(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 13
นกกระเรียนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง : แต่ฉันรู้ว่าพ่อแสดงความลำเอียงเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อแม่เลี้ยงกลับมา ฉันก็จะถูกมองว่าเป็นคนนอกในครอบครัวตามเคย เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ
เหอไป๋นั่งหลังตรง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจแล้วชั่งใจที่จะพิมพ์
ขาวและขาว : การได้รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของเต๋อชูเจ๋อ ไม่ใช่เรื่องากสำหรับฉัน ถ้าฉันให้เป็นของขวัญ คุณจะรู้สึกมีความสุขขึ้นกว่านี้ไหม?
เต๋อชูเหอหันศีรษะมองไปนอกหน้าต่าง และเห็นฉินหลี่กำลังลงจากรถที่สนามหน้าบ้าน ลมหายใจแห่งความบับคั้นถูกหายใจออกมาจากหน้าอของเขา ซึ่งอยู่ในความคิดของเขาตั้งแต่เขากลับบ้าน ด้วยรอยยิ้มบนปากของเขา
ชูเหอหยิบโทรศัพ์ขึ้นมาอีกครั้งและพิมพ์ต่อไปว่า
นกกระเรียนที่เกิดในฤดูใบไม้ร่วง : ฉันรู้สึกเศร้าอีกแล้ว มีเพียงกอดและจูบของคุณเท่านั้นที่จะทำให้ฉันมีกำลังใจ
เหอไป๋เลิกคิ้วจ้องหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลานานด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นเขาก็ยื่นนิ้วออไปหนึ่งนิ้วและจิ้มที่แป้นพิมพ์อย่างแรง
ขาวและขาว : เด็กที่แสดงอารมณ์ไม่ดี ไม่ใช่เด็กดีหรอกนะ โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็แค่ออกอาการไปอย่างนั้น สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็แค่ดิ้นไปดิ้นมาและกรีดร้อง
เต๋อชูเหอรู้สึกยินดีอย่างมากในทันที เมื่อต้องจินตนาการถึงการแสดงออกที่บิดเบี้ยวของ ขาวและขาว เมื่อพิมพ์ประโยคนั้น ทำให้ร่างของเขามีพลังเหลือเฟืออีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงเดประตูเบา ๆ
เขารีบวางโทรศัพท์มือถือของเลงและเดินไปหาเฉินหลี่ที่ประตู
เฉินหลี่เป็นผู้หญิงที่สวย สูงและบอบบาง เวลาดูเหมือนจะทำให้เธอได้รับการปฏิบัติที่พิเศษเหลือเพียงความเป็นผู้ใหญ่และความมีเสน่ห์ เช่นเดียวกับไวน์ล้ำค่าหนึ่งขวดยิ่งเธอมีอายุมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเท่านั้น
“กลับมาแล้วเหรอ” เธอปัดเส้นผมที่ร่วงหล่นออกจากหูของเธอ ทักทายเต๋อชูเหอ ด้วยความอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ยื่นเอกสารให้เขา
“รองประธานบอกฉันว่าพ่อของเธอต้องการสัญญาของเธอเป็นการเร่งด่วน ฉันเลยยกเลิกประชุมเพื่อมาส่งให้ แล้วนี่พ่อของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ห้องของชุนหัวครับ จู่ ๆ เธอก็ล้มป่วยและโทรเรียกหมดประจำตระกูลมาแล้ว พ่อเป็นห่วงเธอ เลยเฝ้าดูเธอที่ข้างเตียง”
เต๋อชูเหอยังแสร้งทำตัวอ่อนโยนหยิบเอกสารและตอบด้วยความรู้สึกิดว่า “มันเป็นความผิดของผมเองครับ ถ้าผมไม่กลับมาทันที เธอคงไม่โกรธแบบนี้ ขอบคุณที่ส่งเอกสารให้ผม ที่จริงคุณให้คนอื่นทำแทนก็ได้ งานต้องมาก่อนอยู่แล้วครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่เกี่ยวกับเธอ ชุนหัวเองก็เป็นโมโหง่าย” เฉินหลี่ตบไหล่เขาเป็นการปลอบโยน ส่ายหน้าและถอนหายใจ
“ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าเธอทำผิดปกติอะไร วันนี้เธอดูแปลกมาก ครูของเธอแจ้งว่าเธอมักจะทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้น วัยรุ่นมักจะอ่อนไหวมากเกนไปโดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ฉันขอโทษจริง ๆ ที่เธอเป็นคนที่ต้อทนทุกข์นะชูเหอ”
เมื่อมองไปที่การแสดงออกในฉากที่สมบูรณ์แบบของเธอ
เต๋อชูเหอแสดงความเห็นชอบในฝีมือการแสดงของเธอจากใจจริง จากนั้นก็แสดงความรู้สึกอ้างว้างเล็กน้อยตอบเธอ หลังจากที่เงียบไปสักพัก
“ไม่เป็นไรครับป้าเฉิน.. ผมส่งสัยว่ามีใครบางคนที่ใกล้ชิดกับชุนหัว แล้วยุแยงให้เธอไม่ลงรอยกับผม ครั้งสุดท้ายที่เรากลับบ้านด้วยกัน จู่ ๆ เธอก็ไล่ผมลงรถ แล้วประกาศแบล็คลิสต์ผม เพราะไม่อยากให้พ่อต้องหงุดหงิด ผมเลยไม่ได้อกเรื่องนี้กับพ่อ โชคดีที่คนขับรถหลี่เป็นคนฉลาด เลยไม่ได้บอกอะไรกับพ่อ”
เฉินหลี่ขมวดคิ้วของเธอเล็กน้อยจากนั้นมองไปที่บันไดบนชั้นสองอย่างสงบแล้วก้มศีรษะและดึงผมออกไป ความโกรธพุ่งพล่านเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น มองอีกครั้งพร้อมกับเปล่งเสียงว่า
“เธอกล้าให้เธอลงจากรถได้ยังไง? เธอเอาแต่ใจมากเกินไปแล้ว โอ้…เป็นเรื่อที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่เธอจะทำเช่นนั้น ฉันจะขึ้นไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง”
“อย่าเลยครับป้าเฉิน!” เต๋อชูเหอกีดกันเธออย่างรวดเร็ว เขาดูนิ่งมาก แต่จริง ๆ แล้วเขาดึงมือเธอแรงมาก จากนั้นพูดโน้มน้าวเธอต่อไป
“ชุนหัวถูกใครบางคนยุแยง ทำให้เธอเรียกผมว่า ไอ้สารเลว หรือกล่าวหาว่าผมถูกขึ้นแบล็คลิสต์ ต้องเป็นเพราะใครบางคนอยากให้เราไม่ลงรอยกัน หากคุณตกอยู่ในความโกรธเช่นนี้ ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เขาต้องการเอานะครับ ปัจจุบันคณะกรรมการบริหารในฮวานตู๋อยู่ในภาวะย่ำแย่ ทำให้พ่อต้องทำงานยากขึ้น ผมสงสัยว่ามันเกิดจากใครสักคนที่มีอำนาจระดับหนึ่ง ชุนหัวยังเด็ก คุณมีเวลามากมายที่จะสอนเธอ อย่างไรก็ตามคุณควรตรวจสอบคนรอบ ๆ เซียะซงให้ดี แม้แต่ชุนหัวยังถูกล่อลวง คนร้ายต้องไม่ปล่อยเซียะซงไว้แน่ ยิ่งเขาเป็นว่าที่คณะกรรมด้วยแล้ว ต้องมีคนไม่ดีอยู่รอบตัวเขา”
เฉินหลี่รู้สึกตกใจกับคำพูดที่ทองทะลุปรุโปร่งของเต๋อชูเหออย่างเห็นได้ชัดว่าคนร้ายที่เขาพูดถึงนั้นไม่มีใครนอกจากเธอ นอจากนี้เขายังพูดถึงความปั่นป่วนในฮวานตู๋ รวมถึงความเครียดของเต๋อเปียมในการจัดการบริษัท ในตอนแรก จากนั้นเรียกว่ากรรมการให้ความสำคัญกับเซียะซงว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบและสิ่งที่ไม่ควรผิดพลา
เขา เขาพยายามจะสร้างความขัดแย้งระหว่างเต๋อเปียมกับเธอเหรอ
ในที่สุดเธอก็พบว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกเลี้ยง เมื่อดวงตาของเธอลดลง เธอตรวจสอบการแสดงออกทางสีหน้าของเขาทีละนิด ด้วยสายตาที่สำคัญ และดึงมือของเธออก
“ชูเหอ ปล่อยฉัน เธอได้ยินข่าวลือมาจากที่ไหน? เธอไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ระวังอย่าให้คนอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการยุงยงด้วยล่ะ”
เต๋อชูเหอคลายมือของเขาออก และเอนตัวไปด้านหนึ่งเล็กน้อย โดยให้หลังติดกับบันได ความอ่อนโยนดั้งเดิมหายไปจากใบหน้าและรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียนเผยให้เห็น ขณะที่ร่างกายของเขาส่ายไปมา เขาชี้นิ้วไปที่ทิศทางของบันไดบนชั้นสองจากนั้นก็แสร้างทำเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง
เมื่อการแสดงออกของเฉินหลี่เปลี่ยนไปแล้ว เขาก็ขอโทษ
“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอย่างนั้น ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะข้ามหน้าคุณและมาขอให้พ่อยกเลิกให้ ผมพยายามติดต่อผู้ช่วยของคุณหลายครั้ง แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย ดังนั้น …แต่คุณไม่จำเป็นต้องกังวล หลังจากเสร็จสิ้น ผมจะพยายามมาเยี่ยมพ่อให้น้อยลง เพื่อไม่ให้คณะกรรมการมีปัญหามากขึ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หัวใจของเฉินหลี่แทบจะเต้นผิดจังหวะ กลอุบายของเขาสมบูรณ์แบบเพียงใด – หลีกเลี่ยงการเพ็งเล็ง จากนั้นมาขอผ่อนปรนเพื่อให้ได้เปรียบ! การคำนวณของเขาเพื่อขอความเห็นอกเห็นใจจากเต๋อเปียม และการโยนโคลานใส่เต๋อชูเหอไม่สามารถทำได้เลย ภายใต้คำพูดของเขา นอกจากนี้เขายังหว่านความบาดหมางระหว่างเธอกับเต๋อเปียมอีกด้วย! เขากลายเป็นคนที่เฉียบแหลมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอระงับความไม่พอใจ ยกมือข้างหนึ่งแตะผมของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“เด็กโง่ เป็นไปได้ยังไงที่ฉันจะโทษเธอแบบนี้ ปล่อยให้คณะกรรมการเป็นแบบนั้นไปเองเถอะ พวกเขาเนเพียงกลุ่มคนที่คอยแต่จะสร้างปัญหา ต่อไป เธอยังต้องเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งฮวานตู๋อย่างถูกต้อง”
เต๋อชูเหอยิ้มเช่นกัน เม่อเขาหลบมือของเธอโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับปิดรอยยิ้มของเขา
“คุณไม่จำเป็นต้องหลอกผมหรอก ผมใจว่าผมไม่มีโอกาสที่จะสืบทอดบริษัท การพูดเช่นนี้ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมขงผม แต่ตอนนี้ผมกำลังจะจากไป ผมอดเป็นห่วงพ่อไม่ได้”
ความปวดร้าววูบวาบค่อย ๆ ปรากฎขึ้นที่ปากของเขา
“ผมรู้สึกเหนื่อยมาก และไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมอายุ 15 ปี เกือบพิการจากอันธพาลนอกโรงเรียน ซึ่งพอ่ขอเขากายมาเป็นพ่อตาของผู้ช่วยของคุณ 6 ปีที่แล้วตอนที่ผมอายุ 17 ปี มีสุนัขตัวหนึ่งกัดที่ต้นขาผมระหว่างทางกลับบ้าน และตอนนี้เจ้าของสุนัขตัวนั้นก็เป็นตัวแทนพนักงานที่บริษัทของคุณ 4 ปีที่แล้ว ตอนผมอายุได้ 19 ปี เพื่อนร่วมห้องของผมล่อลวงให้ผมไปเที่ยวคลับและยื่นบุหรี่ผสมยาให้ผม แล้วต่อมาแม่ของเขาได้เข้าทำงานเป็นหัวหน้าร้านค้าเฉิน เมื่อ 3 ปีก่อน ผมได้เซ็นสัญญากับฮวานตู๋ เพียงเพื่อพบว่าคู่หูของผมเป็นคนที่มีนิสัยไม่น่าไว้วางใจ ไม่มีอะไรนอกจากหน้าตาน่ารัก ถ้าผมไม่ได้ลุยเดี่ยวล่วงหน้า ชื่อเสียงของผมก็คงถูกทำลายตั้งแต่นั้นมา ถึงอย่างนั้นพี่ชายของเขาที่เป็นคนร้ายก็ได้รับตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมของตระกูลเฉิน ตามคำเชิญของลูกพี่ลูกน้องของคุณ และหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมได้ทำให้หลานชายของสมาชิกในคณะกรรมการคนหนึ่งขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัว และถูกชี้นำโดยบุคคลนั้นที่เป็นแนวร่วมกับกรรมการคนอื่น ดังนั้นพ่อของผมเลยต้องยอมแพ้เรื่องของผม ผมไม่ใช่คนโง่ป้าเฉิน ทุกสิ่งที่คุณทำไม่สามารถหลีกหนีความสนใจของผมได้ แต่เพราะคุณเป็นที่พ่อของผมรัก ผมจึงเต็มใจปล่อยไปให้และช่วยปกปิดความผิดพลาดของคุณ แต่คุณไม่ควรแบล็คลิสต์หรือจงใจวางอุปสรรคขวางทางผม และปฏิเสธที่จะยกเลิกสัญญาของผม สิ่งที่ผมต้องการไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็นนักแสดง”
“เธอ…” เฉินหลี่ตกตะลึงกับคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขา
เมื่อนึกถึงร่างที่คลุมเครือที่ปรากฎขึ้นที่บันได เธอจึงไม่มีเวลาไตร่ตรองว่าเขารู้เรื่องเหล่านั้นได้อย่างไร โดยพูดอย่างเร่งรีบ
“ไร้สาระน่าชูเหอ ฉันสาบานได้ว่าไม่เคยตั้งใจที่จะขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์เธอ สิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้…”
“ตอนนี้คุณบอกว่าคุณไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับผมก็ไม่มีอะไรนอกจากจะเชื่ออย่างนั้น” เต๋อชูเหอขัดจังหวะเธอ
เขาหยิบเอกสารออกจากระเป๋าส่งให้เธอและพูดด้วยความเศร้าว่า
“มันเป็นเอกสารที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพ่อ ผมได้เซ็นชื่อไปแล้ว แต่ผมไม่กล้าเอาให้พ่อด้วยตัวเอง ผมไม่อยากทำให้เขาเสียใจมกาไปกว่านี้ รบกวนคุณเอาให้เขาด้วยครับ โปรดช่วยส่งเอกสารนี้ให้เขา แล้วปลอบโยนเขาแทนผมด้วย นอกจากนี้ขอขอบคุณนะครับที่ส่งสัญญาของผมคืนมาให้ ผมจะมอบจดหมายยกเลิกสัญญาให้กับทนายความของผม พร้อมกับส่งจดหมายและค่าปรับไปยังฮวานตู๋ จากนั้นผมหวังว่าเราทั้งคู่จะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับ ผมจะทำอาชีพนักแสดงต่อไป และคุรสามารถใส่ใจกับการดูแลเซียะซงให้ขึ้นตำแหน่งประธานของฮวานตู๋ในอนาคตได้เลยครับ ทั้งหมดที่ผมขอก็คือขอให้คุณหยุดขัดขวางผม”
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สำหรับเฉินหลี่
เอกสารที่เธออุตส่าห์หาวิธีทำมานาน ตอนนี้กลายเป็นสถานการณ์ที่ยากจะจัดการ ด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง เฉินหลี่จึงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องดำเนินการต่อไปโดยที่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธออธิบายว่า
“ชูเหอ เธอเข้าใจฉันผิด อาจมีใครปรุงแต่งเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วเอกสารนี้ เอามันกลับไปเถอะ อย่างที่บอกเลือดข้นกว่าน้ำ ความผูกพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อของเธอจะจบลงด้วยกระดาษเพียงใบเดียวได้อย่างไร ฉัน..”
“เอกสารนี้ยังไม่เพียงพอเหรอครับ ผมตัดขาดความสัมพันธ์กับพ่อไปแล้ว คุณต้องการอะไรอีก?” จู่ ๆ เต๋อชูเหอก็ขึ้นเสียงของเขาเพื่อขัดจังหวะเอ หัวใจของเขาเต้นแรง ดูเหมือนว่าเต๋อชูเหอ กำลังพยายามระงับอารมณ์ที่เจ็บปวดบางอย่าง จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงต่ำ
“ผมเข้าใจครับ ไม่แปลกใจที่คุณได้ชักชวนให้พ่อส่งผมไปเรียนเมืองนอก.. ป้าเฉินได้โปรดดูแลพ่อให้ดีด้วยนครับ เวลาต้องไปแล้ว”
“ชูเหอ!” เฉินหลี่เกือบจะร้องไห้ด้วยเสียงกรีดร้อง เธอก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือเขาและตะโกนใส่เขา
“เธอทำแบบนี้ไม่ได้ พวกเราคือครอครัว เมื่อความเข้าใจผิดเกิดขึ้น สิ่งที่เราต้องทำคือการทำให้ชัดเจนทันที พ่อของเธอและเธอจะมาแตกหักกัน ถ้าเธอจากไปแบบนี้” เธอค่อนข้างชัดเจนว่าเต๋อชูเหอไม่สามารถจากไปต่อหน้าต่อตาเธอได้
ถ้าเขาทำเช่นนั้น เธอแทบจะไม่สามารถกำจัดเรื่องที่เขากำลังใส่ร้ายเธอได้ และเอกสารที่เขาทิ้งไว้จะไม่มีผลอีกต่อไป แม้ว่าในที่สุดเธอจะเกลี้ยกล่อมและได้รับการยกโทษให้จากเต๋อเปียม แต่เขาจะรู้สึกอย่างยิ่งยวดตลอดกาลต่อเต๋อชูเหอ ลูกชายคนโตของเขาที่ได้รับความคับแค้นใจเช่นนี้ และเธอแทบจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้
เต๋อชูเหอหยุดชะงีกหันหลัง หายใจเข้าลึก ๆ ขับมือของเธอที่แขน ดึงมันลงช้า ๆ แล้วพูดด้วยน้ำตาคลอว่า
“คุณรู้ไหม ว่าจริง ๆ แล้วผมจะเรียกคุณว่าแม่ ตอนที่ผมอายุ 15 ขวบ โชคไม่ดีที่ผมได้ยินคุณคุยกับผู้ช่วยทางโทรศัพท์… คุณคงผิดหลัวที่ได้ข่าวว่าผมไม่ได้พิการไม่ใช่เหรอ? สำหรับชุนหัว เธอยังเด็กมาก ผมได้ยกเลิกข้อเรียกร้องต่อฮวานตู๋ไปแล้ว และพร้อมที่จะตัดความสัมพันธ์กับครอบครัว โปรดอย่าสอนสิ่งที่ผิดให้กับเธอเลย เธอควรจะเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักและบริสุทธิ์” หลังจากนั้นเขาก็จับมือเธอออกและก้าวไปสู่คืนที่มืดมิด
“ชู…”
ไม่นะ เธอทำเสร็จแล้ว…
เมื่อมองไปที่ประตูที่ว่างเปล่าและฟังเสียงฝีเท้าจากบันได
เฉินหลี่ก็ปิดตาของเธอด้วยความโกรธ
เต๋อชูเหอ ไอ้คนเลว! ดังสุภาษิตที่ว่า สุนัขเห่าไม่กัด เธอต้องยอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาด
……………..
เช้าตรู่ เหอไป่เดินออกจากอาคารหอพักหาวหนิง เมื่อได้รับบัตรประจำตัวนักศึกษาใบใหม่ เขาก็มุ่งหน้าไปที่โรงอาหาร
“อยากกินหมี่ซั่วของโรงอาหารทางเหนือ”
จู่ ๆ ร่างสูงเพรียวก็โผล่ออกมาจากทางเดินอื่น และเข้ามาใกล้เขามาขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
เหอไป๋ละสายตาและก้าวไปด้านข้างเพื่อลากเส้นระหว่างเขาทั้งสองคน
เต่อชูเหอเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ขึ้น มือขอเขาอยู่สอดไว้ในกระเป๋าและพึงพำขึ้น
“วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 23 ปีของฉันนะ”
เหอไป๋เอามือปิดหูเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย
“เมื่อวานฉันถูกครอบครัวไล่ออกมาล่ะ นอกจากนี้ฮวานตู๋ยังยกเลิกสัญญากับฉัน เรียกร้องค่าปรับจำนวนมาก บางครั้งฉันรู้สึกว่าชีวิตช่างน่าเบื่อเหลือเกิน… คุณรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนเราเมื่อพวกเขาตาย? จะมีอะไรให้ดื่มจริง ๆ หรือเปล่า?”
มีก้อนอะไรสักอย่างในลำคอของเหอไป๋ เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้
เขาหันไปอีกทาง ที่ทางแยกและก้าวไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อพบว่าคนที่มักจะเข้ามาใกล้เขาโดยไม่ทันตั้งตัว เหอไป๋หันศีรษะไปมองอย่างโกรธเกรี้ยว ไปที่เต๋อชูเหอ
“คุณไม่ใช่คนที่อยากกินหมี่ซั่วหรอกเหรอ? ไปกินสิ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดเต๋อชูเหอก็ตกตะลึง พร้อมกับท่าทางของเขาที่ปกคลุมด้วยปีกหมวดของเขา จากนั้นเขาก็ยิ้มยกหมวกและก้าวไปข้างหน้า
“ตอบแทนบุญคุณของคุณ ฉันจะให้อะไรคุณเป็นของขวัญ รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นขอฉันเป็นไง คุณเคยบอกว่าลายเซ็นของฉันสามารถขายได้ 10,000 หยวนในอนาคตนี่ นับประสาอะไรกับรูปถ่ายที่มีลายเซ็นของฉันจะต้องขายได้ดีกว่า ปาปารัสซีน้อย คุณคิดอย่างนั้นใช่ไหม?”
เหอไป๋ : “…”
เขาอยากจะเอาชนะราชาจอเงินคนนี้ให้ได้จริง ๆ เลย