(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 10
ด้วยคอมพิวเตอร์ที่ได้การสนับสนุนจากหนิวจุนเจี๋ย เหอไป๋จึงเข้าสู่โหมดการทำงานตัดต่ออย่างเต็มรูปแบบ
เงินเดือนที่ทาง Saint Elephant Studio เสนอให้ มีเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่นจากการรีทัชภาพถ่าย ทว่าเขาเป็นพนักงานใหม่ และทำงานนอกเวลา ดังนั้นเขาจะได้รับเงินเดือนเพียง 1,200 หยวน และอาจจะถูกหัก หากเขาไม่สามารถรีทัชจำนวนภาพขั้นต่ำที่ได้ตกลงไว้กับทางบริษัท แต่โชคดีที่จำนวนขั้นต่ำไม่มากนั้นเขาจึงสามารถทำงานได้อย่างสบาย
ค่าคอมมิชชั่นสำหรับการรีทัชนั้นแตกต่างกันไป การรีทัชงานที่ต้องใช้ประสบการณ์สูงในแต่ละงานจะได้รับเงินตั้งแต่ไม่กี่ร้อย ไปจนถึงหลายพันต่อรูปหนึ่งใบ แต่สำหรับมือใหม่อย่างเขา สตูดิโอถ่ายมักจะมีเงื่อนไขที่จะให้ค่าตอบแทนเพียง 1 หยวนโดยไม่อาจโต้แย้งได้ โชคดีที่หลี่รู่เป็นคนใจกว่าง ดังนั้นค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำที่เหอไป๋จะได้รับคือ 10 หยวน
ผู้ที่แก้ไขงานอย่างรวดเร็ว สามารถแก้ไขภาพถ่ายได้สองถึงสามร้อยรูปในวันเดียว ดังนั้นหากเราสามารถทำได้อย่างนั้น รายได้ก็จะมากตามไปด้วย แต่ก็น่าจะเหนื่อยไม่ใช่น้อยเช่นกัน เหอไป๋ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานนี้เป็นเวลานาน และเมื่อเขาสามารถหาเงินให้ครอบคลุมค่าครองชีพตลอดช่วงวันหยุดฤดูร้อนและจ่ายค่าเทอมในเทอมหน้า เขาก็จะเลิกทำงานนี้แล้ว
งานที่ Saint Elephant มอบให้กับเขา เป็นภาพถ่ายบุคคลเสียส่วนใหญ่ ในบรรดาภาพบุคคลส่วนใหญ่จะเป็นภาพเด็กทารกและภาพถ่ายโฆษณาที่เน้นทิวทัศน์เป็นส่วนเล็ก ๆ งานนี้ไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมากมายนัก และเขาสามารถจัดการกับภาพถ่ายนี้ได้หลายสิบภาพในหนึ่งวัน หากในวันนั้นมีคาบเรียนไม่มากนัก เขาจึงหารายได้ได้ดีพอควร
หลังจากเก็บภาพที่ปรับแต่งแล้วในวันนี้และอัปโหลดไปยังอีเมล เหอไป๋ก็ยืดตัวขึ้น เมื่อสังเกตเห็นว่าเวลาล่วงเลยมาถึงเวลา 23.30 น. แล้ว เขารีบปิดคอมพิวเตอร์อาบน้ำและเข้านอน
ในช่วงสุดสัปดาห์เหอไป๋มาที่ Saint Elephant Studio เพื่อจัดการขั้นตอนการรับสมัคร ที่เขาไม่มีเวลาได้จัดการในสัปดาห์ที่แล้ว
“อ่า สวัสดีเสียวเหอ” หลี่รู่เดินออกมาจากห้องทำงานที่ชั้นสองยืนอยู่ข้างราวจับโบกมือให้เขาด้วยรอยยิ้ม “มาสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เมื่อสังเกตเห็นแม่ชีผู้ทำลายล้างแห่งแผนกออกแบบเดินออกจากที่ทำงานของเธอและพูดคุยกับคนแปลกหน้าอย่างเป็นมิตร พนักงานคนอื่นต่างหันไปมองที่เหอไป๋ที่เพิ่งเดินออกจากห้องบุคคล
เมื่อรับรู้ถึงความเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ เหอไป๋ก็ทักทายพวกเขาด้วยรอยิ้มอย่างเขิน ๆ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเอกสารรับเข้าทำงาน
หลังจากที่เขาเดินตามหลี่รู่ เข้าไปในสำนักงานพนักงานคนหนึ่งที่กำลังเคลื่อนย้ายเสื้อผ้าถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? หล่อดีนะแถมยังมีลักยิ้มที่แก้มด้วย ดูสิเขาถือหนังสือเรียนอยู่ด้วย เป็นเด็กฝึกงานหรือเปล่านะ?”
“เขาไม่ใช่เด็กฝึกงาน เขาเป็นเจ้าหน้าที่ตกแต่งภาพถ่ายพาร์ทไทม์น่ะ เพิ่งมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว” พนักงานต้อนรับสาวคนหนึ่งออกมาจากห้องชงชาและพูดด้วยเสียงต่ำ
“พวกเธอออกไปทำงานข้างนอกเมื่ออาทิตย์ก่อน เลยไม่รู้ เขามาสัมภาษณ์และได้รับเลือกให้ทำงานจากหัวหน้าหลี่ด้วยตัวเองเลย ทักษะด้านการรีทัชของเขาดีทีเดียวล่ะ” ในขณะที่พูดพนักงานต้องรับยกนิ้วให้แล้วพูดเสริมว่า
“นอกจากนี้เขายังเป็นนักเรียนหัวกะทิจากมหาวิทยาลัย Q เพราะงั้นก็อย่าไปทำกับเขาเหมือนที่ทำกับเด็กฝึกงานคนอื่นล่ะ ไม่งั้นหัวหน้าหลี่ได้มาจัดการพวกเธอแน่.”
เมื่อนึกถึงหลี่รู่ พนักงานเหล่านั้นก็ตัวสั่นและไม่พูดเรื่องนี้ต่อ
“เขาเป็นเจ้าหน้าที่รีทัชคนใหม่! ฉันสงสัยว่าทำไมงานที่มอบหมายให้ฉันเมื่อเร็ว ๆ นี้จึงเบาลงมาก ปรากฎว่ามีคนมาช่วยแบ่งเบางานที่เอง” ชายหนุ่มร่างท้วมสวมแว่นตาขัดจังหวะด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยมมาก! คุณหลี่รอบคอบเสียจริง ภาพถ่ายจากสถานีโทรศัพท์มีเยอะเกินไปและเราต่างก็โฟกัสไปที่ภาพเหล่านั้น เป็นเรื่องดีที่มีคนมาแบ่งเบาภาระ แบ่งเงินส่วนหนึ่งให้เขา เขาส่งงานให้เรา”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด พนักงานต้อนรับก็รู้สึกเหยียวดหยามในใจและคิดว่า “แบ่งเงิน? ความจริงอาจเป็นไปได้ว่าคุณทำงานไม่ได้เรื่อง คุณหลี่เธอจึงต้องเอาของของคุณให้คนอื่นทำ แค่ประจบประแจง ทำเป็นอวดดี ดูเถอะเดี๋ยวก็จะอิจฉาคนที่มาใหม่หลังจากที่ถูกเขาแย่งงานไป พวกลิ่วล้อ”
สำนักงานไม่ได้ไม่ใช่พื้นที่ปิด หลี่รู่จึงได้ยินชัดเจนทุกเสี่ยวเจี๊ยวจ๊าวในห้องโถงที่ชั้นหนึ่ง หลี่รู่ขมวดคิ้ว เธอลุกขึ้นไปปิดประตูและรินน้ำให้เหอไป๋
“ขอบคุณครับคุณหลี่” เหอไป๋หยิบแก้วน้ำ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดจากชั้นหนึ่ง
“ไม่เป็นไร” หลี่รู่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เราเชื่อในความสามารถของคุณ! งานนี้ได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะมอบให้คุณทำ คุณทำได้ดีและลูกค้าของเราก็พอใจมาก”
“เยี่ยมไปเลยครับ” เหอไป๋ดื่มน้ำเปล่าตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังจากพอใจเขาแล้ว หลี่รู่ก็อดยิ้มไม่ได้เช่นกัน เธอหยิบเอกสารออกมาและพูดว่า “ดูสิ! หลังจากตรวจสอบเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เราคิดว่ามันเป็นปล่อยให้พรสวรรค์ของคุณเสียเปล่าถ้าจะให้คุณปรับแค่รูปพื้น ๆ เพราะงั้นเราจึงตัดสินใจให้คุณมีส่วนร่วมกับทีมงานในการถ่ายภาพเชิงพาณิชย์บางส่วน นี่คือสัญญาฉบับแก้ไขเกี่ยวกับเงินเดือนของคุณ ลองดูก่อน”
เขาหยิบเอกสารและพลิกกลับไปมา เหอไป๋ก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ค่าคอมมิชชั่น 100 หยวนต่อรูปหรือครับ?” นั่นคือค่าตอบแทนพอ ๆ กับพนักงานที่มีประสบการณ์ เขาเพิ่งทำงานที่นี่ชั่วคราว ทว่าค่าคอมมิชชั่นสูงเช่นนี้ไม่น่าเชื่อ “ใช่ 100 หยวนและขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ คุณจะได้อย่างยุติธรรม”
หลี่รู่มองไปที่ดวงตาที่เบิกโพลงของเขาด้วยความขับขัน เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มหน้าตาประหลาดใจคนนั้นเหมือนกับแมวน้อยที่เห็นปวดแห้งชิ้นหนึ่ง เธออธิบายต่อว่า
“ภาพถ่ายที่ฉันส่งให้คุณก่อนหน้านี้ ไม่จำเป็นต้องปรับแต่งทีละนิด คุณสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่ภาพถ่ายเชิงพาณิชย์นั้นแตกต่างออกไป คุณต้องปรับแต่งอย่างระมัดระวัง และต้องทำอีกครั้งหลังจากผ่านการรีทัชในครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นยังเกี่ยวข้องกับการจัดวางและด้านอื่น ๆ คุณต้องทำซ้ำงานของคุณหากลูกค้ายังไม่พอใจ ภาระงานของคุณจะเพิ่มเป็นสองเท่าและคุณจะได้รับความกดดันจากงานค่อนข้างสูงเลยล่ะ”
เหอไป๋เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณหลี่พูด แต่เขาไม่สามารถเปิดเผยความคิดของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงทำตัวราวกับว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความรู้ทั้งหมดในการทำงานบริษัทนี้ ราวกับว่าเขารู้ในตอนนี้
“ผมเข้าใจแล้วครับ แต่คุณหลี่ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเลย์เอาต์มากนัก…”
“ไม่สำคัญหรอก งานหลักของคุณยังเป็นเรื่องของการรีทัช ในส่วนของการจัดวางจะมีเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ คอยประสานงานกับคุณ” เพื่อเป็นการปลอบโยนเหอไป๋ หลี่รู่กล่าวต่อว่า
“งานหลังของเราเพิ่งมาจากสถานีโทรทัศน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพบุคคล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย์เอาต์มากนัก อย่าประหม่าไป”
เหอไป๋รู้สึกปลาบปลื้มหัวใจ 100 หยวนต่อภาพ! แม้ว่าการรีทัชภาพถ่ายจะต้องใช้ความพยายามอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็มีประสิทธิภาพ เขาสามารถรีทัชภาพได้ 10 ภาพต่อวัน เพื่อให้เขามีรายได้เพียงพอที่จะใช้จ่ายค่าเล่าเรียนของเทอมหน้า หลังจากทำงานเพียง 1 เดือน! เมื่อถึงวันหยุดฤดูร้อนเขาจะมีเวลารีทัชภาพมากขึ้น เขาก็จะได้รับเงินมากขึ้น… สุดยอดมาก! เขาจะฉลองให้กับตัวเองด้วยการกินเนื้อล่ะ!
หลังจากเดินออกจาก Saint Elephant Studio อย่างมีความสุข เขาวิ่งไปยังร้านเป็ดย่างที่ตั้งหน้าตั้งตารอมานาน ตอนนี้เขาเอาชนะเจ้าขนมปังได้แล้ว ทีนี่ล่ะ เขาจะไม่ลังเลที่จะใช้เงินไปกับเป็ดมากถึง 180 หยวน!
……………
เต๋อชูเหอถอนสายของเขาไปที่ชั้นล่าง ตอนนี้เขาดูเศร้าหมอง
“นายไม่ท่องบทอยู่ที่บ้านเหรอ แต่กลับมาที่นี่ทุกวันเนี้ยนะ เกิดอะไรขึ้น?” เจียงซิ่วเหวินยิ่งสับสนเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของเขาคนนี้ เขาถอดหน้ากากออก แต่อารมณ์ร้ายที่ซ่อนอยู่มาหลายปีกลับรุนแรงขึ้น
เมื่อมองไปที่เจียงซิ่วเหวินอย่างเย็นชา เต๋อชูเหอก็หยิบรูปถ่ายจากกระเป๋าเป้สะพายหลัง และวางไว้ข้าง ๆ ใบหน้าของเขา เขาถามเจียงซิ่วเหวินอย่างจริงจังว่า “ใครหล่อกว่ากัน? เขาหรือว่าฉัน?”
ให้ตายเหอะ
เจียงซิ่วเหวินวางแก้วกาแฟลง มองภาพที่ถ่ายบนถนนซึ่งดึงดูดผู้คนอีกครั้ง ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม เจียงซิ่วเหวินเก็บความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาและพูดว่า “นาย”
“โกหก! วางรูปลงเลย ผู้ชายในรูปนั้นก็คือฉัน ฉันจะหล่อกว่าตัวเองได้ยังไง?”
เจียงซิ่วเหวินมองเขาอย่างดูถูกและพูดอย่างเหยียดหยาม
“ครั้งแรกที่นายถามฉันเรื่องนี้ ฉันก็ตอบแบนี้ แต่ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ นายก็บอกว่าฉันเพ้อเจ้อ เพราะนายคิดว่าตัวจริงของนายหล่อเหมือนรูปของนายได้ยังไง ไปหาหมอหน่อยไหม? นายไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน ผู้ชายคนนี้ถ่ายภาพเก่งจริง ๆ แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของนายได้อย่างพอดิบพอดีเลย ฉันจะจ้างเขาให้มาทำงานที่ Red Guests Studio จะเสนอเงินเดือนหัวหน้าช่างภาพให้กับเขาเลย!”
เต๋อชูเหอหยิบรูปอื่นออกมา และพูดโดยไม่แสดงออกว่า “นี่คือภาพต้นฉบับ”
เจียงซิ่วเหวินได้หยิบรูปถ่ายต้นฉบับขึ้นมาดูอย่างตกตะลึง แล้วมองไปที่ภาพในมือของเขา เขาดูประหลาดใจ “ภาพนั้นถูกรีทัชเหรอ? พระเจ้า! จนถึงตอนนี้ฉันเพิ่งรูปว่าเป็นภาพรีทัช คนรีทัชเหมือนจะรูปจักนายดี เขาอาจตาบอดถึงทำให้ภาพนายออกมาดูดีกว่าตัวจริงถึง 200%”
“ท่าทางของผู้ชายมันแย่เกินไป” เมื่อดึงมุมปากของเขาแล้ว เต๋อชูเหอก็เอนกายลงบนโซฟาเหมือนกับเป็นเจ้าของสถานที่ เขาเชยคางขึ้นก่อนจะพุดว่า “คนรีทัชเป็นแฟนตัวยงของฉัน เขาเป็นคนที่คลั่งไคล้ฉัน แล้วยังคอยตามถ่ายรูปฉันด้วย”
“เอ่อ ไม่ใช่ว่าโกหกหรอกนะ”
เต๋อชูเหอมองเขาพร้อมกับเลิกคิ้ว
เจียวซิ่วเหวินไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาถือกระเป๋าของเต๋อชูเหอพร้อมกับลากแขนเขาให้ลุกขึ้น ก่อนจะลากให้ออกนอกร้าน “ถ้านายไม่สบายใจ ก็กลับไปนอนพักบนเตียงที่บ้านเลย ยังหนุ่มยังแน่นจะมายอมแพ้อะไร พ่อฉันยังรอให้นายไปถ่ายละครอยู่นะ เอาใจช่วยว่ะ”
“ไอขี้หวง!” หลังจากมาเป็นตัวเอง เต๋อชูเหอลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเป้แล้วพูดว่า “ตอนนี้ นายต้องการจ้างแฟนคลับของคนมาทำงานทีสตูดิโอนนายแล้วเหรอ ฮึ่ม มันสายไปแล้ว” เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็โยนกระเป๋าเป้ของเขาลงบนหลังอย่างลวก ๆ และจากไปอย่างสบาย ๆ
เจียงซิ่วเหวินมองดูเขาจากไปอย่างประหลาดใจ กดมือของเขาลงบนหน้าอกด้วยความอึดอัด รู้สึกหายใจไม่ออก ผู้ชายคนนั้นร่ายคาถาอะไร เขาจะกลับไปสู่สิ่งที่เขาเป็นในช่วงวัยรุ่นได้อย่างไร เมื่อยังทำตัวเหมอืนคนงี่เง่าเช่นนี้
“อย่าลืมรูปสำหรับขึ้นป้ายโฆษณาล่ะ อ่อนโยนและตรงไปตรงมา!”
เจียงซิ่วเหวินไม่สามารถกลั้นความรู้สึกไว้ได้ เขาตะโกนเสียงดับไปที่บันได “อย่าลืมกินยาล่ะ อย่ามาที่นี่ถ้าไม่ได้กินยา”
……..ไอ้สารเลวคนนั้นทำให้เจียงซิ่วเหวินโกรธ!
…………………….
มีคนรอคิวยาวเลยสำหรับเป็ดย่าง หลังจากที่ได้พิมพ์ข้อความบอกว่ากับเพื่อนที่หอพักว่าจะมีอาหารมื้อเย็นที่พิเศษใน wechat แล้ว ตอนนี้เหอไป๋ก็ไปต่อคิวซื้อชานม เขายื่นอยู่ที่ท้ายแถวพรอ้มกับดื่มชานม
“ฉันจะได้แสดงละครล่ะ”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง เหอไป๋หยุดดูดน้ำชั่วขณะ
“เป็ดย่างที่นี่ไม่อร่อยเหมือนของ SuXiangYuan ในเมืองทางตอนใต้หรอก”
เหอไป๋ปล่อยริมฝีปากจากหลอดดูดอย่างเงียบ ๆ
“ลายเซ็นที่ฉันเซ็นให้คุณครั้งที่แล้ว ยังเก็บรักษาไว้อย่างดีหรือเปล่า คืนให้ฉันสิ เดี๋ยวฉันจะเซ็นชื่อให้ใหม่”
มือของเขาที่ถือถ้วยชานมสั่นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงอาหารที่ใช้เงินจากการขายลายเซ็นของเขาเมื่อสองสามวันก่อน เหอไป๋หันไปรอบ ๆ อย่างอาย ๆ และยิ้มให้ชายที่อยู่ข้างหลัง “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ ได้พบกนอีกแล้ว คุณมาซื้อเปิดย่างที่นี่ด้วยหรือ?”
เขามองไปที่ลักยิ้มบนแก้มซ้ายของเหอไป๋ เขาเหล่ตามองแล้วพูดว่า
“คุณทำลายเซ็นที่ผมให้หายไปแล้วใช่ไหม?”
เหอไป๋หันกลับทันทีพร้อมกับกลอกตาอย่างรีบร้อย “ยังไง… เป็นไปได้ยังไง? ลายเซ็นของดาราดังเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างนั้น ผมต้องเก็บมันไว้ให้ดีอยู่แล้ว ฮะฮะ…”
“จริง ๆ ด้วย คุณทำมันหาย” เมื่อนึกถึงฝุ่นละองอและรอยพับของการ์ดลายเซ็น เต๋อชูเหอจึงยื่นมือออกไป
“ส่งคืนให้ฉันเถอะ”
เหอไป๋จ้องมองไปที่นิ้วที่สวยงามและยาวของเขา เขาพูดไม่ออก น่าแปลกใจที่ดาราดังจะมาขอลายเซ็นที่เขาให้ไปแล้วคืน เต๋อชูเหอนั้นมีภาพลักษณ์ว่าเป็นคนที่อ่อนโยนและมีน้ำใจต่อแฟน ๆ ของเขาในรายงานข่าวเหล่านั้น เป็นเช่นนั้นจริงเหรอ? แล้วใครคือคนที่ยืนอยู่ข้างหลังและเถียงกับเขาเกี่ยวกับลายเซ็นกัน