(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 16
มีรูปถ่ายสองชุดในกล่อง ชุดแรกมีลายเซ็นเต๋อชูเหอ และอีกชุดลงลายเซ็น เด็กชายเต๋อ
เหอไป๋ขมวดคิ้วเก็บรูปถ่ายที่เซ็นชื่อเต๋อชูเหอด้วยแรงโกรธ หลังจากนั้นเขาก็ออกไปหาซื้อกล่องใบใหม่สำหรับใส่ภาพถ่ายเหล่านั้นและรูปภาพที่เขาเคยแก้ไขไปด้วย จากนั้นเขาก็ส่งถ่ายรูปรูปเหล่านั้นส่งข้อความไปทาง wechat ให้กับผู้ซื้อ พร้อมกับขอบคุณสำหรับคำอวยพรวันเกิด
แทนที่จะได้รับคำตอบในทันทีเหมือนครั้งที่แล้ว เขารอสองนาทีแล้วก็ไร้วี่แววการตอบกับ เขาจึงวางโทรศัพท์ลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์เข้าไปไว้ในลิ้นชัก
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ในที่สุดเขาก็รู้สึกสดชื่อขึ้นมาบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นการมีบทเรียนเพียงไม่กี่บทเรียนในช่างบ่ายทำให้เขาต้องทบทวนล่วงหน้า เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดาวน์โหลดงานใหม่จาก Saint Elephant Studio
คราวนี้ Saint Elephant Studio ไม่ได้ส่งรูปถ่ายให้เขามากเท่าที่ผ่านมา มีเพียงห้าชุด แต่ละชุดมีภาพถ่ายหากภาพ และเขาคาดว่าจะทำเสร็จได้ในหนึ่งสัปดาห์
ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นภาพถ่ายบุคคล จากห้าคนในรูปถ่ายเหล่านั้น สามคนเป็นผู้ชายและผู้หญิงสองคน มีสองคนที่ดูคุ้นเคยกับเหอไป๋ หลังจากใช้ความพยายามในการค้นหาความทรงจำอยู่พักหนึ่ง เขาจำได้ว่าสองคนนั้นเป็นพิธีกรที่กำลังมาแรงของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของเมือง B ยงไงซะพวกเขาเป็นเพียงพิธีกรใหม่เพียงไม่กี่คนของสถานีโทรทัศน์
จากนั้นเขาก็เลือกรูปถ่ายออกมาหกรูปโดยทั้งหมดมีคนคนดียว เขาใช้โปรแกรม Photoshop ซูมเข้าไปที่บุคคลนั้น ในขณะที่จิตใจของเขาก็เริ่มวูบไหว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลี่รู่จะสัญญากับเขาว่าจะได้รับค่าคอมมิชั่นสูงขนาดี้ นั่นเพราะ Saint Elephant ได้จับมือกับสถานีโทรทัศน์ของเมือง B เท่าที่เขารู้ แม้ว่าสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าสถานีกลาง แต่ก็ยังอยู่ในอันดับต้น ๆ ด้วยทรัพยากรที่ดีและการสนับสนุนทางการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการแนะนำเรื่องต่าง ๆ และยังเป็นศูนย์ข่าวของเมือง
เขาจำได้ว่าหลิวฮวานฮวาน อดีตแฟนสาวของเหลาซาน ได้เซ็นสัญญากับสถานีโทรทัศน์ด้วย หลังจากใช้เส้นสายอยู่หลายต่อหลายครั้ง…
แต่หลิวฮวานฮวานอยู่ที่นั่นได้ไม่นาน และลาออกก่อนกำหนด หลังจากอยู่นอกสายตาไม่กี่ปี เธอก็ได้แต่งงานกับคนรวยที่เพิ่งจะหย่าร้างและมีประวัติการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุดครั้งหนึ่ง เธอกลับมาหาเหลาซาน ซึ่งเกือบทำให้ภรรยาของเขาเลิกกับเขา
การคิดถึงเรื่องซุบซิบในอดีตไม่ได้ทำให้สิ่งที่เขาทำช้าลง เขาลบข้อบกพร่องที่เห็นได้ชัดบางอย่างบนภาพถ่ายออกอย่างชำนาญ และปรับโทนสีโดยรวมใหม่ นอกจากนี้เขายังซูมเข้าไปที่ผู้คนเพื่อแก้ไขและเก็บรายละเอียดยิ่งขึ้น จากนั้นทำการแก้ซ้ำอีกครั้ง หลังจากเสร็จสิ้นเขาก็คลิกบันทึกและส่งไฟล์ที่แก้แล้วออกมา เมื่อใดก็ตามที่เขามีแรงบันดาลใจ เขาก็จะสร้างเวอร์ชั่นของงานตามรสนิยมทางสุนทรียภาพของเขามากขึ้น
เขาใช้เวลาสามวันในการทำงานทั้งหมดจนกระทั่งเสร็จ จากนั้นเขาก็ส่งรูปที่แก้ไขเหล่านั้นไปให้หลี่รู่ดู เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับการอนุมัติก่อนที่จะส่งอีเมลถึงบริษัท เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วเขาก็ถามหลี่รู่สำหรับงานใหม่ในสัปดาห์หน้า
หลี่รู่พอใจกับภาพถ่ายคุณภาพสูงและความเร็วในการทำงานของเขา และค่อนข้างประทับใจกับภาพถ่ายที่ได้รับการปรับแก้ของเขา เธอสนับสนุนให้เขาแก้ไขงานมากขึ้นและความคิดในการให้เขาสร้างสรรค์ผลงานในอนาคต ในขณะเดียวกันเธอสั่งมอบหมายงานสำหรับสามสัปดาห์ให้เขาในคราวเดียว และเสนอผลตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ เพื่อช่วยให้เขาได้รับโบนัสประจำเดือนนี้
เหอไป๋ฟังคำชมเชยอย่างระมัดระวัง จากนั้นในช่วงเวลาแห่งความสุขของเขา เต๋อชูเหอก็มักจะส่งข้อความหาเขาในขณะที่เขากำลังแก้ไขงาน!
….
ในช่วงสุดสัปดาห์ เต๋อชูเหอมาที่ Red Guest อีกครั้ง เขานั่งอ่านบทด้วยใบหน้าที่เหม่อลอย
“อะนี่ ของขวัญจากแฟนคลับหนุ่มคนนั้น” เจียงซิ่วเหวินวางกาแฟและกล่องลงแล้วนั่งตรงข้ามกับเขา ด้วยรูปลักษณ์ที่อ่านได้อย่างชัดเจนว่า
“ฉันต้องการให้นายออกไปได้แล้ว” เขาเขย่าขาด้วยความร้อนรน ถามว่า
“วันนี้นายทำอะไรอยู่ ฉันโทรหาให้นายมาเอากล่องนี้ไป นายไม่โผล่มาเลย นายไม่ได้คุยเรื่องบทกับพ่อของฉันเหรอ นายจะปล่อยให้โอกาสอันหายากนี้ผ่านไปและเดิมพันกับของฉันเหรอ?”
เต๋อชูเหอไม่สนใจเขาและยังมองลงไปที่กล่องบนโต๊ะ”
‘อืม นั่นหมายความอย่างไรกัน? ครั้งที่แล้วเขาตื่นเต้นมาก เมื่อได้รับของขวัญจากแฟนคลับ พวกเขามีเรื่องอะไรกันอยู่หรือเปล่า’
เจียงซิ่วเหวินทึ่งกับปฏิกิริยาของเขา หยุดสั่นขาและเอียงศีรษะเพื่อแอบมองเขา ในที่สุดเขาก็เอนตัวไปถามว่า
“เป็นไรหรือเปล่า? ของขวัญชิ้นนี้เป็นปัญหาเหรอ?”
เต๋อชูเหอยังคงจ้องไปที่กล่องด้วยความเงียบ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไร
สายตาของความเงียบของเขาทำให้เจียงซิ่วเหวินรู้สึกขนลุกและเขาก็เอื้อมมือไปที่กล่องอย่างกล้าหาญโดยคิดว่า
“ในนั้นมีอันตรายเหรอ? แต่ไม่น่าจะใช่นะ กล่องนี้อยู่ที่นี่มาสองสามวันแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…”
“อย่าแตะต้องมัน” เต๋อชูเหอ คว้ากล่องกลับมา
เจียงซิ่วเหวินหยุดมองไปทางที่เขาคว้ากล่องนั้นไว้ในอ้อมแขน จากนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจ นั่งตัวตรงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาทันทีด้วยความโกรธ เขาพูดด้วยน้ำเสียงช้า ๆ
“บอกฉันสิ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับนาย?”
กล่องนั้นเบามาก แต่เต๋อชูเหอรู้สึกว่ามันหนักไปหน่อยในมือของเขา เจากนั้นเขาก็ตอบด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“ฉันถูกแบล็คลิสต์ออนไลน์เข้าแล้ว” เป็นครั้งแรกที่เขาถูกแบล็คลิสต์ทางออนไลน์
“ใคร?” เจียงซิ่วเหวินถามด้วยน้ำเสียงที่น่ายินดีและด้วยความชื่นชมปรากฎบนใบหน้าของเขา
เต๋อชูเหอเงยหน้าขึ้นและจับจ้องเขาด้วยดวงตาคมกริบ
เจียงซิ่วเหวินเลี่ยงสายตาของเขา ไอด้วยเสียงต่ำ เพื่อปกปิดความเศร้าโศกในน้ำเสียของเขา เขาขมวดคิ้ว
“นั่นมันมากเกินไป เขากล้าดียังไง นั่นมัน…มากเกินไปจริง ๆ”
ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้
เต๋อชูเหอม้วนริมฝีปากขึ้น วางกล่องงในกระเป๋าเป้แล้วยกมือขึ้นเพื่อประคองใบหน้าของเขา เขาเอียงศีรษะเพื่อมองไปนอกหน้าต่างและพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจว่า
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ถูกแบล็คลิสต์ชั่วคราว เด็กหนุ่มก็ขี้งอนได้ในบางครั้ง ฉันเข้าใจดี”
เจียงซิ่วเหวินไม่สามารถจะส่งเสียงหวีดร้องออกมาได้
‘เออ เออ มองไปคางและใบหน้าที่บิดเบี้ยว ไหนจะคำพูดแบบนั้นอีก เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาโกรธเป็นอย่างมาก ต้องขอชื่นชมหนุ่มคนที่ขึ้นแบล็คลิสต์เขาคนนั้น’
โทรศัทพ์ส่งเสียงบี๊บขึ้น ทันใดนั้นเต๋อชูเหอก็ลุกขึ้นนั่งตรง หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ
ขาวและขาว : คุณไม่ได้ตอบกลับข้อความผมเลย คุณโอเคไหม? ได้รับรูปถ่ายหรือยัง? ปล.ตอนี้ผมแก้ไขรูปภาพของเต๋อชูเหอเพิ่มอีกสองสามรูปล่ะ คุณอยู่ที่ Red Guest หรือเปล่า? ผมอยู่ระหว่างทางไปถนน XX ถ้าคุณอยากได้เร็ว ๆ ผมเอาไปให้คุณได้นะ ^-^
เต๋อชูเหอขมวดคิ้ว
‘ตลกอะไรอย่างนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณผูกพันและเริ่มให้บริการจัดส่งถึงที่? เพียงแค่ผู้ซื้อคนหนึ่ง ทำไมต้องกระตือรือร้นด้วย? ทีกับฉันถึงขึ้นแบล็คลิสต์ แล้วไปใจดีกับเพื่อนใน wechat ที่ไม่เคยพบหน้า หนุ่มน้อยคุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงที่ถูกบล็อค’
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเขา เจียงซิ่วเหวินหยิโทรทัศน์ของเขาออกมาอย่างกังวลและถามอย่างระมัดระวังว่า “ชู..ชูเหอ นายเครียดเหรอ ไปหาหมอหน่อยไหม”
เต๋อชูเหอยังคงจ้องไปที่โทรศัทพ์
ขาวและขาว : เฮ้? คุณออนไลน์อยู่หรือเปล่า?
ขาวและขาว : ???
ขาวและขาว : @นกกระเรียนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง ?
ขาวและขาว : ชูชู (ชู หมายถึง ฤดูใบไม้ร่วงในภาษาจีน)? เฮ้?
หัวใจของเต๋อชูเหอเต้นผิดจังหวะนันที ความโกรธเกรี้ยวที่มีบนใบหน้าก่อนหน้านี้หายไปอย่างรวดเร็ว เขาม้วนริมฝีปากขึ้น เงยหน้ามองเจียงซิ่วเหวินและหยุดยิ้ม “เรียกชื่อฉัน” เขาพูดด้วยสายตาที่กระตือรือร้น
เจียงซิ่วเหวินกลืนน้ำลายในขณะที่กดนิ้วของเขาไปที่เลข “1” แล้วถาม “เรียกนาย? เต๋อ เต๋อชูเหอ?”
เต๋อชูเหอส่ายหน้า “ไม่ เรียกฉันด้วยชื่อเล่น”
เขายกนิ้วไปที่เลข “2” “ชูเหอ?”
เต๋อชูเหอจ้องไปที่เขา “นั่นคือชื่อเล่นของฉันเหรอ?”
เจียงซิ่วเหวินสูดหายใจอย่างสิ้นหวังและขยับนิ้วไปที่เลข “0”
(หมายเลข 120 คือหมายเลขฉุกเฉินในประเทศจีน)
เมื่อเขากดปุมเขาพูดว่า “ชูชู ฉันคิดว่านายต้องการหมอ”
“ไม่” ‘ลูกหมาตัวน้อยจะไม่เรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่เชื่อฟังแบบนี้!’
เมื่อคิดอย่างนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะก้าวออกไปหลังจากเก็บสคริปต์ลงในกระเป๋าเป้
เจียงซิ่วเหวินตัวแข็งค้างและกดปุ่มอื่นซึ่งทำให้เกิดเสียงบี๊บเตือนเขาวาเป็นหมายเลขที่ว่างเปล่า เขาลึกขึ้นเพ่อดึงเต๋อชูเหอกลับมา โดยพูดว่า”อย่าไปเลย ฉันคิดว่าช่วงนี้นายคงจะกดดันมากเกินไป งั้นก็ต้องพักผ่อน…”
ขาวและขาว : ดูเหมือนว่าคุณออฟไลน์อยู่ พอดีตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ ฉันเลยส่งให้คุณวันนี้ไม่ได้ ขอเลื่อนไปก่อนนะ ^-^
หลังจากได้ยินเสียงบี๊บ เต๋อชูเหอก็คว้าโทรศัพท์ของเขาและดูข้อความอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็หยุดหันหลังกลับไปที่หน้าต่าง
ที่ประตูของ Saint Elephant ฝั่งตรงข้าม เหอไป๋เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เขามองไปที่ผู้ชายตัวเตี้ย สามแว่นตาที่โผล่หน้าออกมาจากรถตู้จากนั้นก็จับจ้อง เขาค้นหาชื่อของชายคนนั้นในความทรงจำอย่างหนัก จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเป็นมิตรและพูดว่า
“พี่หม่า คุณหลี่ให้ฉันออกไปกับคุณใช่ไหม?”
“อืม” หม่าชุนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ เขาลงจากรถตู้ทันทีและเปิดประตูหลังให้เขา เช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาที่เคยมีหลังจากเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ เขากล่าวว่า
“สถานีโทรทัศน์ตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายที่จะถ่ายภาพพนักงานใหม่น่ะ แต่ทีมงานภาคสนามบางคนมีหน้าที่อื่น ทำให้คนไม่พอน่ะสิ คุณหลี่เลยส่งทีมตัดต่อมาให้ คุณหลี่บอกว่านายถ่ายภาพได้ดีทีเดียว ถ้านายชอบก็มาทำงานกับฉันได้ นายจะได้ค่าจ้างสำหรับงานล่วงเวลา รวมทั้งค่าเดินทางและค่าอาหาร ไม่บังคับหรอกนะ จะมาทำด้วยกันไหมล่ะ? สถานที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ สวนสาธารณะหลี่หู อยู่ไม่ไกลและวิวดีมาก ฉันแนะนำให้นายมาลองทำงานกับเรา ถ้านายว่างนะ”
“อีกอย่าง นายยังเด็ก การใช้เวลาในสนามจะทำให้นายทำได้ดีขึ้น”
สมาชิกคนอื่นในทีมตัดต่อโผล่หน้าออกมาจากรถตู้ หลังจากทักทายเหอไป๋แล้วเขากล่าวต่อว่า
“นอกจากนี้ครั้งนี้คุณหม่าจะเป็นผู้นำทีมล่ะ ลุงของคุณหม่า เขาเป็นช่างภาพที่เก่งที่สุดใน Saint Elephant ฉันมันจะเห็นคุณถือกล้องอยู่เสมอ เดาว่าคุณอาจชอบการถ่ายภาพ ถ้าคุณไป คุณอาจได้เรียนรู้สักเรื่องสองเรื่องจากเขา”
เมื่อพวกเขาพูดจบ เหอไป๋ ก็พยักหน้า เขาคิดถึงวิธีที่หลี่รู่ดูแลเขามาตลอดและเขาก็ยิ้ม “ผมจะปล่อยผ่านโอกาสดี ๆ แบบนี้ได้ยังไครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมครับ”
“เราทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานที่นี่ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเราหรอก” หม่าชุนช่วยเขาปิดประตู ก่อนจะกลับไปที่ที่นั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยของตนเอง ในขณะที่ส่งสัญญาณให้คนขับรถขับไปข้างหน้า เขากล่าวว่า “ตราบใดที่นายทำงานหนัก นายก็จะมีโอกาสมากมายเช่นนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เหอไป๋ก็ยิ้มออกมาอย่างไม่สบายใจและแตะสายคล้องกล้องในมือ
หม่าชุนดูเป็นมิตร วิธีที่เขามองเหอไป๋ กับบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างออกไป…นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจเล็กน้อย
เต๋อชูเหอเฝ้าดูเหอไป๋ขึ้นรถตู้และออกไป เขาพยายามกลั้นความรู้สึก แต่ก็ล้มเหลว เม้มริมฝีปากด้วยความเยาะเย้ย
เจียงซิ่วเหวินที่ยืนอยู่ห่างจากเขาถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ชูเหอ โรงพยาบาลอยู่ใกล้มากเลย เราลองไปที่นั่นกันหน่อยไหม?”
เต๋อชูเหอมองกลับมาที่เขาและก้าวกลับไปที่โซฟา เขาวางกระเป๋าเป้สะพายหลังเพื่อหยิบสคริปต์ออกมา เมื่อก้มศีรษะลงเขาก็ซึมซับกับบทนี้อย่างสมบูรณ์ ท่าทางสง่างามและอารมณ์อ่อนโยนที่เห็นได้ชัดในวิธีที่เขาพลิกดูบทนั้นตรงกันข้ามกับท่าทางที่โกรธเกรี้ยวของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างถนนในตอนนี้
เจียงซิ่วเหวิน : “ฉันเข้าใจว่า…มันเป็นโรคจิตเภท”