(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 18
ผู้รับผิดชอบมองไปที่หม่าซิงตง จากนั้นมองไปที่เด็กผู้หญิงสองคนนี้ที่กำลังสับสนอยู่ข้างหลังเขา และรู้สึกอึดอัดใจ
” รีบตัดสินใจเร็วเข้า เวลาไม่รอใครหรอกนะ” หม่าซิงตงเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบตัดสินใจดูหมิ่นเขาอยู่ในใจ ที่เห็นความลังเลใจของผู้รับผิดชอบในเวลานี้ ‘แค่ผู้หญิงพนักงานใหม่ ทำไมต้องมาถ่ายรูปจริงจัง ทำไมเขาถึงลังเลขนาดนี้? ผู้รับผิดชอบไม่เชื่อที่เขาพูดหรือ?’
คนที่รับผิดชอบขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเรื่องนี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันไปหาเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วถามว่า “ใครอยากให้คุณหม่าถ่ายให้ และใครอยากให้ช่างภาพคนใหม่ถ่ายให้”
ด้วยเหตุนี้ตัวเลือกจึงถูกโอนไปยังเด็กผู้หญิงทั้งสองคนที่กำลังจะถ่ายรูป สายตาของคนที่อยู่ตรงนั้นย้ายไปจับจ้องที่สองสาว สองสาวต่างหันมองหน้ากัน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งผมหางม้าขยับตัวลำลังจะพูด เด็กผู้หญิงอีกคนก้าวไปข้างหน้าและพูดเบา ๆ ว่า “ขอให้ฉันถ่ายกับคุณหม่าเถอะค่ะ เสี่ยวฟู่น่ารักกว่าฉัน เธอดูสวยทุกมุม” จากนั้นเธอก็ยิ้มให้กับหญิงสาวผมหางม้า มองไปที่ผู้รับผิดชอบด้วยดวงตาที่สดใสของเธอ พร้อมกับใช้นิ้วคล้องคอของเธอช้า ๆ
นั่นคือบัตรผ่านของทีมโปรเจ็กที่โฮสต์ตู๋เห่าสมัครให้เธอเป็นพิเศษ สำหรับกลุ่มคนที่เข้ามาทำงานในสถานีแห่งนี้เวลาเดียวกับเธอ มีเพียงเธอเท่านั้นที่มีบัตรผ่านนี้
พิธีกรหนุ่มจากช่องอื่นที่ถ่ายทำเสร็จแล้ว กำลังจะเดินทางกลับ ก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ จากนั้นพิธีกรสาวก็ถูกหุ้นส่วนของเธอดึงตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว
คนรับผิดชอบขมวดคิ้วแน่นขึ้นแทนที่จะตอบเธอ เขามองหญิงสาวผมหางม้าแล้วถามเบา ๆ ว่า “แล้วคุณล่ะ? หากตกลงกันไม่ได้ ฉันจะให้พวกคุณจับสลากแทนล่ะกัน”
หญิงสาวอีกคนหยุดเล่นบัตรของตนและเริ่มทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“ไม่เป็นไรคะ ฉันจะถ่ายกับช่างภาพใหม่เอง ฮวานฮวานเป็นตัวหลักสำหรับโปรแกรมถัดไปอยู่แล้ว ภาพที่ระลึกของเธอจะอยู่บนปฏิทินตั้งโต๊ะของสถานีโทรทัศน์ ถือเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ฉันเชื่อในความสามารถของช่างภาพของ Saint Elephant คนที่คุณหม่าแนะนำต้องเป็นช่างภาพฝีมือดีเช่นกัน” หญิงสาวผมหางม้าตอบด้วยรอยยิ้ม เธอเข้าควบคุมสถานการณ์ที่น่าอับอายในเวลานี้อย่างแข็งขัน และยังแอบชมคนของ Saint Elephant ที่ถูกบังคับให้ทำงานล่วงเวลาอีกด้วย
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น เหอไป๋ยิ้มโดยที่ปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย ความชื่นชมปรากฎในแววตาของเขา
‘สาวน้อยคนนี้มี EQ สูง เมื่อเทียบกับเธอแล้วการแสดงที่หงุดหงิดของฮวานฮวาน นั้นไม่น่าสนใจเลย’
เห็นได้ชัดว่าผู้คนต่างคิดเช่นเดียวกันกับเขา ในเวลานี้พวกเขามองไปที่หลิวฮวานฮวานด้วยท่าทีแปลกไป
“เอาล่ะ หลิวฮวานฮวานตามคุณหม่าไป ส่วนเสี่ยวฟู่ตามช่างภาพคนใหม่ไป” ผู้รับผิดชอบตัดสินใจแล้วมองหญิงสาวผมหางม้าเบา ๆ เขาไม่สนใจหลิวฮวานฮวานและคุยกับหม่าซิงตง “คุณหม่า แล้วใครเป็นช่างภาพคนใหม่ที่คุณพูดถึงเมื่อกี้ล่ะ? ฉันอยากจะคุยกับเขาก่อนที่จะถ่ายภาพให้เสี่ยวฟู่ เสี่ยวฟู่เขาทำรายการเกี่ยวกับเด็กน่ะ มีบางจุดที่อยากให้โฟกัสเป็นพิเศษน่ะ”
หม่าซิงตงตั้งใจจะอวดหลานชายต่อหน้าผู้คน หลังจากได้ยินคำถามนี้เขาก็พูดคุยกับคนรับผิดชอบเรื่องโปรแกรม มองกลับไปที่หม่าชุนและโบกมือให้หม่าชุน เพื่อก้าวมาข้างหน้าและกล่าวทักทายผู้รับผิดชอบ
ในขณะนี้คนของ Saint Elephant คิดว่าหม่าชุนโชคดีมากที่ได้รับโอกาสนี้ อย่างไรก็ตามหม่าชุนรู้สึกกระวนกระวายใจ หม่าซิงตงบอกว่าเขาจะปล่อยให้หม่าชุนลองดู นั่นหมายความว่าจะให้หม่าชนตามหม่าซิงตงไปถ่ายรูป ภาพถ่ายที่จะส่งในที่สุดจะต้องอยู่ภายใต้ชื่อของหม่าซิงตง หากหม่าชุนทำงานได้ดีจะมีการเลือกและส่งรูปถ่ายของเขาหนึ่งหรือสองรูป เป็นการเรียนการสอนแบบตรงจุดจริงเชียว อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ตอนนี้ เขาวางแผนที่จะใช้ภาพถ่ายของหม่าชุนโดยตรง ภาพที่เขาถ่ายด้วยตนเอง ไม่ว่าภาพถ่ายจะดีหรือไม่ ก็ไม่มีเวลาถ่ายใหม่ได้อีกเลย นอกจากนี้ภาพถ่ายที่ถ่ายในครั้งนี้ สุดท้ายแล้วจะถูกพิมพ์ในอัลบั้มลายเซ็นของสถานีโทรทัศน์ ถ้าหม่าชุนล้มเหลวมันจะกลายเป็นอดีตที่มืดมนของเขาอย่างแน่นอนหลังจากที่เขาพัฒนาฝีมือในอนาคตแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพื่อให้ลุงของเขาเป็นผู้สอนเขาในฐานะช่างภาพโดยเร็วที่สุด ภาพถ่ายที่เขาส่งให้ลุงของเขา ในสองครั้งแรกนั้นเป็นฝีมือของคนอื่น ความจริงแล้วฝีมือการถ่ายภาพของเขานั้น….
“ชุนมาทางนี้” หม่าซิงตงมองเขาด้วยรอยยิ้มด้วยความมั่นใจในตัวเขา
หม่าชุนรู้สึกแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเหลืองมองไปที่เหอไป๋ที่ยืนอยู่ด้านนอก และมองดูเขา คนที่ได้พูดคุยโอ้อวดโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ลึกซึ้งก่อน
“ลุงครับ กำลังเรียกหาเหอไป๋หรือเปล่า? ฉันเห็นอยู่แถวนี้ รอสักครู่นะครับ ฉันจะไปพาเขามาให้เร็วที่สุด” จากนั้นเขาก็แสร้งทำเป็นมองไปรอบ ๆ และโบกมือให้เหอไป๋อย่างหลงใหล “เอ้า มานี่ ถึงตาคุณถ่ายภาพแล้ว อย่าทำให้ผิดหวังกัความไว้วางใจของคุณหลี่ล่ะ”
ผู้คนของ Saint Elephant ต่างก็งงงวย
ดวงตาของหลินรุ่ยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น? หม่าชุนเป็นบ้าอะไรหรือเปล่า?”
เหอไป๋ก็สับสนเช่นกัน เขานำกระเป๋ากล้อของเขามาและลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่ ผมเข้าใจผิดคุณหม่าผิดหรือเปล่า? อันที่จริงเขาอยากเปิดโอกาสให้ผมมากกว่าใคร”
หลินรุ่ยสายหน้าอย่างงงงวย
“เร็วเข้า ๆ เราต้องทำงานแข่งกับเวลานะ” หม่าชุนวิ่งไปอย่างกระตือรือร้น ดึงเหอไป๋ออกมา และนำเขาไปยืนอยู่ต่อหน้าคนรับผิดชอบโดยไม่เปิดโอกาสให้เหอไป๋ปฏิเสธและกล่าวแนะนำ “เขาเป็นช่างภาพใหม่ที่ลุงของผมพูดถึง เขาเป็นนักศึกษาหัวกระทิจากมหาวิทยาลัย Q เขามีพรสวรรค์พอตัวถึงขั้นทำให้ผู้บริหารปั้นมาเป็นการส่วนตัวเลย คุณคุยกับเขาได้ตามต้องการเลยครับ”
เมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น เหอไป๋ต้องปรับอารมณ์และโบกมือให้คนที่รับผิดชอบพูดอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อเหอไป๋ ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อถ่ายภาพให้ถูกใจสถานีโทรทัศน์ของคุณ”
ผู้รับผิดชอบรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นใบหน้าของเหอไป๋ หลังจากที่เขารู้ว่าเหอไป๋เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Q และเป็นคนที่ผู้บริหารปั้นขึ้นเป็นการส่วนตัว ผู้รับผิดชอบก็เข้าไปพูดคุยกับเหอไป๋ “สวัสดีครับ ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณ ผมจะอธิบายสิ่งที่คุณต้องใส่ใจระหว่างการถ่ายทำ เสี่ยวฟู่มานี่ มาคุยกันหน่อย”
หยางฟู่พูดอย่างรวดเร็วเดินไปใกล้กับพวกเขาและพวพวกเขาไปที่มุมเงียบ ๆ เพื่อคุยกันต่อ
ทันทีที่พวกเขาจากไป มีเพียงหลิวฮวานฮวานที่ตกใจเมื่อเห็นเหอไป๋
หม่าชุนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและลอบมองไปที่หม่าซิงตงที่ทำหน้างุนงงและไม่มีความสุข โดยที่คนบริเวณนั้นทั้งหมดไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทีมแต่งหน้าและทีมคอสตูมมานี่หน่อย พากคุณหลิวฮวานฮวานไปแต่งหน้าและเปลี่ยนชุด” หม่าซิงตงเป็นคนแรกที่กลับเข้าสู่โหมดปกติและออกคำสั่งด้วยใบหน้าสงบ
ทุกคนต่างกลับสู่โหมดปกติและแยกย้ายกันไปทำงานที่วุ่นวายตามหน้าที่ ที่แตกต่างกันออกไป
ฟู่งชนแยกย้ายกันไปในชั่วอึดใจ หม่าซิงตงมองไปที่หม่าชุน ทำท่าทางบอกใบ้ว่าขอคุยเป็นการส่วนตัว
หม่าชุนเดินตามหม่าซิงตงไปด้วยความรู้สึกผิด
“เป็นอะไรไป? ไม่รู้รึไงว่าโอกาสแบบนี้หายากแค่ไหน? แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเพิ่งมาทำงาน แต่ภาพที่ระลึกของสถานีโทรทัศน์ไม่เหมือนคนอื่น มีคนได้เห็นจำนวนมาก ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยนะ นาย…” ในขณะที่การสนทนาดำเนินไป หม่าซิงตงกำลังโกรธแทบไม่สามารถระงับอารมณ์ที่กระวนกระวายใจได้
“ลุงครับ ผมขอโทษ” หม่าชุนขอโทษทันที จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้มที่เศร้าโศกเสียใจ” แต่คุณหลี่พอใจกับเหอไป๋… เธอให้ผมพาเหอไป๋มาทำงานที่นี่ก่อนที่จะออกเดินทาง ถ้าผมทำได้ไม่ดี ลุงก็จะเสียไปด้วย ลุงครับเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรรับปากคำขอของคุณหลี่โดยพลการ…”
การแสดงออกบนใบหน้าของหม่าซิงตงเปลี่ยนไป ในที่สุดดวงตาของเขาก็บูดบึ้งและด่ากรน “ฉันเข้าใจแล้ว หลี่รู่ขอให้นายดูแลเหอไป๋ เธอกลัวว่าฉันจะเข้าข้างสนับสนุนนาย แต่เขาเป็นแค่เด็กปีสอง เขาได้โอกาสนี้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม ฉันอยากเห็นว่าเขาจะลงเอยยังไง ชุน อนาคตก็อย่าโง่อีกล่ะ ในโลกนี้ คนที่ซื่อสัตย์มักจะถูกรังแก”
หม่าชุนตอบอย่างอ่อนโยนและอดไม่ได้ที่จะเกลียดเหอไป๋ในใจ
ช่างเป็นโอกาสที่ดี เหตุใดเขาจึงให้โอกาสเหอไป๋โดยไม่พิจารณาอย่างลึกซึ้งในเวลานั้น? ‘ฉันหวังว่าเหอไป๋คงจะวิตกอย่างมาก’
ลุงและหลานชายของตระกูลหม่าหมกมุ่นอยู่กับความคิดในการทำงาน ขณะที่เหอไป๋ได้รับความประทับใจจากผู้รับผิดชอบอย่างรวดเร็ว
“คุณนี่เก่งสมกับที่ได้รับความไว้วางใจ คุณเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว สอนเพียงเล็กน้อยเอง ฉันคาดว่าจะได้เห็นรูปถ่ายของคุณ”
เหอไป๋ยิ้มอย่างอาย ๆ “ขอบคุณที่อธิบายอย่างละเอียดครับ มั่นใจได้เลยครับ คุณหยางฟู่รูปร่างดี หน้าตาดี รูปถ่ายของเธอต้องออกมาสวยแน่ครับ”
หยางฟู่ยิ้มและพูดเบา ๆ ว่า “คุณเหอถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
ทั้งสามคนกล่าวชื่นชมกันและกัน บรรยากาศกลมกลืนจากนั้นก็ไปแต่งหน้า หลังจากที่หยางฟู่นั่งลง ผู้รับผิดชอบก็ทิ้งรอยยิ้มไว้บนใบหน้าของเขา เหอไป๋เข้าพบช่างแต่งหน้าและสื่อสารว่าเขาอยากจะให้แต่งหน้าออกมาแนวไหน จากนั้นเขาก็ถอยไปด้านหนึ่งและเริ่มเตรียมกล้องของเขา เขากำลังคิดว่าจะถ่ายภาพอย่งไรให้ดีในฉากที่สร้างโดย Saint Elephant
นี่เป็นครั้งแรกของเขาในการถ่ายภาพบุคคเชิงพาณิช์ ดังนั่นเขาจึงค่อนข้างกังวลว่าเขาอาจจะไม่สามารถทำงานที่ดี สำหรับภาพถ่ายที่ระลึกอันสำคัญเช่นนี้ได้ กระนั้นเมื่อโอกาสได้หล่นลงมาแล้ว แน่นอนว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่และพยายามส่งมอบภาพถ่ายที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้า
“เหอไป๋ใช่ไหม?”
เสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นหูดัขึ้นใกล้กับเหอไป๋ เหอไป๋หยุดการปรับค่ากล้องและหันไปทางเสียงนั้น
“เป็นคุณจริง ๆ ด้วย” หลิวฮวานฮวานเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าและกำลังจะแต่งหน้าให้เสร็จ เธอยิ้มให้เหอไป๋ยกมือขึ้นสางผมยุ่ง ๆ พลางพูดอย่างเขิน ๆ ว่า “ประหลาดใจจังที่ได้พบคุณที่นี่ คุณทำงานที่ Saint Elephant ตั้งแต่เมื่อไหร่? ได้เป็นช่างภาพด้วย วิเศษจริง ๆ”
เหอไป๋ยิ้มและถามอย่างสุภาพว่า “ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวฮวานฮวานแข็งกระด้าง จากนั้นเธอก็เอามือปิดปากและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณไม่รู้จักฉันเหรอ? ฉันเป็นเพื่อนกับจุนเจี๋ย หลิวฮวานฮวานจากฝ่ายกระจายเสียง เราเจอกันในงานวันเกิดของจุนเจี๋ยเมื่อปีที่แล้วไง”
ใช่พวเขาเคยพบกันมาก่อน หล่อนเป็น “เพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง” ของหนิวจุนเจี๋ย ในเวลานั้นเหอไป๋ที่น่าสงสารไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอ นับประสาอะไรกับการสนทนา จึงไม่แปลกหากจะกล่าวว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
เหอไป๋จำการพบกันครั้งนั้นได้ และยังนึกถึงหนิวจุนเจี๋ยที่ร้องไห้และอาเจียนหลังจากเมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาสุภาพขึ้นและเขาก็ส่ายหน้า “ขอโทษนะครับ จุนเจี๋ยเขาเป็นคนดี มีเพื่อนเยอะมาก ผมไม่รู้จักพวกเขาทั้งหมดหรอกครับ” เสียงทีมงานตะโกนเรียกให้หล่อนเข้าไปแต่งหน้าดังแทรกเข้ามา
หลิวฮวานฮวานรู้สึกอับอายเพราะเธอเป็นคนเริ่มเข้าไปคุยกับเขาก่อน แต่ถูกเหอไป๋ขับไล่ เมื่อนึกถึงหยางฟู่ที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ข้างหลังเธอ เธอต้องได้ยินบทสนทนานี้เป็นแน่
หลิวฮวานฮวานรู้สึกอับอายขึ้นภายในใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงคลี่ยิ้มและพูดอย่างเย็นชาว่า “เพื่อนของจุนเจี๋ยก็แบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ เช่นกันเหรอเนี้ย เป็นเรื่องปกติที่คุณไม่รู้จักฉัน เสี่ยวฟู่เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ฉันหวังว่าคุณเหอจะไม่ทำพลาดสำหรับการถ่ายภาพที่ระลึกของเธอ”
จากนั้นเธอก็หันหลังเดินจากไป หลังของเธอตั้งชันราวกับนกยูงที่ภูมิใจในชัยชนะของตนเอง
เหอไป๋รู้สึกขบขันกับปฏิกิริยาของเอ เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และส่งข้อความ wechat ถึงจุนเจี๋ย
เหอไป๋ : เจอแฟนเก่าของนายด้วย เมื่อก่อนนายตาบอดเสียจริง
เต๋อชูเหอกำลังอ่านสคริปต์ เมื่อเขาได้ยินเสียงดังจากแอป wechat เขาหยุดและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยท่าทางสบาย ๆ ก่อนจะแตะเปิด wechat แล้วเหลือบมองข้อความจากนั้นเขาก็พิมพ์ตอบอย่างรวดเร็ว
นกกระเรียนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง : แฟนเก่าของฉันเหรอ? ใครกัน?
เขาเป็นโสดมา 23 ปี จะให้มีแฟนเก่าได้ไง เหอไป๋ ลูกหมานี่ตีตราความไร้เดียงสาของเขา
เหอไป๋ : หลิวฮวานฮวาน นายลืมเธอได้ยังไงกัน?
“หลิวฮวานฮวานเหรอ? ทำไมชื่อนี้ดูไม่ค่อยคุ้นหูฉันเลย” เต๋อชูเหอขมวดคิ้วและพูดโดยไม่รู้ตัว
เจียงซิ่วเหวินนั่งอ่านรายงานอยู่ตรงข้ามกับเขา เงยหน้าขึ้นมองหลังจากได้ยินเรื่องนี้ก็สับสนเช่นกัน
“หลิวฮวานฮวานเหรอ? ไม่ใช่ชื่อของผู้ดำเนินรายการที่ติดตามนายในอดีตอย่างร้อนแรงคนนั้นหรอกหรือ ทำไมนายพูดถึงเธออีกครั้งล่ะ”
หลังจากได้รับการเตือนความทรงจำแล้ว เต๋อชูเหอก็จำได้ว่าหลิวฮวานฮวานคือใคร ใบหน้าของเขามืดมนในทันที เขามองไปที่ข้อความของเหอไป๋อีกครั้งด้วยใบหน้าบึ้งตึงและดวงตาเบลอ
ทำลูกหมาถึงรู้จักหลิวฮวานฮวาน และส่งข้อความมาที่บัญชี wechat นี้ นี่มันบัญชีปลอมของเขานี่ หรือนี่คือคำตอบของสาวน่ารักที่มีไอ้จ้อนขนาดใหญ่… เขารู้สึกแย่ โยนโทรศัพท์ลงทันทีแล้วยกมือขึ้นปิดหน้า