่องแปลกที่เขาไม่ควรปฏิเสธเจียงซิ่วเหวินจึงกระทุ้งใส่เขาและถามว่า
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ? ดูเหมือนนายจะอารมณ์ไม่ดีนะ.. แม่เลี้ยงของนายทำให้นายมีปัญหาอีกแล้วเหรอ?”
“เปล่า” เต๋อชูเหอจับมือและฝังตัวเองลงกับหมอน “รอแปบนะ”
“อะไร”
“นายจะเห็นเอง” เต๋อชูเหอยกมือขึ้นและชี้ไปที่นอกหน้าต่าง
“วันนี้ Saint Elephant Studio จะมีเสียงดังพอสมควร เพราะคุณเจี๋ย จะมาหาพวกเขาล่ะ”
เจียงซิ่วเหวินรู้สึกสับสนในตอนแรก แต่แล้วเขาก็ตื่นเต้นมาก
“เผชิญหน้า?” ไม่น่าแปลกใจที่เขาดูจะตื่นเต้นมาก ในฐานะคู่แข่งที่ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
Saint Elephant ถึงวันโชคร้าย เขาก็ต้องมีความสุขมากขึ้นสิ
ในตอนบ่ายรถ SUV สองคันจอดอยู่ที่ทางเข้าของ Saint Elephant เมื่อประตูรถเปิดออก ชายสูงอายุและชายวัยกลางคนห้าหรือหกคนก็ลงจากรถ
“เขามาแล้ว ลูกชายทั้งสองคน แล้วก็ลูกเขย กับพนักงานก็มาด้วย กองทัพทหารของเขาเลยน่ะนั่น”
เจียงซิ่วเหวินมองผ่านหน้าต่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น “Saint Elephant ทำให้เขาขุ่นเคืองได้อย่างไรกัน? คุณเจี๋ยขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่อารมณ์ดี”
“เขาก็คงปกป้องลูก ๆ ของเขาด้วยล่ะมั้ง” เต๋อชูเหอลุกขึ้นพิงแขนกับโซฟาและมองออกไปข้างนอก
“พวกขาสมควรได้รับมันแล้ว Saint Elephant น่าจะปล่อยให้ช่างภาพมือสมัครเล่นไปถ่ายรูปงานวันเกิดของหลานสาวของเขาน่ะสิ งานวันเกิดจะมีขึ้นในวันมะรืนนี้ คุณเจี๋ยจะไม่โกรธได้ยังไง หลังจากเห็นรูปถ่ายที่น่าเกลียดแบบนั้น” เจียงซิวเหวินหัวเราะอย่างไม่มีมารยาท
“นั่นมันบ้ามาก คุณเจี๋ยทุ่มเททั้งชีวิตให้กับภาพถ่าย ใครจะมีความพิเศไปกว่าเขาเกี่ยวกับรูปถ่ายอีกเหรอ? Saint Elephant น่าจะยุ่งกับแน่ ที่ไปทำกับหลานสาวของเขาแบบนี้”
“ใช่ไหมล่ะ?” เต๋อชูเหอตอบอย่างไร้อารมณ์พร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและล้วงเหรียญ เขาเห็นผู้จัดการของ Saint Elephant รีบพาคุณเจี๋ยและคนอื่น ๆ เข้าไปข้างในพร้อมกับยืนยันว่า “หัวหน้าของ Saint Elephant เป็นคนที่มองการณ์ไม่ไกลพอและชอบ ‘งานของเด็กผู้ชาย’ เขาจะทำมันพังไม่ช้าก็เร็ว”
เจียงซิวเหวินรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ “แต่ฉันจำได้ว่า Saint Elephant ได้ว่าจ้างผู้จัดการที่มีความรับผิดชอบมาก เธอจะปล่อยให้เจ้านายทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านี้ได้เหรอ?”
“ผู้จัดการคนนั้นถูกพักงานไปแล้วล่ะ” ก่อนที่เขาจะกลับมา เต่อชูเหอได้คิดเรื่องนี้แล้ว
เมื่อเจียงซิ่วเหวินถาม เขาก็บอกไปว่า “ผู้จัดการคนนั้นตั้งใจจะให้คุณเจี๋ยทราบว่าช่างภาพหนุ่มคนนั้นได้ตัดสินใจลาออกไปแล้ว แต่ทาง Saint Elephant บังคับให้เธอปิดปาก ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไล่เธอออก โดยไม่ต้องใช้วิธีอื่นใด เธอพยายามประนีประนอมและแนะนำให้พวกเขาส่ง หม่าซิงตงไปถ่ายภาพ แต่สุดท้ายเจ้านายของเธอก็เชื่อคำพูดใส่ร้ายของหม่าซิงตง และอนุญาตให้เขาส่งหลานชาย ซึ่งเป็นมือสมัครเล่นที่ไม่มีประสบการณ์ไปทำงานแทนน่ะสิ”
“เขาอาจคิดว่าการถ่ายรูปวันเกิดเป็นงานง่าย ๆ มือสมัครเล่นก็สามารถจัดการได้ดีงั้นเหรอ? หรือพวกเขาสามารถใช้วิธีรีทัชรูปได้งั้นเหรอ?” เพราะพวกเขาอยู่ในวงการเดียวกัน เจียงซิ่วเหวินเดาความคิดของเจ้านาย Saint Elephant ได้ สิ่งนี้สามารถใช้ได้กับลูกค้าทั่วไป สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเป็นเพียงการร้องเรียน แต่กับคุณเจี๋ยแล้ว มันเป็นเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง ในฐานะช่างภาพมืออาชีพเขาจะต้องถ่ายภาพด้วยตนเอง
“พวกเขาไม่สามารถตำหนิใครสำหรับความผิดพลาดที่โง่เขลาของตัวเองได้”
เจียงซิ่วเหวินส่ายหน้าและหันไปหาเพื่อนของเขา
“แล้วนายรู้เรื่องเหล่านี้ได้ยังไง? แล้วทำไมก่อนหน้านี้ ไม่บอกฉันด้วยล่ะ”
“นายถามฉันงั้นเหรอ?”เต๋อชูเหอหันกลับไปและมองไปที่เขา พูดด้วยเสียงต่ำ
“นายจำคืนที่นายวางสายฉันได้ไหมล่ะ นายบอกฉันว่า เราจบกันไม่ใช่เหรอ?”
“…”
“ฉันต้องไปแล้ว”
เจียงซิ่วเหวินหยุดเขา “จะไปไหน”
“รับการสะกดจิต”
“อะไรนะ?”
เต๋อชูเหอโบกมือและหยิบกระเป๋าของเขาแล้วจากไป
เจียงซิ่วเหวินขมวดคิ้ว
“เขากลายเป็นคนลึกลับมากขึ้นในช่วงที่เราไม่ได้พบกัน…”
แต่ใครคือช่างภาพหนุ่มที่คุณเจี๋ยตั้งตารอ ช่างภาพหนุ่มที่ลาออกจาก Saint Elephant …เดี๋ยวนะ? หนุ่มน้อยเหรอ? เพิ่งลาออก? นั่นหมายถึงเหอไป่เหรอ? แฟนคลับที่คลั่งไคล้เต๋อชูเหอเหรอ?
เขาหันไปที่หน้าต่างอย่างกะทันหัน โดยใช้มือเกาหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นเต๋อชูเหอจึงตรวจสอบทั้งหมดนี้ เพื่อล้างแค้นให้กับแฟนคลับคนนั้นเหรอ? นั่นมันมากเกินไปสำหรับเขา มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในใจของเขาหรือไม่นะ?
โทรศัพท์ของเต๋อชูเหอปิดไว้อีกครั้ง เหอไป่วางโทรศัพท์ราคาถูกที่ซื้อมาตอนนี้ สมัครบัตรโทรศัพท์อีกเครื่อง หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว เขาก็บอกลาหนิวจุนเจี๋ย เมื่อเขากลับมาที่หอพัก ก็รู้ว่าเหตุการณ์สุดหลอนไม่ใช่เรื่องจริง ทำให้ตอนนี้เขาไม่กลัวแล้ว
หลี่รู่โทรหาเขาในวันรุ่งขึ้น
“เหอ ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับคุณ” หลี่รู่พูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้าและแหบแห้ง
“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษคุณ วันที่คุณลาออก มีลูกค้าคนหนึ่ง บอกตาง ๆ ว่าเขาต้องการจองตัวช่างภาพหนุ่มที่ถ่ายงานครบรอบของสถานีโทรทัศน์เมือง B เพื่อรับงานลูกค้ารายนั้นผู้ที่มีอิทธิพลดังนั้น เจ้านายจึงต้องการใช้โอกาสนี้โปรโมตช่างภาพหน้าใหม่ เขาจึงเลือกคนอื่นมาแทนคุณ โดยไม่ได้แจ้งให้คุณทราบ”
เหอไป่ตกตะลึง ลูกค้าที่มองหาเขา? คนที่เต๋อชูเหอเคยบอกไว้?
“ชายมีอายุที่ต้องการให้ไปถ่ายภาพงานวันเกิดหลานสาวหรือเปล่าฮะ” เขาถามอย่างรีบบร้อน ทำให้หลี่รู่ประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณรู้ได้อย่างไร? ไม่สิ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็แค่…อย่างไรก็ตาม สตูดิโอควรขอโทษคุณ”
เหอไป่ขมวดคิ้วถามอย่างตรงไปตรงมา “ผมรู้สึกว่างานถ่ายภาพของทางสตูดิโอกับผู้อาวุโสคนนั้นมีอะไรผิดพลาดใช่ไหมฮะ ผมจะช่วยทำอะไรให้คุณได้บ้างครับ”
“อืมใช่แล้วล่ะ หม่าชุนเข้าไปรับงานในครั้งนี้ และหม่าซิงตงเป็นผู้ดูแลเขา ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด ยังไงก็ตามภาพถ่ายเหล่านั้น… หลังจากได้รับการรีทัชภาพเหล่านี้ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั่วไปของ Saint Elephant แหละ แต่ลูกค้าเองก็เป็นช่างภาพมืออาชีพ ค่อนข้างไวต่อการรีทัชดังนั้น…” หลี่รู่เองก็คิดว่าคำพูดของเธอไม่สามารถป้องกันได้ ดังนั้นเธอลดเสียงต่ำลงเรื่อย ๆ
“ตอนนี้ Saint Elephant หวังว่าคุณจะช่วยเป็นตัวแทนของสตูดิโอ เพื่อขอโทษลูกค้ารายนั้น และถ่ายรูปอีกชุดเพื่อเป็นการชดเชย สตูดิโอขอจ่ายเงินให้คุณ 5 เท่าของราคาเดิม”
ใบหน้าของเหอไป่ขุ่นมัว “เหนือสิ่งอื่นใดฉันไม่สนใจเรื่องนี้” ‘5 เท่าของราคาเดิม’ ฉันจะพยายามติดต่อชายผู้นั้น
และชดเชยด้วยรูปถ่ายอีกชุดที่ไม่ใช่ในนามของ Saint Elephant แต่เป็นตัวฉันเอง โอกาสนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเพื่อนของฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่อยากทให้เขาผิดหวังและปล่อยให้เขาถูกชายอาวุโสผู้นั้นตำหนิเอา ในที่สุดฉันเข้าใจแล้วว่า ที่ Saint Elephant ส่งคุณมาเจรจากับฉัน พวกเขาคิดว่านี่จะถือเป็นบุญคุณ ฉันจะช่วยพวกเขา และดูแลจัดการกับเรื่องยุ่งเหยิงเหล่านี้ แต่ฉันสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่าฉันจะไม่ทำ นอกจากนี้ฉันจะออกแถลงการณ์ทางอินเตอร์เน็ตเพื่อชี้แจงความจริงที่ว่าฉันลาออกจาก Saint Elephant แล้ว ฉันไม่อนุญาตให้ Saint Elephant ใช้ความนิยมที่ฉันได้รับมาจากความโชคดีของฉันเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาอีกต่อไป
Saint Elephant ตัดโอกาสของฉัน แต่ตอนนี้ต้องการให้ฉันจัดการกับผลประโยชน์ของพวกเขา นี่เป็นข้อตกลงที่ไม่เท่าเทียมกันอย่างแน่นอน