(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 19
เกิดเสียงอู้อี้เมื่อโทรศัพท์มือถือของเขากระแทกตะกร้าผลไม้ใกล้กับกาน้ำชา
เจียงซิ่วเหวินส่งสายตามองชายตรงหน้า พร้อมทั้งก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ถามว่า “เป็นไปอะไรหรือเปล่า? โฮสต์จาก z-list สร้างปัญหาอะไรให้นายอีกแล้วเหรอ?”
เต๋อชูเหอตกอยู่ในความตื่นตระหนกอย่างมาก จิตใจของเขาเต็มไปด้วยคำเย้ยหยันของเหอไป๋ เขาไม่ได้สนใจกับคำพูดของเจียงซิ่วเหวินเลย อยู่ ๆ ก็ยกมือขึ้นกุมศีรษะ ดูราวกับว่ามีอะไรพังทลายลงซะอย่างนั้น
‘ไอ้โง่ตัวเป็น ๆ’
เจียงซิ่วเหวินถอนหายใจพร้อมที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
โทรศัพท์ในมือของเขาสั่นขึ้นเสียก่อน หน้าจอสว่างทันทีและมีข้อความใหม่ส่งเข้ามา
ขาวและขาว : ตอนนี้นายยังเศร้าอยู่ไหม? ร่าเริงเข้าไว้พี่สาม! หลิวฮวานฮวานกับนาย ไม่เหมาะสมกันเลย นายสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า
ข้อความไม่เพียงแต่จะทำให้เจียงซิ่วเหวินงงงวย แต่ยังทำให้เขาประหลาดใจอีกด้วย
“ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่นายขอให้ฉันส่งข้อความตอบกลับให้เมื่อครั้งก่อนเหรอ ฉันจำได้ นายยังบังคับให้ฉันใส่อีโมจิรูปยิ้มท้ายข้อความเป็นพิเศษ แต่ทำไมเขาถึงเรียกนายว่าพี่สามล่ะ? จริง ๆ แล้วเขาเป็นใคร? แฟนหนุ่มของนายเหรอ?”
“เขาเรียกฉันว่าพี่สามเหรอ?” เต๋อชูเหอ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับคว้าโทรศัพท์ของเขาคืนจากเจียงซิ่วเหวิน และเปิดดูข้อความครั้งแล้วครั้งเล่า
ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และในที่สุดก็แสดงความโกรธ ก่อนจะเริ่มพิมพ์ตอบ
นกกระเรียนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง : ฉันไม่ใช่พี่สาม! ฉันไม่เคยมีแฟนเก่า! คุณกำลังเข้าใจฉันผิดและทำให้ฉันกลัว!
หลังจากส่งข้อความ เขาพบว่าเนื้อหาในข้อความเขาดูแปลก ๆ ไม่สอดคล้องกับลักษณะการพูดของผู้หญิงที่น่า จึงต้องรีบพิมพ์ตอบแก้ไปอีกครั้ง
นกกระเรียนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง : ฉันเป็นสาวโสดที่น่ารักจริง ๆ นะ ^-^
นกกระเรียนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง : ขอบคุณสำหรับรูปภาพ ฉันชอบมันมาก
หลังจากลังเลใจ เขาก็เหลือบไปเห็นเจียงซิ่วเหวินเอนตัวไปด้านหนึ่ง เขาใช้มือปิดหน้าจอโทรศัพท์พิมพ์อย่างรวดเร็ว
นกกระเรียนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง :
เมื่อเห็นเต๋อชูเหอส่งข้อความด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด เจียงซิ่วเหวินก็ตกตะลึง ความรู้สึกมากมายที่ปะทุขึ้นภายในตัวเขา… เขาคงถูกปีศาจครอบงำจนได้ผูกมิตรกับโรคประสาทไปเสียแล้วจริง ๆ!
เมื่อสังเกตเห็นคำตอบจากพี่สาม ความคิดของเหอไป๋ก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะ เขามองไปที่ด้านบนของช่องแชทเพียงเพื่อพบว่าเขาได้ส่งข้อความไปยังบัญชี wechat ของผู้ซื้อซึ่งใช้รูปโปรไฟล์คล้ายคลึงกับพี่สามของเขา ถือเป็นความผิดพลาดโดยประมาทจริง ๆ เลย ภาพทั้งสองมีโทนสีน้ำตาลค่อนข้างคล้ายกันตั้งแต่แรกเห็น นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือของเขายังราคาถูกและเก่า ทำให้ยากที่จะแยกแยะภาพออกจากหน้าจอคุณภาพต่ำและด้อยประสิทธิภาพได้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจผิดว่าผู้ซื้อ (เต๋อชูเหอ) เป็นพี่สามไปได้
เขาทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับคนอื่น…เขารู้สึกอายเล็กน้อย จากนั้นก็ขยับตามความเกรงใจที่ผู้ซื้อแสดงออกมา รู้สึกเกรงใจที่ “เธอ” ช่วยเขาแก้ไขสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจด้วยคำตอบที่ล้อเล่น แต่น่ารัก
ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารักและคิดดี นอกจากนี้นิสัยชอบนินทาลับหลังของเขาก็ถือว่าเป็นการผิดศีลธรรม คิดได้แบบนี้ก็รีบตอบข้อความขอโทษ
ขาวและขาว : ขอโทษด้วย ฉันสับสนระหว่างบัญชีของคุณกับอีกคนน่ะ
ขาวและขาว : ขอบคุณที่เตือนฉัน
หลังจากที่เขาส่งข้อความไปแล้ว ทีมงานแต่งตัวก็เข้ามาคุยกับเขา เหอไป๋เก็บโทรศัพท์มือถือของเขาไว้ เดินตามเธอไปที่รถเพื่อเลือกเสื้อผ้าที่หยางฟู่จะสามใส่สักพัก
เมื่อพิจารณาว่าหยางฟู่เป็นโฮสต์ของรายการเด็ก เขาได้เลือกบทความเกี่ยวกับเสื้อผ้าสไตล์สาววัยรุ่ยมาให้หยิบออกมาหลังจากสแกนเสื้อผ้าแต่ละชิ้นที่แขวนอยู่ในรถเสื้อผ้า ด้วยเหตุนี้คนแต่งตัวจึงแกล้งเขาเล็กน้อย เธอบอกกับเขาว่าช่างภาพแทบไม่เคยหยิบเสื้อผ้าให้นางแบบด้วยตัวเองและถามเขาว่าเขาชอบสาวสวยหรือเปล่า
เมื่อต้องเผชิญกับการหยอกเย้าด้วยความปรารถนาดี เขามักจะยกฝ่ามือขึ้นปิดบังรอยยิ้มด้วยความเขินอาย ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ทีมงานคอสตูมเป็นหญิงวัยกลางคนและลูก ๆ ของเธออายุใกล้เคียงกับเหอไป๋ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่น่ารักของเขา เธอก็ทนไม่ได้ที่จะแกล้งเขาอีกครั้ง อย่างที่คาดไว้และเปลี่ยนหัวข้อ ในไม่ช้าเธอก็ถูกล่อให้พูดเรื่องซุบซิบมากมายเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของ Saint Elephant เพื่อตอบคำถามที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจของเหอไป๋
เตรียมเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าด้วยความเร็ว เหอไป๋บอกลาช่างแต่งหน้าและพาหยางฟู่ไปที่สตูดิโอของช่างภาพ
“ต้องขอโทษจริง ๆ แต่คุณหลิวเลือกที่นี่ก่อนและการถ่ายภาพได้เริ่มแล้ว ขอย้ายไปตรงนั้นเถอะ” หม่าชุนหยุดพวกเขาและชี้ไปยังฉากอื่นที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ท่าทางขอโทษเป็นการใหญ่
เหอไป๋ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เมื่อมองไปที่หลิวฮวานฮวาน ในชุดยาวสุดเซ็กซี่ที่ครอบครองแกลเลอรี่ดอกไม้ที่กระจัดกระจายไปด้วยชิงช้า จากนั้นมองไปที่ฉากป่าที่ฉีกขาดอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งดูหยาบและยุ่งเหยิง เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและขอคำแนะนำจากหยางฟู่ ภาพถ่ายริมทะเลสาบแทนที่จะอยู่ในฉากเหล่านี้เป็นไง?”
หยางฟู่เหลือบมองไปที่หลิวฮวานฮวานแล้วยิ้มเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้า “ได้ค่ะ แล้วแต่ขึ้นเลย”
เหอไป่ยิ้มให้เธอจากนั้นก็มองกลับไปที่หม่าชุนซึ่งท่าทีของเขาเย็นชาและสุภาพน้อยลงกว่าแต่ก่อน
การถ่ายภาพบุคคลแตกต่างจากการถ่ายภาพทิวทัศน์เป็นอย่างมาก แสงมีบทบาทสำคัญสำหรับงาน
หม่าชุนดูจะขอโทษขึ้น เขาต้องคอยขอโทษทีมงานสำหรับการทำงานที่ยุ่งวุ่นวายจากการกำกับของหม่าซิงตงและพูดอย่างอาย ๆ ว่า “เรายุ่งเกินกว่าจะให้ใครมาช่วยคุณได้ในตอนนี้…หรือจะรอสักหน่อยไหม?”
ใกล้จะเริ่มมืดแล้ว หลังจากนี้เพียงไม่นาน แม้จะยังมีแสงอยู่ แต่ก็ไม่สามารถถ่ายภาพได้
เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขา เหอไป๋ขมวดคิ้วและมองไปรอบ ๆ ทีมงานคนอื่น ๆ แต่พบว่าพวกเขาไม่สนใจที่จะสบตากับเขาเลย ทำให้เขาโกรธเล็กน้อย เป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้คนในที่ทำงานทั้งต่อสู้และวางแผนหาประโยชน์ร่วมกัน และหลีกเลี่ยงผลกระทบโดยทำเป็นไม่สนใจ แต่ตอนนี้เขาทำงานให้กับลูกค้าและบริษัท พวกเขายังไม่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างผลประโยชน์ส่วนร่วมและส่วนตัว ช่างไร้จรรยาบรรณอย่างมาก
“ฉันสังเกตเห็นหลอดไฟสำรองหลายแผงวางอยู่ตรงนั้น ฉันจะช่วยคุณเอง” หลินลุ่ยเดินมาจากด้านนอก เขาเดินตรงไปที่นั่นและจับแผลในมือ โดยไม่ได้มองไปที่หม่าชุน
ท่าทีของเหอไป๋สดใสขึ้นเล็กน้อย เขามองข้ามหม่าชุนไปยังหลินรุ่ย พยักหน้าอย่างเป็นมิตรส่งสัญญาณไปที่ริมทะเลสาบและกล่าวว่า
“ขอบคุณมากครับพี่ ตอนนี้ค่อนข้างเย็น ไปที่ริมทะเลสาบกันเถอะ”
“นับฉันเข้าไปด้วยอีกสักคนสิ” ช่างแต่งหน้ามาพร้อมกล่องแต่งหน้าในมือ
“ฉันช่วยแต่งหน้าให้คุณหยางได้”
หยางฟู่ยิ้มให้เธอ “ขอบคุณมากค่ะไ
“ยิน-ยินดีค่ะ” หญิงสาวเชินไปพร้อมกับคำตอบของเธอ
ในขณะที่รอหลินฮวานฮวานแก้ไขการแต่งหน้าของเธอ หม่าซิงตงตรวจสอบกล้องและถามว่า “มีแค่สี่คนเท่านั้นเหรอ? พวกเขาใช้กล้องของบริษัทหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ พวกเขาไม่ได้ใช้ เหอไป๋ใช้กล้องของตัวเอง” หม่าชุนยื่นขวดน้ำให้เขา ลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ลุงครับ ทำแบบนี้ดีแล้วเหรอครับ? หลังจากนี้เหอไป๋ก็ได้รับการสนับสนุนจากคุณหลี่ ส่วนหยางฟู่ก็ทำงานในสถานีโทรทัศน์ด้วย เราทำแบบนี้จะทำให้คุณหลี่กับทางสถานีโทรทัศน์ไม่พอใจหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องกังวลไป” หม่าซิงตงดบกมืออย่างไม่ใส่ใจ น้ำเสียงของเขาเย็นชาเล็กน้อย
“เร็ว ๆ นี้หลี่รู่ เพิ่งจะรู้สึกอิ่มเอม บริษัทถ่ายภาพประสบความสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยช่างภาพไม่ใช่ผู้กำกับ สำหรับหยางฟู่ เธอได้เป็นเพียงแค่พิธีกรฝึกหัดหน้าใหม่ สถานีไม่มาเอาเรื่องอะไรกับทาง Saint Elephant กับอีแค่พิธีกรหน้าใหม่หรอก””หม่าชุนพยักหน้าเห็นด้วย และยกย่องหม่าซิงตงมากขึ้น
“ลุงนี่ รู้เยอะจริง ๆ”
“มีทางอีกยาวให้นายได้เรียนรู้จากฉัน” หม่าซิงตงมองเขาอย่างอ่อนโยนและถอนหายใจ “นายมันซื่อตรงเกินไป”
เมือ่เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ดวงอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้า ในที่สุดการถ่ายทำของหลินฮวานฮวานก็สิ้นสุดลง
หลินฮวานฮวานยกกระโปรงขึ้นและมุ่งหน้าไปยังจุดที่หม่าซิงตงยืนอยู่ เมื่อได้เห็นภาพถ่ายเพียงไม่กี่ภาพ เธอก็รู้สึกพอใจและชื่นชมเขาเพียงไม่กี่คำ หลังจากนั้นเธอก็แกล้งถามแบบสบาย ๆ ว่า “การถ่ายทำของหยางฟู่ล่ะ? ยังไม่เสร็จอีกเหรอ? ยังไงก็ตาม คุณเหอเข้าทำงานที่บริษัท Saint Elephant นานแค่ไหนกัน เขาอายุยังน้อย เหลือเชื่อจริง ๆ ที่ได้เป็นช่างภาพ”
“ไม่นานหรอก เขาเพิ่งได้รับเลือกให้มาพนักงานพาร์ทไทม์เท่านั้น ยังมีหนทางอีกยาวไกลให้เขาได้เรียนรู้” หม่าซิงตงตอบอย่างเฉยเมยโดยไม่สนใจเลยว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นสวนทางกับคำแนะนำของเหอไป๋โดยหลายชายของเขาก่อนหน้านี้ เขาวางกล้องไว้ แล้วเรียกทีมงานมาถามว่า “เหอไป๋อยู่ไหน? จะถ่ายให้ถึงเช้าเลยหรือไง คนอื่นก็อยากจะกลับกันแล้ว แม้ว่าเขาจะยังถ่ายได้ไม่เก่ง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพถึงเช้าหรอกนะ มือใหม่น่ะที่ยังไม่มีประสบการณ์น่ะ ถึงจะใช้เวลามากขึ้นก็ไม่ได้ทำให้งานออกมาดีหรอก”
ทีมงานทำท่าอาย ๆ เมื่อมองไปที่หลิวฮวานฮวาน ตอบว่า “หัวหน้าทีมหม่าคะ คุณเหอกับคุณหยาง ถ่ายรูปเสร็จแล้ว เขาเพิ่งจะออกไปก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว …คุณหยางตั้งใจจะรอคุณหลิว ให้กลับพร้อมกัน แต่น่าเสียดายที่ทางสถานีโทรทัศน์โทรมา และขอให้เธอกลับไปก่อน คุณเหอเขาเลยรีบไปส่งเธอทันที”
“พวกเขากลับไปแล้วหรือ?” หม่าชุนไม่ไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากขัดแข้งขัดขาทีมงาน
ทีมงานพยักหน้า “ครับ”
ความโกรธกระโดดข้ามไปอยู่บนใบหน้าของหม่าซิงตง เขาถามว่า “ไฟล์ที่เขาถ่ายอยู่ที่ไหน? เขาได้ให้ไว้หรือเปล่า?”
“ครับ เขาส่งข้อมูลสำรองไว้ให้ครับ ส่วนต้นฉบับเขาเอากลับไปด้วย บอกว่าจะต้องส่งมอบให้กับผู้จัดการหลี่ตรวจสอบ หลังจากรีทัชภาพแล้ว” ทีมงานตอบกลับ
ส่งแต่ข้อมูลสำรองไว้เท่านั้น และยังบอกอีกว่าจะรีทัชรูปถ่ายด้วยตนเอง จากนั้นจะส่งให้หลี่รู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหอไป๋ต้องการให้เธอปกป้องเขา! หม่าซิงตงรูสึกโกรธ แต่แสร้งแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยความไม่พอใจที่ หลิวฮวานฮวานยังคงอยู่ที่นั่น และเขาอาจถูกคนนอกหัวเราะเยอะจึงพูดว่า
“ฉันเข้าใจแล้ว ให้เขาทำตามที่ต้องการเถอะ วันนี้เขาถ่ายภาพเป็นครั้งแรก จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะกังวลและไม่มั่นใจ ขอให้ผู้จัดการหลี่ตรวจสอบจะช่วยได้”
หลิวฮวานฮวานก้มศีรษะและสางผมของเธอ ยิ้มอย่างดูถูก
ปรากฏว่าเหอไป๋เพิ่งจะถ่ายภาพเป็นครั้งแรก แล้วยังเป็นพาร์ทไทม์อีก ฮึ เดิมทีเธอคิดว่าเหอไป๋เป็นช่างภาพฝีมือดีแต่กลับคิดผิด แท้จริงแล้วทำไมแย่ ๆ แบบนี้ถึงสามารถทำงานอดิเรกที่ต้องใช้เงินอย่างการถ่ายภาพได้นะ?
รูปภาพของหยางฟู่จะต้องเลอะเทอะ
หลิวฮวานฮวานปิดปากของเธอ ด้วยมือข้างหนึ่ง เพื่อแสร้างทำเป็นหาว
หลิวฮวานฮวานพยายามอย่างยิ่งที่จะอดกลั้นไม่ให้ยิ้ม เธอมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ ที่จะขึ้นแทนที่หยางฟู่ในตอนนี้
………………
กล่าวคำอำลากับเหอไป๋แล้ว เธอก็ขึ้นรถที่ครอบครัวของเธอส่งมารับ หยางฟู่ตื่นเต้นอย่างมาก เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของคุณป้าแล้วพูดว่า “ป้าคะ วันนี้ฉันเจอช่างภาพที่น่ารักและมีฝีมือมาก! เห็นรูปถ่ายที่เขาถ่ายกับฉัน ฉันเหมือนเป็นนางฟ้าที่อยู่บนท้องฟ้า! ฉันได้ยินมาว่าป้าขาดช่างภาพถ่ายเสื้อผ้า ฉันจะแนะนำเขาให้คุณค่ะ พูดตามตรงเลย เขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยม อดทนและมีน้ำใจ นอกจากนี้เขายังมีลักยิ้มที่ข้างแก้มด้วย ถ้าฉันยังไม่มีคู่หมั้นฉันจีบเขาไปแล้วล่ะค่ะ”
จู้เค่อรับสายขณะที่นั่งดูคู่มือผลิตภัณฑ์ที่ลูกน้องของเธอส่งมาให้ เธอตอบยิ้ม ๆ “เขาดีอย่างที่เธอพูดจริง ๆ หรือเปล่า? เซฮังมาได้ยินเข้าคงอิจฉาแย่ เป็นไงปรับตัวเข้ากับสถานี Five ได้รึยัง? จำที่ฉันบอกได้ไหม ถ้าเธอไม่โอเค ฉันจะให้เธอย้ายไปสถานีอื่น พ่อของเธอเป็นถึงหัวหน้าสถานี อย่าปล่อยให้ทรัพยากรดี ๆ แบบนี้สูญเปล่าล่ะ”
“ฉันปรับตัวได้ค่ะ” หยางฟู่เอนกายที่เบาะหลังของรถ เมื่อนถึงการกระทำที่น่าสะอิดสะเอียนของหลิวฮวานฮวาน เธอพึมพำพร้อมกับย่นจมูก “เพื่อนร่วมงานก็ดีค่ะ และการจัดรายการเด็ก มีแต่ความสุข แต่ว่า…”
จู้เค่อฟังเธอพูดอย่างอดทน เมื่อดุคอลัมน์ว่างสำรหับช่างภาพเสื้อผ้าในคู่มือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เสื้อผ้าของสาววัยรุ่นที่เพิ่งเปิดตัว เธอก็อดถอนหายใจไม่ได้
ไม่ใช่สายรุ้งและผีเสื้อทั้งหมด ที่บริษัทจะสามารถสร้างมาได้อย่างรวดเร็ว พรสวรรค์ใหม่ ๆ พิสูจน์ได้ยาก