(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 20
หลังจากกลับไปที่มหาวิทยาลัย เหอไป๋ลงมือรีทัชภาพของหยางฟู่ จากนั้นเขาก็ชวนหนิวจุนเจี๋ยออกไปหาอะไรทานด้วยกันในตอนดึก “นายเคยเจอหลิวฮวานฮวานโดยบังเอิญบ้างไหม?”
หนิวจุนเจี๋ยหยุดแทะปีกไก่ พร้อมกับทำหน้าบูดบึ้งขณะที่คิดถึงเรื่องนั้น เขาหลบตาลงและพูดอย่างใจเย็นว่า “ก็ไม่นี่ ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ก็แค่ทำแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน”
“ฉันคิดว่าฉันทำได้นะ แต่เป็นเธอเองที่เข้ามาทักฉัน” เหอไป๋ซื้อน้ำส้มส่งให้เขา พร้อมกับหยิบกระป๋องเบียร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาออกไปและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟัง
“นายคงจะไม่เข้าไปพัวพันเรื่องของเธออีก แต่เธอไม่รู้สึกอย่างนั้น เธอพยายามเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนของนาย วันนี้เธอเจอกับฉัน บางทีพรุ่งนี้เธออาจจะเจอกับเพื่อนของนายคนอื่นก็เป็นได้ พ่อของนายเป็นนักธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อนของนายแต่ละคนก็เป็นคนมีความสามารถกันทั้งนั้น ระวังเธอไว้หน่อยล่ะ จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาดในภายหลัง”
ในชาติที่แล้ว เมื่อหลิวฮวานฮวานอับจน ด้วยความคับแค้นใจเธอจึงบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากหนิวจุนเจี๋ย แล้วด้วยความใจดีของหนิวจุนเจี๋ย เขาได้ขอให้เพื่อนคนหนึ่งช่วยเหลือเธอ แล้วทั้งตัวเขาและเพื่อนของเขาที่มีคนรักอยู่แล้ว ต่างถูกหลิวฮวานฮวานเข้ามาเกาะแกะกระทั่งเกิดปัญหากับคนรักของตนเอง คนอย่างหลิวฮวานฮวานเป็นเหมือนระเบิดที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ควรอยู่ให้ห่างเธอจะดีเสียกว่า
หนิวจุนเจี๋ยขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด แล้วพยักหน้ารับหลังจากได้คิดไตร่ตรอง เขาตอบว่า
“เข้าใจแล้ว ขอบใจนะที่เตือนฉัน สำหรับหลิวฮวานฮวาน เมื่อคิดดูแล้วนิสัยอย่างเธอ เธอไม่กลับตัวหรอกถ้าไม่เจออะไรประสบการณ์แย่ ๆ ในช่วงที่คบกับฉัน เธอนอกใจฉันอยู่หลายครั้ง …เอาล่ะ ช่างมันเถอะ แล้วงานพาร์ทไทม์ของนายเป็นไงบ้าง? เธอทำงานของนายเสียหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่เธอหรอก” เหอไป๋หรี่ตายิ้มและพูดต่อ “ฉันทำให้แผนการของเธอยุ่งเหยิงแทน และแผนการของเธอที่จะทำให้ภาพถ่ายของผู้หญิงคนอื่น ๆ เสียก็ไม่เกิดขึ้น”
หนิวจุนเจี๋ยมองอย่างตกตะลึงและหัวเราะออกมาแล้วตบไหล่ของเหอไป๋อย่างแรง
“ทำได้ดีนี่น้องชาย! ทำตามที่ชอบได้เลย จะสั่งอะไรก็ได้ ฉันเลี้ยงเอง!”
…………………
การถ่ายทำใช้เวลาร่วมสองวัน วันรุ่งขึ้นเหอไป๋ไปที่สวนสาธารณะอีกครั้งและเสนอตัวช่วยงานจากเขา คราวนี้เขาไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพด้วยตนเอง แต่ยังคงมีงานยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขายืนมองดูหม่าซิงตงและหลานชายของเขาแสดงท่าทางที่แนบแน่นซึ่งกันและกัน หม่าซิงตงสอนบางสิ่งที่บางอย่างแก่หม่าชุน หลังจากนั้นเขาก็ยกย่องลุงของเขา
หลังจากเสร็จงาน เขารีบตรงกลับไปที่มหาวิทยาลัย รีบรับประทานอาหาร จัดเรียงภาพที่เขาถ่ายส่งไปยัง e-mail ของซวี่อิ๋นหลง เพื่อส่งการบ้าน แล้วทำการค้นหารูปภาพของหยางฟู่ เพื่อทำการรีทัชรอบสุดท้าย ในที่สุดงานทั้งหมดก็แล้วเสร็จในเวลาห้าทุ่ม
เหอไป๋ขยี้ตาส่งรูปถ่ายไปที่ e-mail ของหลี่รู่ แล้วปีนขึ้นบนเตียง เอนกายลงนอน
เมื่อสัปดาห์ใหม่เริ่มต้นขึ้น ภาพวิชาวารสารศาสตร์ก็เข้าสู่ช่วงเตรียมสอบ หลังจากเกิดใหม่ เหอไป๋เรียนได้ไม่ดีนัก เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามทบทวนบทเรียนของเขาทุกวิถีทาง ในระหว่างนั้นเขาแทบจะไม่ปิดกั้นจากโลกภายนอกทุกทาง ยกเว้นการรับโทรศัพท์ ตลอดทั้งวันเขาฝังตัวอยู่กับการทบทวนบทเรียนอย่างบ้าคลั่ง
เต๋อชูเหอตรวจสอบข้อความใน wechat ซ้ำไปซ้ำมา แต่ไม่มีข้อความจากเหอไป๋เลย ความตื่นเต้นและความประหลาดใจของเขาจากรูปส่งจูบ ก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโกรธ
“ฉันจะโดนต่อว่าไหม ถ้าจะส่งข้อความทักทายไปเขาอีก!” เต๋อชูเหอยัดโทรศัพท์ของเขาลงในกระเป๋ากางเกง ทำหน้าบึ้ง หยิบตารางงานของเขาออกมาตามสคริปต์และมีถ่ายรายการวาไรตี้ เนื่องจากสัญญาก่อนหน้านี้ถูกยกเลิก ทำให้การรับงานละครของเขาเริ่มต้นขึ้น และก็ถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว พร้อมกับวางกักดักแม่เลี้ยงของเขาด้วย
สัปดาห์ที่วุ่นวายผ่านไป เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านได้นำพารอยลึกปรากฏใต้ดวงตาของเหอไป๋ เขาถูกหลี่รู่เรียกตัวไปที่เซิ่งเซียงทันที่เมื่อเธอกลับมาจากการทำงานนอกสถานที่
“มีทั้งข่าวร้ายและข่าวดี เธออยากฟังเรื่องไหนก่อน” หลี่รู่รินชาให้เขา แล้วนั่งลงตรงข้าม
“ขอบคุณครับ” เหอไป๋จิบชา เพิ่มสติของตัวเองสักเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ข่าวร้ายก่อนครับ”
“ฉันก็คิดอย่างนั้น” หลี่รู่เอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเธอ “เธอได้รับการร้องเรียนสองครั้งจากลูกค้าของเราและอีกเรื่องจากเพื่อนร่วมงาน คำร้องเรียนของลูกค้าถูกส่งผ่านมายังหม่าชุน หัวหน้ากลุ่มของเรา และอีกคนก็ถูกส่งผ่านไปยังหัวหน้าของฉันอีกที” ร้องเรียนเหรอ?
มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงทีเดียว เหอไป๋ยกมือขึ้นนวดตาที่บวมของเขาคิดสักพักแล้วถามว่า
“ให้ผมเดา ลูกค้าที่ร้องเรียนผมคือคุณหลิวฮวานฮวานใช่ไหมครับ ส่วนเพื่อนร่วมงานคงจะเป็นคุณหม่าซิงตงใช่ไหมครับ?”
“เธอเดาถูกครึ่งหนึ่ง” หลี่รู่สั่นนิ้วมือของเธอและตอบว่า “เพื่อนร่วมงานที่ร้องเรียนเธอคือหม่าซิงตง เขาบอกว่าเธอกล้าแสดงออกมากเกินไปที่จะปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับของทางบริษัทของเราให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสถานีโทรทัศน์ที่ให้ถ่ายทำในฉากที่เหมาะสม เขายังบอกอีกว่าคุณขาดสปิริตในการทำงานเป็นทีม”
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เหอไป๋ไม่คาดคิดว่าช่างภาพฝีมือดีอย่างหม่าซิงตงจะพยายามผลักไสเขาออกไป
“ผมจะต้องทำอย่างไรกับข้อร้องเรียนนั่นครับ” เขาถามด้วยใบหน้าที่แข็งกระด้าง
หลี่รู่พบว่าท่าทีแบบเด็ก ๆ ของเขาช่างน่าขบขันนัก เธอส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “กฎข้อบังคับระบุว่าพนักงานประจำเมื่อได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าต้องขอโทษลูกค้าด้วยตนเอง และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยความสูญเสียให้กับลูกค้าหลังจากหาเหตุผลได้ หากเพื่อนร่วมงานร้องเรียนพนักงานจะต้องถูกไล่ออก ถ้าความผิดพลาดนั้นร้ายแรง หรือถูกหักค่าจ้าง ถ้าข้อผิดพลาดนั้นไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ รวมไปถึงการบันทึกทางวินัย ถ้ามีมี 3 ประเด็นนี้มักจะถูกบังคับให้ออก”
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรได้รับ เหอไป๋ไม่เต็มใจที่จะขอโทษหลิวฮวานฮวาน หรือคาดหวังการหักเงินเดือน ท้ายที่สุดนั่นคือเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากของเขา…เหอไป๋กำลังหมดหวัง
ในที่สุดหลี่รู่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แต่เธอไม่ใช่พนักงานประจำ และทำงานพาร์ทไทม์ ฉันเป็นหัวหน้างานของเธอที่ต้องขอโทษและสอบถามถึงสาเหตุ นอกจากนี้เธอทำงานนอกเวลา หัวหน้าของเธอพิจารณาว่าการร้องเรียนจากเพื่อนร่วมงานของเธอ อาจเป็นการใส่ร้าย ดังนั้นการร้องเรียนจึงถูกลบล้างและเธอจะได้รับรางวัลปลอบใจสองร้อยหยวน”
เหอไป๋ลุกขึ้นแล้วจ้องมองเธอด้วยความดีใจ “พี่หลี่…”
“อย่ามองฉันแบบนั้น ซึ้งเกินไปแล้ว” หลี่รู่โบกมือและล้อเขา “ตอนนี้เธอมีอารมณ์ที่จะฟังข่าวดีหรือยัง?”
ลักยิ้มหนึ่งปรากฏบนใบหน้าด้านซ้ายของเหอไป๋ ขณะที่เขายิ้ม จากนั้นเขาก็พยักหน้าและรินน้ำให้หลี่รู่อย่างตั้งใจ
หลี่รู่ชอบการบริการของเขาและพูดช้า ๆ “สำหรับข่าวดี…ทีมงานจากสถานีค่อนข้างพอใจกับภาพที่เธอถ่าย ผู้รับผิดชอบบังเอิญได้ยินว่าคุณถ่ายภาพของพนักงานคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบรับที่ดี เขาเลยตัดสินใจจะสร้างคอลเลกชันไซด์ไลท์พร้อมภาพเหล่านั้น เพื่อเพิ่มการประชาสัมพันธ์ออนไลน์ของกิจกรรมที่ระลึกของสถานี เธอจะได้รับค่าตอบแทนของรูปภาพแต่ละภาพ” เธอดีดนิ้วขณะพูด
ดวงตาของเหอไป๋สว่างขึ้นและร่างของเขาก็โน้มตัวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว “ภาพละร้อยหยวนหรือเปล่าครับ?”
หลี่รู่ส่ายหน้า “ขึ้นอยู่กับเธอ เธอตั้งราคาได้เลยฉันจะเป็นคนต่อรองราคากับพวกเขาให้ เธอสามารถเพิ่มตัวเลขได้ถึงสี่หลัก”
“พันหยวน?!” เหอไป๋รู้สึกตะลึงด้วยความประหลาดใจ “พวกเขา…พวกเขาตัดสินใจจะซื้อภาพที่เขาถ่ายในราคาที่สูงขนาดนี้ก่อนที่พวกเขาจะเห็นภาพพวกนั้นอีกเหรอ?”
“ฉันเชื่อในความสามารถของเธอ” หลี่รู่วางนิ้วของเธอลง รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้น “และเชื่อว่าทางสถานีโทรทัศน์และการตัดสินของฉันเป็นแบบเดียวกัน เมื่อเห็นชุดภาพถ่ายของคุณหยาง มาเถอะ ฉันจะคืนให้เธอ”
เมื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก เหอไป่ยืนขึ้นคำนับหลี่รู่และยิ้มอย่างสดใส “ขอบคุณครับพี่หลี่ ผมจะทำให้ดีที่สุด”
เมื่อเขาออกจาก Saint Elephant เหอไป๋ได้พบกับหม่าชุน โดยมีกล้องแขวนอยู่รอบคอของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นช่างภาพประจำแล้ว
“สวัสดีครับพี่หม่า” เหอไป๋ทักทายเขาราวกับไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเพิ่งถูกลุงของหม่าชุนร้องเรียน เหอไป๋ดูมีความสุขมากและพูดกับเขาด้วยความขอบคุณว่า “ขอบคุณมากครับที่เสนอโอกาสให้ผมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานีโทรทัศน์พอใจกับรูปถ่ายของผมเป็นพิเศษ เขาตัดสินใจซื้อภาพที่ผมถ่ายในวันนั้นเพื่อสร้างคอลเลิกชันเบื้องหลังการถ่ายทำ ขอบคุณมากครับสำหรับความช่วยเหลือจากคุณ ถ้าได้เงินแล้ว ให้ผมเลี้ยงคุณสักมื้อนะครับ”
“จริง…จริงเหรอ? ยินดีด้วยนะ” หม่าชุนฝืนยิ้ม เมื่อเห็นเหอไป๋จากไป เขาก็จับกล้องแน่นกระทั่งปุ่มที่อยู่ด้านบนหลุดออกจากตัวกล้อง
“พระเจ้า! ทำอะไรของคุณเนี้ย นี่กล้องใหม่ที่บริษัทเพิ่งซื้อมา คุณจะต้องถูกร้องเรียนเรื่องทำลายทรัพย์สินของบริษัท โดยเจตนา!” พนักงานต้อนรับสาวที่เฝ้าดูการสนทนาของพวกเขาอย่างตั้งใจตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
เมื่อหายจากอาการตกใจ หม่าชุนก็กำปุ่มแน่น รีบเข้าไปข้างในพร้อมกับหญิงสาว
เมื่อหม่าชุนหงุดหงิด เหอไป๋ก็เดินไปตามถนนด้วยความคึกคะนอง เขาส่งรูปเบื้องหลังไปให้หลี่รู่ ทันทีเมื่อกลับไปที่หมาวิทยาลัย เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่รู่ทาหาเขาและแจ้งให้เขาทราบว่าทางสถานีโทรทัศน์เลือกภาพของเขาจำนวนมาก เพื่อใช้งาน และจ่ายเงินค่าตอบแทนเข้าบัญชีธนาคารของเขาแล้ว
เจ้าหน้าที่สถานีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมาก พวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการตัดต่อภาพและโพสต์รูปภาพพร้อมกับวิดีโอไซด์ไลท์บนระบบออนไลน์ผ่านบัญชี weibo อย่างเป็นทางการของสถานีโทรทัศน์ของเมือง B ทำให้เกิดกระแสตอบรับอย่างดุเดือดในหมู่ชาวเน็ต
“ว้าวมีรูปของฉันด้วย พระเจ้า ฉันดูดีมากในชุดสูทนี้”
ในห้องสีเขียวห้องหนึ่ง พนักงานคนหนึ่งจับโทรศัพท์แน่นและกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น
ผู้มาใหม่อีกคนโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอพร้อมกับแก้มอุ่น ๆ “ใช่ ๆ คุณพูดถูก ฉันสงสัยว่าใครถ่ายรูปได้สวยขนาดนี้ ดูสิช่างมีเสนห์เสียจริง ฉันรักเขา”
“ว้าวชายเน็ตบอกว่าสาวในภาพที่ 7 น่ารักมาก ฉันเอง ฉันคือคนในภาพที่เจ็ด ภาพเบื้องหลังเหล่านี้พิสูจน์แล้วว่าดีกว่าอะไรทั้งหมด สุดยอดจริง ๆ ฉันจำได้ว่าภาพถ่ายเหล่านี้ ถ่ายโดยช่างภาพหนุ่ม ที่เขาบอกว่าเป็นช่างภาพหน้าใหม่ ที่ถ่ายรูปกับพิธีกรรายการเด็ก ฉันอิจฉาพนักงานคนนั้นจัง ช่างภาพของเธอมีความสามารถมากจริง ๆ” พิธีกรหน้ากลมอีกคนที่ถือโทรศัพท์ใอถือของเธอตื่นเต้นมากจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
“แน่นอนสิ ในกลุ่มพิธีกรหน้าใหม่ที่ถูกส่งไปถ่ายภาพในวันนั้น มีใครบ้างไม่อิจฉาหยางฟู่” เด็กสาวผมบ็อบเข้ามาขัดจังหวะพวกเขาและเยาะเย้ยขณะหยิบการ์ดทำงานออก “ยกเว้นก็แต่หลิวฮวานฮวาน ที่ได้รับการสนับสนุนจากทางสถานีเป็นพิเศษคนนั้น เธอเรียกร้องอย่างมากที่ให้คุณหม่ารับหน้าที่เป็นช่างภาพให้กับเธอ ฉันยังได้ยินว่าเธอยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับช่างภาพของหยางฟู่ อืม ไม่แน่แปลกใจที่เธอไม่มีภาพอยู่ในงานเบื้องหลัง ทำตัวแบบนั้นสงสัยจะทำให้ช่างภาพไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก็สมควรแล้ว”
พิธีกรต้อนรับทั้งสามสบตากันเมื่อได้ยินเรื่องนี้และไม่กล้าที่จะตอบสนอง
มีข่าวลือออกมาว่าเธอถูกหัวหน้าสถานีโทรทัศน์ตำหนิเรื่องการทำลายความร่วมมือระหว่างสถานีและ Saint Elephant ทำให้รายการของเธอถูกระงับเป็นเวลาสองสัปดาห์
พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางความเงียบ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งแสดงแววตาดูถูกเหยียดหยาม “ขอเตือนไว้อย่างนะ อย่างไปบอกหลิวฮวานฮวานล่ะ เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคนตั้งใจจะไล่เธอออกล่ะ”
ด้วยความตกใจกับประโยคดังกล่าว ทั้งสามจึงเข้าไปใกล้เธอและถามด้วยความอยากรู้ว่า “ใครเหรอ? ใครอยากไล่เธอออก”
“เจ้าสัวของสถานีที่ 4 มีข่าวลือว่าหลิวฮวานฮวานเป็นแฟนกับลูกชายของเขาและนอกใจเขาด้วยล่ะ ผู้ชายใจดีเกินไปที่ไม่ขึ้นแบล็คลิสต์เธอ แล้วปล่อยไป ในขณะที่เธอยังไม่หยุดยังจะไปร้องเรียนเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขา ตอนนี้เธอโชคไม่ดีจริง ๆ ผู้สนับสนุนรายใหญ่เตือนว่าเขาจะยกเลิกโฆษณากับทางสถานี หากหลิวฮวานฮวานยังคงทำงานอยู่ที่นี่ต่อไป มีสถานีโทรทัศน์จำนวนมาก เขาจะย้ายไปโฆษณากับเจ้าไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
ซุบซิบอะไรกัน!
ด้วยความตื่นเต้นกับคำพูดของเธอ เด็กสาวทั้งสาวเข้าหาหญิงสาวที่กระโปรงฟุ้งฟิ้งและถามรายละเอียดเพิ่มเติม
การสนับสนุนของพวกเขาทำให้หญิงสาวผู้เล่ามีโอกาสระบายความโกรธของเธอที่มีต่อหลิวฮวานฮวาน เธอเพียงดึงเก้าอี้มานั่งและพูดต่อด้วยความเมามันส์
ทีมงานคนหนึ่งยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อมองไปที่เต๋อชูเหอ แล้วหยุดซุบซิบ ก่อนจะพูดอย่างระมัดระวัง “คุณเต๋อคะ รายการกำลังจะเริ่มแล้ว เชิญค่ะ…”
รุ่นพี่คนหนึ่งของเขาบอกว่าหลิวฮวานฮวานมีความกล้าที่จะยั่วยวนไอดอลอารมณ์ดี ตอนนี้สถานการณ์…ยิ่งไม่ค่อยดีนักและน่าอับอายก็ว่าได้