(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 30
“ไม่เลยครับ ผมเข้าใจดี เธอมีพี่ชายที่คอยดูแล ดังนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเธอทั้งหมด” เหอไป่รู้สึกอ่ายเล็กน้อย หลังจากวางหน้าตาเรียบร้อย เขาก็ใช้เวลาพอสมควรในการจัดระเบียบสิ่งที่เขาจะพูดต่อไป เขาพูดคุยกับเจียงซิ่วเหวิน ในแต่ละประเด็น โดยมุ่งเน้นไปที่แผนการของผู้ซื้อที่คิดจะหนีออกจากบ้าน
เจียงซิ่วเหวินตกใจมากขึ้น เขาสาปแช่งเต๋อชูเหอ เพียงเท่านั้นยังไม่พอ เจียงซิ่วเหวินต้องการจะฆ่าเขาด้วย! เขาพล่ามอะไรกับคนอื่น? ขอบคุณพระเจ้า ถ้าเขาไม่ได้ถามล่วงหน้าเสียก่อน เรื่องที่โกหกคงจะถูกเปิดโปงไปแล้ว!
“ผมรู้เกี่ยวกับแผนของเธอที่คิดจะหนี” เขาถอนหายใจและส่ายหน้า ตอนนี้เขาเริ่มดีขึ้นแล้ว “ตอนนั้นเธอเศร้ามาก ป้าของฉันอยากให้เธอไปอยู่ต่างประเทศและไม่ต้องกลับมาอีกเลย แต่ลูกพี่ลูกน้องของฉันเธอไม่ชอบ นั่นแหละทำให้พวกเขาทะเลาะกันอย่างรุนแรง ลุงของฉันผมไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย ผู้ใหญ่ในครอบครัวต่างดุด่าเขา”
เหอไป่ขมวดคิ้วและเขารู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้ เขาไม่เคยคาดหวังว่าผู้ซื้อจะอยู่ในสภาพแวดล้องของครอบครัวที่แย่กว่าที่เขาเคยคาดคิดไว้ ตลอดเวลาผู้ซื้อแสร้างทำเป็นมีชีวิตชีวา เมื่อพวกเขากำลังสนทนากัน เธอคงรู้สึกหดหู่จากใจจริง
เมื่อสังเกตเห็นความเงียบของเขา เจียงซิ่วเหวินก็อดกลั้นความปรารถนาที่จะถามเกี่ยวกับสภาพของ ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ ของเขาและแสร้างทำเป็นหดหู่ชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อ “ลูกพี่ลูกน้องของฉันบอกว่าทั้งคุณและเขาเป็นแฟนคลับของเต๋อชูเหอ และคุณถ่ายรูปพร้อมกับตัดต่อรูปได้ดีมาก คุณสนใจที่จะทำงานที่นี่กับเราไหม?”
จู่ ๆ เหอไป่ก็หลุดจากภวังค์ แฟนคลับของเต๋อชูเหอเหรอ? ผู้ซื้อเข้าใจผิดแล้วว่าเขาเป็นใคร?
“ขอบคุณครับสำหรับข้อเสนอของคุณ น่าเสียดายที่ผมทำงานพาร์ทไทม์ให้กับ Saint Elephant ไปแล้ว” เขาจิบชาด้วยรอยยิ้มและจากนั้นเขาก็ลากลับ “เสียดายจริงที่ลูกพี่ลูกน้องของคุณอยู่ต่างประเทศ ขอให้คุณรับสิ่งนี้ในนามของเธอ และขอบคุณที่คุณสละเวลาให้กับผมครับ”
ในที่สุดเจียงซิ่วเหวินก็รูสึกถึงความหนักอึ้งภายในใจกำลังจะจบลง เขาพยายามข่มใจไม่ให้ตื่นเต้นเกินไปและลุกขึ้นไปส่งเหอไป่ที่ประตู เขาทำหน้าตาเป็นมิตรแลถอนหายใจ “น่าเสียดายจัง ผมช้าไปที่จะได้ตัวคุณมาร่วมงาน ขอบคุณสำหรับผลไม้นะ ผมจะถ่ายทอดความห่วยใยของคุณ ให้กับลูกพี่ลูกน้องของผม คุณแวะมาที่ Red Guest ได้เสมอ”
“คุณใจดีมากเลย ขอบคุณครับ”
หลังจากสนทนากันไม่นาน เจียงซิ่วเหวินมองเหอไป่ที่กำลังปิดประตู จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และหยุดเขาไว้ “เดี๋ยวก่อนครับ คุณบอกว่าเพื่อนของคุณส่งผลไม้มาจากจังหวัดชายแดน พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่เหรอ?”
เหอไป่พยักหน้า “ใช่ครับ เขาส่งด่วนมาให้ ตอนนี้ผลไม้ก็ยังสดอยู่นะครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไร เพิ่งเห็นว่าผลไม้สดมาก อยากจะซื้อให้ครอบครัวน่ะ ดูเหมือนเพื่อนของคุณจะใจดีนะ แม้จะอยู่จังหวัดชายแดนเขาก็ยังส่งผลไม้มาให้คุณ น่าอิจฉาเสียจริง” เขาหัวเราะ แต่ในใจลึก ๆ เขาอยากจะสับเต๋อชูเหอเป็นชิ้น ๆ เต๋อชูเหอไม่เคยโทรมาหาเขาเลย แต่เขากลับมาเวลาส่งผลไม้ให้เหอไป่ แล้วเขาทำเรื่องวุ่นวายให้ต้องสะสางอีก บ้าเอ้ย เขาควรจะเลิกคบกับไอ้เพื่อนคนนี้ได้แล้ว!
เหอไป่จากไปอย่างรวดเร็วและเดินกลับเข้าไปที่ Saint Elephant ด้วยความสุขใจ
หลังจากที่เจียงซิ่วเหวินเห็นเหอไป่จากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที เมื่อหันกลับไปเขาก้เข้าไปใน Red Guest ด้วยความโกรธ เมื่อเห็นพนักงานมองมาที่เขา เขาก็ตะโกนขึ้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “มีอะไรสนุกงั้นเหรอ? จำไว้ให้ดี! อย่าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ล่ะ”
พนักงานตกใจมากและเริ่มทำงานของตัวเองต่อไป…
หลังจากกลับไปที่ Saint Elephant เหอไป่รู้สึกแปลก ๆ เมื่อคนอื่นมองมาที่เขา
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาหยุดถามคนที่เดินผ่านมาและถาม “ทำไมพวกเขามองผมแบบนั้น”
“เปล่าไม่มีอะไร พวกเขาขอบคุณสำหรับผลไม้น่ะ” คนที่เดินผ่านตอบกลับ จากนั้นเขาก็เดินหนีไปโดยแสร้งว่ามีอย่างอื่นต้องทำ
ปฏิกิริยานี้ดูแปลกมาก
เหอไป่เลิกคิ้วมองคนที่แอบมองมายังเขา เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินไปที่สำนักงานของ หลี่รู่
“โอเคฉันจะคุยกับเขา…อืม ขอบคุณสำหรับคำเชิญค่ะ…ตกลงคะ แล้วคุยกันอีกที” หลังจากที่หลี่รู่วางสาย เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูและเห็นหน้าของเหอไป่โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังประตูที่ปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง สีหน้าของเขาเริ่มผ่อนคลายและเขาก็โบกมือให้เหอไป่เข้ามา “มาพอดีเลย ฉันจะมีเรื่องจะบอกคุณ”
เขาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มและนั่งลงตรงข้ามกับหลี่รู่ เขาหยิบผลไม้ขนาดใหญ่และรสดีออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างน่าอัศจรรย์และมอบให้กับหลี่รู่ “นี่ครับ พี่หลี่ ผมเก็บลูกนี้ไม่ให้คนอื่นเห็น ลูกนี้กลิ่นหอมที่สุดในบรรดาผลไม้เหล่านั้นเลย มันต้องอร่อยแน่ ๆ”
“ไม่หวานใช่ไหม” หลี่รู่ยิ้มและตอบรับโดยไม่รู้สึกเขินอาย หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยเรื่องงานกันต่อ
“คืองี้นะ งานที่สถานีโทรทัศน์กำลังจะเสร็จล่ะ ไม่มีอะไรที่จะยุ่งเกินกำลังของทีมที่ทำงานอยู่แล้ว เราเลยไม่ต้องการคนทำงานพาร์ทไทม์ แต่ทางบริษัทพิจารณาถึงความสามารถของคุณ ทางเราตัดสินใจว่าจะรับคุณเข้าทำงานประจำ”
เหอไปนั่งตัวตรงและตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อย่าตกใจจนเกินไป” หลี่รู่ยิ้มเพื่อความกังวลและเปลี่ยนหัวข้อในทันใด “คุณได้เข้าดู weibo บ้างหรือเปล่า?”
เหอไป่นิ่งไปชั่วขณะและส่ายหน้า “ไม่เลยครับ ผมยุ่งกับการสอบเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมไม่ได้เปิดคอมพิวเตอร์มาหลายวันแล้ว… ทำไมเหรอครับ?” หัวข้อของเต๋อชูเหอยังคงได้รับความนิยมอยู่หรือเปล่า? มีอะไรใหม่ ๆ มาอีกงั้นเหรอ?
“ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้คุณมีชื่อเสียงแล้ว” หลี่รู่ตอบอย่างล้อเล่น เธอคลิกเปิด tablet ของตนเองที่อยู่บนโต๊ะและถือมันขึ้นมาให้เขาดู “ดูนี่สิ มีอะไรบ้าง เมื่อก่อนมีแต่ข่าวไม่ดีของนักแสดงบางคน และเขาก็ปิดบัญชีของตนเองไปแล้ว ก่อนที่เขาจะปิดบัญชี เขาโพสต์วิดีโอเบื้องหลังของสถานีโทรทัศน์เมือง B และกล่าวชื่นชมผู้ถ่ายทำ ชาวเน็ตต้องการช่วยเขากู้ชื่อเสียง พวกเขาต่างขุดเอาโพสต์เก่า ๆ ของเขาก่อนที่เขาจะปิดบัญชีขึ้นมาพูดถึง ในบรรดาโพสต์เหล่านั้นมีโพสต์ของคุณด้วยน่ะสิ ชาวเน็ตและสถานีโทรทัศน์เมือง B เห็นว่าวิดีโอเบื้องหลังกำลังได้รับความนิยม เขาเลยตัดสินใจใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ถอดหลิวฮวานฮวานออกจากตำแหน่งเดิมที่วางไว้ แล้วใช้ฉากที่คุณถ่ายให้หยางฟู่ โพสต์ขึ้นแทน
บนหน้าจอของแท็บแล็ตปรากฎแฮชแท็กที่ร้อนแรง อทิ #โปรดกลับมาเถอะเต๋อชูเหอ #หัวข้อเดิม #ต้องการช่างภาพหนุ่มคนหล่อ เขาคลิกเข้าไปดูและพบกับรูปภาพเซลฟี่ของชาวเน็ตพร้อมกับแฮชแท็กเหล่านี้
“คนพวกนี้แค่อยากโพสต์รูปเซลฟี่ของตัวเอง” เขากระตุกริมฝีปาก
เมื่อรู้สึกถึงความเงียบของเขา หลี่รู่ก็คิดว่าเขาตกใจ เธอยิ้มต่อไป
“คุณถ่ายภาพให้กับหยางฟู่ได้ดี เลยเป็นกระแสและได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวเน็ต เขาต่างพากันพูดถึงความสามารถของคุณ เมื่อคิดถึงความนิยมในปัจจุบันของคุณ บริษัทต้องตอบแทนคุณเป็นแน่ สำหรับการโปรโมตวิดีโอบน weibo เราคิดว่าจะช่วยเพิ่มความนิยมให้กับคุณด้วย”
‘เสริมสร้างความนิยม? พวกเขาจะทำให้ฉันเป็นคนดังทางอินเทอร์เน็ตและขึ้นปกให้กับ Saint Elephant งั้นเหรอ’
เหอไปวางแท็บเล็ตลงทันทีและถามด้วยความลังเลว่า “คุณหลี่ ถ้าผมคิดไม่ผิด บริษัทต้องการย้ายผมออกจากช่วงทดลองงานใช่ไหมครับ?”
“ใช่ เป็นแบบนั้นแหละ” หลี่รู่หยักหน้า จากนั้นเธอก็หยิบเอกสารออกมาจากลิ้นชักและส่งให้เขา “นี่คือสัญญา เงินเดือนของคุณจะสูงเกือบเท่าหัวหน้าทีมหม่า เพราะคุณยังเป็นนักศึกษาและกำลังเรียนอยู่ ทางบริษัทจึงตกลงที่จะลดภาระงานรายเดือนของคุณ และคุณไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัท สิ่งเดียวที่บริษัทต้องการคือความร่วมมืออย่างเต็มที่ เมื่อจำเป็นต้องมีการโปรโมตออนไลน์”
เมื่อพิจารณาตามเงื่อนไขของข้อเสนอก็ฟังดูดี แต่เหอไป่รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่ง่ายอย่างนั้น
เขาไม่ตอบ แต่เอสัญญาไปดู เขาหยุดอ่านสองบทความในสัญญาและเงยหน้าขึ้นมองหลี่รู่ด้วยใบหน้าที่จริงจัง “คุณหลี่ครับ บริษัทต้องการเซ็นสัญญาเป็นเวลา 10 ปีกับผมเหรอครับ ส่วนเสริมยังระบุอีกว่าระยะเวลาทดลองงานคือหนึ่งปี หลังจากผ่านหนึ่งปี บริษัทจะพิจารณาว่าผมควรถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่นหรือไม่ ข้อนี้หมายความว่ายังไงครับ”