God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 991
ตอนที่ 991
แสงซึ่งส่องผ่านห้วงน้ำสีครามจากพื้นผิวน้ำทะเล ตอนนี้มันปรากฏเป็นเส้นสายเคลื่อนตัวลงมาทำให้เมืองใต้สมุทรเป็นเหมือนดังภาพฝัน
สติปัญญาของชาวทะเลที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์ อีกทั้งเมื่ออสูรกายปลาหมึกมาเยือนก็เกิดการเคลื่อนไหวไม่ใช่น้อย ชาวทะเลทั้งหลายต่างพูดกล่าวถึงเรื่องราวนี้
“ได้ยินว่าราชาต้องการข้อมูลเรื่องพายุที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้”
“ได้ยินมาจากพวกสิ่งมีชีวิตอื่น ครั้งพายุพัดผ่าน แนวพายุจะไม่หลงเหลือชีวิตใด”
“พายุนั่นต้องเกี่ยวข้องกับไซเรนแน่ แต่พวกนั้นก็หายตัวกันไปนานมากแล้ว…”
ที่พระราชวังใจกลางเมือง แสงสลัวส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง
เมื่อน้ำและพลังวิญญาณเกิดเคลื่อนตัว เด็กสาวที่มีเส้นผมและดวงตาเป็นสีดำปรากฏตัว เท้าน้อยของนางประทับลงกับพื้นเบาบาง
ด้วยสวมใส่ชุดสีดำขลับ มันยิ่งทำให้นางงดงามประหนึ่งสตรีอังกฤษผู้สูงส่ง
ใบหน้านั้นคล้ายคลึงกับเด็กสาวผมบลอนด์ที่นั่งบนเก้าอี้ เป็นความงดงามหมดจดที่ไม่อาจหาข้อตำหนิมากล่าวออกได้
“ค่อยดูดีหน่อย” เด็กสาวผมบลอนด์พยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนจะปิดหนังสือบนโต๊ะ
จากนั้นจึงลุกยืนขึ้น เส้นผมสีทองยาวนั้นเปรียบดังแพรไหมลอยล่องในน้ำทะเล
เมื่อเข้ามาใกล้เด็กสาวผมดำ นางยื่นมือไปลูบศีรษะ
ดวงตานั้นเผยเป็นเส้นโค้ง ใบหน้าเดิมที่เย็นเยือกค่อยโอนอ่อนลง “นานมากแล้วแต่ก็ยังเหมือนดังเคย”
เสียงถอนหายใจอย่างอับจนปรากฏ ดวงตาของเด็กสาวในชุดสีดำเผยความสับสน
นับเป็นโชคดีที่เด็กสาวผมบลอนด์ไม่คิดทำให้เสียเวลา ความสนใจนั้นเคลื่อนย้ายไปยังโทรศัพท์วิเศษในมือของเด็กสาวชุดดำ
“โทรศัพท์วิเศษ… เป็นสิ่งน่าสนใจที่เจ้ากล่าวถึงเมื่อครู่ ใช้ให้ข้าดูได้หรือไม่?”
“ได้”
…..
“ชัยชนะ!”
แถบเลือดของคริสตัลฐานคู่ต่อสู้กลับกลายเป็นศูนย์พร้อมระเบิดแตกออก ทันใดนี้เองที่เสียงประกาศชัยชนะดังปรากฏ
ขณะเดียวกัน เสียงบทเพลงแห่งชัยชนะก็เริ่มบรรเลง
ลูกค้าในร้านต่างทราบว่าเหล่านี้เป็นลั่วฉวน ชิงหยิน หลิวลู่อวี่ และหลิวลู่เหม่ยช่วยกันคิดขึ้นมา
“ชนะเสียที” ปู้หลี่เกื๋อถอนหายใจก่อนจะหันมองทางเจียงเฉิงจวินที่อยู่ข้างกาย “ขอกล่าว กลยุทธ์เจ้ายังไม่ดี หากหันกลับในช่วงตอนท้ายข้าอาจแพ้แล้วก็ได้”
“นี่จะหาเรื่องกันหรือยังไง?!” เจียงเฉิงจวินเผยดวงตาเบิกกว้าง “ทูตธรรมชาติคาโรรี่แทบไม่มีทักษะสร้างความเสียหาย เจ้ายังให้ข้าไปรับมือกับกู่หลงเอ๋า ข้ารั้งหอคอยเวทมนตร์ไว้ได้นานขนาดนี้ก็ดีถมแล้วไม่ใช่หรือยังไง?”
“พอแล้ว พอแล้ว” ปู้ฉืออีเข้าห้ามทัพคนทั้งสอง “เถ้าแก่กล่าวว่ากลอรี่เป็นเกมที่เล่นห้าคน ทุกคนต่างมีความสำคัญเท่าเทียมกันหมด อย่าได้ห่วงเรื่องแพ้หรือชนะไม่ดีกว่าหรือ?”
การโต้เถียงของสองเด็กหนุ่มเกิดขึ้นและแตกดับอย่างรวดเร็ว
ปู้หลี่เกื๋อถอดหมวกออกเตรียมไปซื้อสไปรท์เพื่อฟื้นฟูพลังจิต
หลังออกจากร้านน้อยหยวนก่วยมายังร้านต้นตำรับ เขาก็ได้รับคำเชิญให้เล่นกลอรี่ กลายเป็นวันจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ซื้ออะไรแม้สักอย่าง
หลังถอดหมวกออก เขาจึงได้เห็นว่ารอบด้าน ลูกค้าหลายคนในร้านต่างหันสายตามองทางนี้พร้อมพูดกล่าว
สำหรับลูกค้าทั่วไป ตราบเท่าที่จมดิ่งกับกลอรี่ พวกเขาก็ยากจะทราบว่าภายในร้านเกิดเรื่องราวใดขึ้น
ปู้หลี่เกื๋อสับสนอยู่ครู่ก่อนจะนึกขึ้นได้
ว่าน่าจะเป็นเพราะแผนการรับตัวเขาเป็นศิษย์โดยเถ้าแก่หยวนเป็นแน่
เมื่อหันมองรอบ เขาก็ไม่พบเห็นร่างหยวนก่วยแล้ว
“อยู่ที่หมู่บ้านซากุระ” ลูกค้าคนหนึ่งตระหนักพบเห็นปู้หลี่เกื๋อมองหาบางอย่าง ดังนั้นจึงชี้ไปยังหมู่บ้านซากุระ
“ทราบแล้ว” ปู้หลี่เกื๋อยิ้มตอบรับ
ช่วงบ่ายเขาไม่ได้มาที่ร้านต้นตำรับ เพราะหยวน… หมายถึงอาจารย์จะไปที่บ้านค่ำวันนี้ ดังนั้นต้องเตรียมการให้ดี
ไม่ทราบว่าหากบิดาเขาทราบเรื่องจะเป็นยังไง สีหน้าคงน่ารับชมเป็นแน่
แต่น่าเสียดายที่คงไม่ได้เห็นฉากนั้นด้วยตาตนเอง
บทเพลงบรรเลงอันงดงามยังคงดังในหมู่บ้านซากุระ คีย์สีขาวและดำถูกกดสับเปลี่ยนไปมาราวภาพลวงตา
เมื่อสิ้นสุดบทเพลง หลิวลู่เหม่ยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ในที่สุดก็เล่นได้ครบถ้วนสมบูรณ์”
ลูกค้าทั้งหลายที่มาใช้บริการหมู่บ้านซากุระต่างคุ้นเคยกับเสียงเปียโนกันอย่างดี
แน่นอนว่ามีลูกค้าบางส่วนสนใจคิดอยากลองฝีมือเล่นเปียโนดูบ้าง
แต่เห็นได้ชัด ว่าพรสวรรค์การฝึกฝนที่มีไม่อาจเข้าหาดนตรีได้
กระนั้นก็ยังมีหลายคนที่มั่นใจคิดอยากท้าทายแวะเวียนกันมาโดยตลอด
“มั่นใจแล้วหรือ?” เหยาฮุยเฉินวางถ้วยกาแฟลงกับโต๊ะ
การได้มานั่งดื่มกาแฟพลางชมต้นซากุระที่นี่ มันถือเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งไปแล้ว
ส่วนเรื่องการวิเคราะห์ส่วนผสมกาแฟ สองวันแรกเขาพยายามดูแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกับสินค้าอื่น นั่นก็คือความล้มเหลว
แต่ก็เชื่อได้ ว่าครั้งถัดไปที่ร้านต้นตำรับเผยสินค้าใหม่ให้ได้เห็น เขาจะทดลองอีกครั้ง นี่จึงเป็นนิสัยของนักปรุงยาที่แท้จริง
“ใช่” หยวนก่วยพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจ “ไม่นึกเลยว่าหลังเดินทางท่องทวีปเทียนหลันยาวนาน ในที่สุดข้าก็ได้พบเจอศิษย์ในสถานที่ซึ่งคิดว่าจะลงหลักปักฐานเช่นนี้”
“ตามคำของเหวินเทียนจี นี่จึงเป็นผลของโชคชะตาและกรรม” เหยาฮุยเฉินเผยยิ้ม
“โชคชะตาและกรรมงั้นหรือ…” หยวนก่วยพูดกล่าวกับตนเองพลางจับถ้วยกาแฟในมือส่ายไปมาเล็กน้อย
“แต่ข้านั้นไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ โชคชะตาไม่ใช่สวรรค์กำหนดเสียหน่อย” เหยาฮุยเฉินเผยความเห็นของตนเอง
“ทำไมกัน?” หยวนก่วยเกิดสงสัย
“คนจึงเป็นผู้สร้าง ความเห็นของข้าโชคชะตาและกรรมก็เป็นแค่ภาพลวงตา ทุกสิ่งเกิดขึ้นและพังทลายด้วยมือของเรา” เหยาฮุยเฉินเผยยิ้มตอบพลางจิบกาแฟ
“นั่นก็จริง”
แต่แล้วตอนนี้เองที่ปรากฏเสียงดังปรากฏทางด้านหลัง
เหยาฮุยเฉินอดไม่ได้ที่จะต้องกระแอมไอออกขณะหันกลับไปมอง เพราะนั่นคือร่างอันคุ้นเคย “แค่กแค่ก… เจ้ามาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เมื่อครู่นี้” เหวินเทียนจีเผยยิ้มตอบรับ จากนั้นจึงไปนั่งเก้าอี้ที่ยังว่าง
หากเทียบกับเมื่อวาน รูปลักษณ์ของเขาหลังดื่มไวน์หยกไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
สำหรับผู้ฝึกตนระดับนี้ ความสามารถคงสภาพรูปลักษณ์เอาไว้ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเขาจงใจไม่ปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อไวน์หยกและดื่มไปก็ล้วนเป็นเช่นเดียวกันนี้
เหยาฮุยเฉินกลับเข้าเรื่องเดิม ตอนนี้เผยความสงสัยเล็กน้อย “ที่ข้ากล่าวไปนั้นถูกหรือไม่?”
เหวินเทียนจียิ้มตอบ “เรื่องราวของอนาคตไม่มีผู้ใดทราบ บางทีคงมีเพียงแต่เทพเจ้าในตำนานจึงทราบเรื่องราวในอนาคต”
เหยาฮุยเฉินต้องลอบกลอกตาตอบ
นี่จึงหมายความว่าเว้นแต่เทพเจ้า ผู้อื่นก็ไม่มีทางรู้อย่างนั้นสิ?