God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 993
ตอนที่ 993
ลั่วฉวนมองเพื่อนที่เพิ่งกดตอบรับบนหน้าจอพร้อมจมดิ่งในความคิด
ภาพของอสูรกายปลาหมึกในใจเริ่มกลับกลายเป็นเด็กสาวผมดำ ดวงตาสีดำ และสวมใส่ชุดสีดำ
“เถ้าแก่มีเรื่องใดหรือ?” เหยาซือหยานพบเห็นท่าทีลั่วฉวนแปลกไป
“ไม่มีอะไร แค่นึกถึงตัวตนลูกค้าคนนี้” ลั่วฉวนส่ายศีรษะและยังคงอาการสงบไว้
อย่างไรแล้วสิ่งที่เคยได้เห็นในนครไซเรน มันก็ทำให้เขาตื่นตะลึงยิ่งกว่านี้
“ตัวตนใดกันหรือ?” เหยาซือหยานเผยความสงสัย
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยบอกเล่า ว่าที่เกาะบนโพ้นทะเลนั้นพบเจออสูรกายปลาหมึกตัวหนึ่ง” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“ข้าทราบ ครั้งนั้นเถ้าแก่ยังถ่ายทอดสดอยู่” ถึงตรงนี้เหยาซือหยานค่อยตระหนักทราบ ดวงตาสีม่วงนั้นเบิกกว้างออก “เป็นข้อความจากปลาหมึกตัวนั้น?”
ลั่วฉวนถ่ายทอดสดครั้งเดินทางไปยังทะเลแค่สองถึงสามวัน เหยาซือหยานจึงรับฟังลั่วฉวนเล่าย้อนถึงเรื่องราว
ได้ทราบว่าสุดท้ายอสูรกายปลาหมึกก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของร้าน ทั้งยังซื้อสินค้าทั้งหมดเท่าที่ซื้อได้ รวมถึงโทรศัพท์วิเศษ
“ก็ตามนี้” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงกล่าวเสริม “นอกจากนี้ เหมือนจะไม่ควรเรียกว่าอสูรกายปลาหมึกแล้ว”
อสูรกายปลาหมึกเป็นชื่อที่ลั่วฉวนเรียกไปเอง อย่างไรแล้วเสียงที่เคยได้ยินนั้นก็ยากจะแยกแยะว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
ด้วยสายตาใคร่สงสัยของเหยาซือหยาน ลั่วฉวนจึงส่งโทรศัพท์วิเศษไป
“โนริเอล ชื่อเหมือนดังพวกไซเรนสินะ” เหยาซือหยานพยักหน้ารับโดยไม่พบว่ามีอะไรแปลก จากนั้นจึงส่งโทรศัพท์วิเศษคืนให้ลั่วฉวน
อย่างไรแล้วนางก็คือราชวงศ์สัตว์อสูรแห่งทวีปเทียนหลัน ลั่วฉวนเป็นคนต่างโลกที่มาเยือน ดังนั้นจะไม่ทราบก็ไม่แปลก
ลั่วฉวนจึงมองที่ข้อความจากโนริเอลพร้อมเกิดความรู้สึกขออภัยอยู่ในใจ
ด้วยฐานะเถ้าแก่ร้านต้นตำรับ เขาถึงละเลยหน้าที่ลืมเลือนลูกค้าคนหนึ่งได้ถึงเพียงนี้!
หลังครุ่นคิด ลั่วฉวนจึงส่งข้อความตอบกลับไป
“มีแค่เจ้าหรือว่า…?”
แม้เขาได้เจอชาวทะเลเพียงแค่สอง ซึ่งก็คือโนริเอลและปลาประหลาด แต่ลั่วฉวนเชื่อ ว่าท้องทะเลกว้างใหญ่ย่อมมีชาวทะเลอีกมาก
เพียงแต่เขายังไม่ได้พบก็เท่านั้น
แน่นอนว่าครั้งนั้นเพราะพลังอายุของยี่ลายิ่งใหญ่เกินไป เผ่าทะเลทั้งหลายจึงหนีหายไปไกลโพ้น
“มีเผ่าทะเลมากมาย”
เป็นเช่นนี้
ลั่วฉวนถอนหายใจโล่งอก
“รูปถ่าย.jpg”
มีรูปส่งเข้ามา
ภาพพื้นหลังนั้นเป็นห้องที่ตกแต่งอย่างแปลกประหลาด ที่ต้องตาคือชั้นหนังสือที่เต็มแน่น
เด็กสาวผมบลอนด์ดวงตาสีแดง และเด็กสาวผมดำดวงตาสีดำคือส่วนหลักของภาพ และโครงหน้าของทั้งสองก็คล้ายคลึงกัน
เด็กสาวผมดำคือโนริเอล แต่แล้วเด็กสาวผมบลอนด์ที่อยู่ด้านข้างล่ะ?
คำตอบถัดจากนี้จึงทำให้ความสงสัยของลั่วฉวนคลี่คลาย
“เถ้าแก่ร้านต้นตำรับผู้ลึกลับ เอวานน่าคือราชาแห่งเมืองใต้สมุทร”
เอวานน่านำเอาโทรศัพท์วิเศษจากโนริเอลมาส่งข้อความให้ลั่วฉวน
ราชา?
ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่จากคำนี้ย่อมหมายถึงตำแหน่ง
“ราชาแห่งเมืองใต้สมุทร?” เหยาซือหยานอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา
เพราะสงสัยจึงเอนกายเข้ามารับชมข้อความแชทบนหน้าจอ
“เคยได้ยินมาก่อนหรือ?” ลั่วฉวนกล่าวถาม
“พอทราบข้อมูลมาบ้าง” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “ข่าวลือกล่าวว่ามีเมืองที่สร้างโดยชาวทะเลอยู่ในห้วงน้ำลึกของโพ้นทะเล ที่นั่นปกครองโดยราชาแห่งชาวทะเล”
“เท่านี้?” เหยาซือหยานหยุดพูดกล่าวไปแล้ว ลั่วฉวนจึงถามออก
“เท่านี้” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ
ลั่วฉวนพูดกล่าวต่อไม่ถูก…
ที่กล่าวออกมานั้นแตกต่างอะไรกับไม่กล่าว?
“เถ้าแก่ร้านต้นตำรับ ลั่วฉวน”
ลั่วฉวนตอบข้อความกลับไป
เขาคิดอยู่ในใจ ว่าจะหาทางทำให้ชาวทะเลมาเป็นลูกค้าที่ร้านได้ยังไง
หรือจะสร้างเส้นทางแสงอีกครั้ง?
แต่นั่นเป็นปัญหามากเกินไป และเขาก็คร้านจะออกไปด้วย
ที่นครไซเรนมีเส้นทางเชื่อมต่ออยู่แล้ว บางทีน่าจะใช้จากที่นั่นได้
“เมืองใต้สมุทรห่างจากเมืองของชาวไซเรนเพียงใด?”
ข้อความตอบรับจึงปรากฏในอึดใจ
“ไกลมาก”
นี่ต้องให้เดินทางไปงั้นหรือ?
แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเกียจคร้านอยู่ดี
ขณะลั่วฉวนกำลังคิด ว่าระบบสามารถสร้างเส้นทางแสงได้เองหรือไม่ แอพแชทก็ปรากฏข้อความใหม่เข้ามา
“ข้าพอรู้จักชาวไซเรน”
นี่น่าจะเป็นข้อความจากเอวานน่า
รู้จักก็น่าจะง่ายขึ้นเยอะ
“ข้าจะลองถามดู รอสักเดี๋ยว”
“ดีแล้ว”
หลังส่งข้อความไป เอวานน่าจึงส่งโทรศัพท์วิเศษกลับคืนให้โนริเอล
“เถ้าแก่ร้านต้นตำรับเหมือนเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นะ” เอวานน่านึกถึงคำของลั่วฉวน “และท่าทีก็เรียบง่ายมาก”
แม้ว่าคุยกันเพียงไม่กี่คำ แต่นางก็ได้รับข้อมูลมามาก
แน่นอนว่าข้อมูลสำคัญส่วนใหญ่คือจากปากคำของโนริเอล
แต่ก็เห็นได้ว่าข้อสรุปนั้นไม่ผิดเท่าใด ลั่วฉวนกำลังเกียจคร้านจึงหาทางทำอะไรที่ง่าย ๆ เข้าไว้
“กลอรี่ หอคอยแห่งการทดสอบ…”
หลังรับโทรศัพท์วิเศษกลับคืน โนริเอลจึงเริ่มคาดหวังถึงเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงที่ร้านต้นตำรับ ใบหน้านั้นเผยความรู้สึกเฝ้าฝันหา
สีหน้าของโนริเอลย่อมไม่รอดพ้นสายตาเอวานน่า
ราชาแห่งเมืองใต้สมุทรส่ายศีรษะก่อนจะเดินไปยังชั้นหนังสือ
นางหยิบมาเล่มหนึ่งและไปนั่งเพื่อเตรียมอ่าน
“เหตุใดเจ้าชอบหนังสือของมนุษย์เพียงนั้น?” โนริเอลที่ดึงสติกลับคืนมาได้กล่าวถามออก
“เพราะโลกในหนังสือนี้น่าทึ่ง วัฒนธรรมตัวอักษรนี้ก็น่าทึ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้” เอวานน่าเผยยิ้ม “ข้ารู้สึกได้ราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในหนังสือ”
โนริเอลครุ่นคิด สุดท้ายก็ไม่เข้าใจว่าเอวานน่ากล่าวถึงอะไร
หลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นางจึงเปิดแอพนักอ่านและลองอ่าน “นี่เป็นหนังสือที่เขียนโดยเถ้าแก่ สนใจลองอ่านหรือไม่?”
“หนังสือที่เถ้าแก่ร้านต้นตำรับเขียนขึ้น?” เอวานน่าเกิดคววามสนใจขึ้นมา
“ใช่ เป็นเรื่องราวของต่างโลก ค่อนข้างน่าทึ่งเลยทีเดียว” โนริกาพยักหน้ารับพร้อมพยายามแนะนำเนื้อหา
“ไหนให้ข้าลองอ่าน” หลังรับโทรศัพท์วิเศษมาแล้ว เอวานน่าจึงได้เห็นหน้าปกอันชวนดึงดูด
มังกรดำสยายปีกกางออก ลมหายใจมังกรราวกับปรากฏตรงหน้า
และยังมีต้นไม้ใหญ่ที่ค้ำยันฟ้าดินเอาไว้อยู่ไกลห่าง มันกำลังลุกโชนด้วยอัคคีมอดไหม้
ท้องฟ้าสีครามเต็มไปด้วยเถ้าถ่านที่ร่วงโรยลงมาเปรียบดังสายฝน
ท้องฟ้าปรากฏรอยแตกร้าวของมิติราวกับกำลังถูกขุมนรกกัดกิน
มังกรในตำนานดูน่าเกรงขาม
แน่นอนว่าเรื่องนี้อานเหวยหยาพยายามท้วงลั่วฉวนอยู่บ่อยครั้ง
นางบอกต่อเขา ว่ามังกรแท้จริงนั้นแข็งแกร่งก็ใช่ แต่ไม่ใช่ดุร้ายคิดทำลายล้างโลกเช่นนี้
และตัวนิยายยังมีหลายส่วนที่ไม่สมเหตุสมผลในความเห็นนาง ทำไมมังกรจึงต้องคิดปกครองโลกด้วยกัน?
ทุกคนอยู่ร่วมกันไม่ระรานกันอย่างสงบสุขไม่ดีกว่าหรือ? ทำไมต้องต่อสู้กันด้วย?
อานเหวยหยาพยายามทักท้วงหลายสิ่งอย่าง แต่สุดท้ายนางก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่รอคอยให้บทใหม่ของนิยายเปิดให้อ่านในทุกวัน