Omni Genius – อัจฉริยะสุดขั้ว - ตอนที่ 383
ตอนที่ 383 ครอบครัวนาย นายต้องตัดสินใจ
ฉินฟางพยักหน้ากับคำถามของน้ามู่สาวมู่ฉิงซี ก่อนที่เขาจะเดินผ่านน้าสาวไปหาหนิงเว่ยเฉียง “นายนี่มันแสบจริงๆ…. ช่วยฉันแล้วก็ยังได้รับของติดไม้ติดมือไปอีก” ฉินฟางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอนิดๆหน่อยๆเอง ถือว่าเป็นค่าขนมให้ฉันน่า …..” หนิงเว่ยเฉียงยิ้มตอบด้วยรอยยิ้ม “แล้วนี่นายจะเอายังไงกับเธอ ….?” หนิงเว่ยเฉียงถามอย่างสงสัย
“ฉันคงปล่อยเธอไปไม่ได้ …. ถ้าเธอส่งข้อมูลกลับไปให้ตระกูลจินตอนนี้ พวกเราจะอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเอา….” ฉินฟางตอบหนิงเว่ยเฉียง
ในระหว่างนั้นเอง มู่ฉิงซีที่เงียบมานานก็เอ่ยปากขึ้น “ช่วยอย่าทำอะไรรุนแรงกับเธอมากนักได้ไหมคุณฉิน ? ถึงยังไงแล้วเธอก็ยังคงเป็นน้าสาวแท้ๆของผม…..”
ก่อนที่ฉินฟางจะทันได้เอ่ยปากตอบอะไร ก็มีเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังขึ้น ซึ่งมันทำให้คนที่ฟังนั้นขนลุกไปตามๆกัน
“ฮ่าๆๆๆๆๆ !!!!!!!!!!! ฮ่าๆๆ !!!!!! ไอ้หน้าโง่ ก็เพราะแกเป็นยังงี้ไง ทุกคนเขาถึงหลอกใช้แกได้ง่ายๆ แกนี่มันไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ !!!!!” น้าสาวของมู่ฉิงซีที่หน้าซีดตอนแรกนั้น อยู่ๆก็หัวเราะขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมน้าถึงต้องทำแบบนี้ ? …. น้าต้องการอะไรกันแน่ !!!!! ตระกูลของเราให้น้าไม่มากพองั้นหรอ ?!!!!!” มู่ฉิงซีตะโกนถามน้าสาวของเขาอย่างไม่เข้าใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
“เหอะ ! ฉันจะบอกอะไรแกให้นะไอ้หนู ตระกูลที่แกคิดว่าดีนักดีหนา น่ะมันเต็มไปด้วยเรื่องโสมมทั้งนั้น โดยเฉพาะพ่อของแก เรื่องนี้มันเกิดขึ้นก่อนที่แกจะเกิดซะอีก มันยัดเยียดให้ฉันแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับอีกตระกูลหนึ่ง เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล ซึ่งทำให้ฉันนั้นเหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะคนที่มันยัดเยียดให้ฉันแต่งงานด้วยนั้น มันบ้า !!!! มันตบตีฉันเช้าเย็น ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่มีอะไรกัน !!!!!!! พอฉันฆ่ามัน แล้วหนีกลับมาตระกูล พ่อของแกก็ตบตีฉันสารพัด หาว่าไม่รู้จักทำเพื่อตระกูล ทำให้ตระกูลเดือดร้อน” น้าสาวของมู่ฉิงซีค่อยๆเล่าออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“มันมีส่วนดีตรงที่ว่าอย่างน้อยไอ้หมอนั่นมันก็ช่วยแก้ปัญหาให้ฉัน แลกกับการที่ฉันต้องถูกลงโทษปลดออกจากทุกตำแหน่งในตระกูล พร้อมๆทั้งถูกขังอยู่ในบ้านหลักของตระกูลนานนับสิบปี กว่าที่ฉันจะพ้นโทษออกมา” น้าของมู่ฉิงซีค่อยๆเล่าต่อมาเรื่อยๆ “ฉันได้แต่เก็บความแค้นของฉันไว้ทุกวัน พลางคิดเสมอในทุกช่วงเวลาว่าฉันจะล้างแค้นพวกเวรทั้งหมดยังไง จนวันหนึ่งมาถึง วันที่แกเกิดมา ฉันก็คิดแผนการทุกอย่างออก ฉันถึงต้องคอยใจดี ทำท่าเป็นเข้าใจและตามใจแกทุกอย่าง เพื่อค่อยๆบ่มเพาะสันดานเสียๆของแก ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ฉันต้องการใช้ทำลายตระกูล นอกจากนั้นทุกๆอย่างเริ่มผลิดอกออกผล เมื่อฉันได้รับการอภัยจากทางตระกูล ให้เข้ามาช่วยจัดการบางเรื่องได้ แกไม่สังเกตรึไงว่านอกจากโกดังค้าไม้แล้ว ธุรกิจอื่นๆของตระกูลก็เริ่มเข้าสู่สถานะไม่มีกำไร และค่อยๆถดถอยแล้ว ทุกๆอย่างมันเป็นเพราะเมล็ดพันธ์ที่ฉันได้หว่านไว้ทั้งนั้น !!!!!!!!!” น้าสาวของมู่ฉิงซีร่ายยาวอธิบาย
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ฉินฟางที่เงียบมานาน ก็หันไปเอ่ยถามมู่ฉิงซี “นายจะเอายังไงดีกับเรื่องนี้ นายต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับเธอฉันจะเคารพการตัดสินใจของนาย ? ….”
ขณะที่หนิงเว่ยเฉียงนั้นได้แต่เป็นผู้สังเกตการณ์เหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเงียบๆ ต้องบอกว่าจากความรู้สึกเขาโดยรวมแล้ว เขาค่อนข้างจะเห็นใจน้าสาวของมู่ฉิงซี แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่เธอเลือกใช้อย่างการ “ล้างแค้น” ซึ่งวิธีนี้ถ้าถึงที่สุดแล้ว มันไม่ได้ให้อะไรใครเลย นอกจากความว่างเปล่าเท่านั้น
“จัดการตามที่คุณเห็นสมควรเลย ผมขออย่างเดียวอย่าให้อาการสาหัสนัก หลังจากเรียบร้อยแล้ว ผมจำเป็นที่จะต้องส่งตัวเธอให้กับพ่อของผมด้วย ….” มู่ฉิงซีพูดด้วยน้ำเสียงครั่นเครือพลางเบือนหน้าหนี
“ผมขอตัวก่อนแล้วกันคุณฉิน ลูกน้องของผมทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ผมจะมอบอำนาจให้คุณสั่งการคนพวกนี้ได้ทั้งหมด คุณจะทำอะไรก็ตามสบายเลย ….” มู่ฉิงซีกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่จะจากไป
ฉินฟางนั้นไม่ได้ห้ามอะไร เพราะเขาไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้จริงๆ เขาไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ที่คนในครอบครัวที่เคารพรักทรยศเขาแบบนี้ แต่เขาเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า หลังจากมู่ฉิงซีผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ มู่ฉิงซีจะไม่ทำตัวเหมือนเดิมอีกแล้ว เขาจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้นกว่าที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน