God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 989
ตอนที่ 989
การปรากฏของแอพวิดีโอสร้างความฮือฮาได้ระดับหนึ่ง
แต่นี่ก็เป็นเรื่องราวปกติยามมีอะไรใหม่เข้ามา ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด
สำหรับตอนนี้ ลูกค้าหลายคนกำลังเรียนรู้วิธีใช้งานกันอยู่
หากเทียบกับแอพพลิเคชั่นก่อนหน้า ระบบการทำงานของแอพวิดีโอจะเข้าใจได้ง่าย
เมื่อวานนี้หลังทำการศึกษาทดลอง เหยาฮุยเฉินและคณะจึงได้ข้อสรุป ว่าโอกาสที่จะย้อนรอยศึกษาไวน์หยกนั้นเป็นไปไม่ได้
ความปรารถนาของพวกเขาในช่วงหลายเดือนได้รับการเติมเต็ม โดยเฉพาะผู้อาวุโสใหญ่ของหุบเขาโอสถ เขานั้นเผยยิ้มจนแก้มแทบปริ
เมื่อมาถึงร้านต้นตำรับและซื้อไวน์หยกเรียบร้อย สิบผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาโอสถจึงเริ่มตั้งวง
“กลุ่มจ้าวสำนักหุบเขาโอสถพูดคุยอะไรกันนั่น?” หลิวลู่อวี่ที่กำลังจะเข้าไปยังหมู่บ้านซากุระเผยความสงสัย
ความยากของบทเพลงเอ็นดิ้งอีนั้นมากล้ำยิ่งกว่าคำโกหกเดือนสี่ ช่วงนี้นางจึงยังต้องเรียนรู้ หนทางให้ก้าวเดินยังอีกไกล
เพราะเปียโนในหมู่บ้านซากุระ หลิวลู่อวี่ หลิวลู่เหม่ย และชิงหยินจึงเป็นลูกค้าขาประจำขลุกตัวกันอยู่แต่ในนั้น
ลั่วฉวนค่อนข้างยินดียามได้ทราบ เพราะทั้งสามถือเป็นนักเปียโนอาสาที่จะช่วยสร้างบรรยากาศให้แก่หมู่บ้านซากุระ
ตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่นั่งดื่มด่ำอยู่กับหมู่บ้านซากุระ ก็ล้วนแล้วแต่นั่งเพื่อฟังเพลงพลางจิบกาแฟ
“ไม่ทราบเลย” หลิวลู่เหม่ยตอบคำถามขณะมองตามไป
“เอ็นดิ้งอีเกือบจะเรียนรู้ได้หมดแล้ว ไว้ต้องไปถามเถ้าแก่ว่ามีเพลงเปียโนอะไรใหม่บ้างหรือไม่” ชิงหยินครุ่นคิดถึงอีกเรื่อง
กลุ่มนักปรุงยา แม้ว่าสูงส่งและทรงอำนาจ แต่บ่อยครั้งก็มักทำเรื่องแปลกประหลาด
ด้วยเหตุนี้แม้ว่าการตั้งวงของเหยาฮุยเฉินและคณะจะดึงความสนใจของลูกค้าทั้งหลาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปสอบถาม
“ข้าบอกรายละเอียดของแผนการไปหมดแล้ว ถึงคราวพวกเจ้าเลือก” เหยาฮุยเฉินหันมองกลุ่มคน
“ข้าเห็นด้วย” ผู้อาวุโสใหญ่เผยการตัดสินใจ
“ข้าด้วย”
“ข้าก็ด้วย…”
อีกแปดคนต่างพยักหน้ารับกันคนแล้วคนเล่า
“จ้าวสำนัก ไม่ใช่ว่าเรื่องราวยืนยันแล้วในกลุ่มแชทหรอกหรือ? เหตุใดยังต้องหารือกันที่นี่อีกครั้งด้วย?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเผยอากากรลังเลและอดไม่ได้จนต้องถามออกมาเสียงดัง
“ทำเป็นพิธียังไงล่ะ! ครั้งหนึ่งเถ้าแก่เคยกล่าวไว้ ว่าอะไรที่เป็นพิธีการก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ!” เหยาฮุยเฉินเผยสีหน้าจริงจัง
เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เหยาฮุยเฉินได้ถามลั่วฉวนเพื่อขอความรู้
ลั่วฉวนจึงอธิบายรายละเอียดตามที่ทราบ จากนั้นจึงกลายเป็นสถานการณ์เช่นตอนนี้
“ทำเป็นพิธี…” อีกฝ่ายทวนคำเพราะไม่ค่อยเข้าใจเหยาฮุยเฉินเท่าใดนัก
ไม่เพียงแต่เขา ผู้อาวุโสอื่นก็คิดเช่นเดียวกัน
“ถัดไป ใครจะรับหน้าที่จัดทำวิดีโอ” เหยาฮุยเฉินเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ผู้อาวุโสที่สาม ฝากเรื่องนี้กับเจ้าได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสที่สามครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้ว “ข้าเกรงว่าจะยาก ให้ทุกคนเข้าร่วมจึงดีกว่า อย่างไรแล้วทุกคนต่างก็มีข้อดีของตนเอง”
“นั่นก็จริง” เหยาฮุยเฉินพยักหน้ารับและมองอีกแปดคนที่เหลือ “พวกเจ้ามีความเห็นว่ายังไง?”
“ตามที่ผู้อาวุโสสามกล่าวเลย” ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้ารับ
ผู้อื่นต่างก็เห็นพ้องด้วย
“หุบเขาโอสถจะก้าวไปถึงจุดสูงสุดใหม่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว” เหยาฮุยเฉินกวาดสายตามองทุกคน
ดวงตาเขากำลังเผยประกายคาดหวังจะได้เห็นอนาคต
“จ้าวสำนัก แล้วท่านทำอะไร?” คำของผู้อาวุโสใหญ่ราวกับเป็นการขัดบรรยากาศ
“ข้าหรือ ก็ต้องคอยให้คำแนะนำพวกเจ้ายังไงล่ะ” เหยาฮุยเฉินเผยยิ้มบาง
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างพูดกล่าวกันไม่ออก
วงล้อมเริ่มคลายตัว ผู้อาวุโสส่วนหนึ่งของหุบเขาโอสถเดินทางกลับ ขณะที่บางส่วนก็ยังอยู่ต่อ
เหยาฮุยเฉินสำรวจมองในร้านก่อนจะหาที่นั่งว่างเข้าเล่นเกมเสมือนจริง
ที่พวกเขาหารือกันเมื่อครู่นี้ คือแผนการเผยแพร่วิดีโอของยาวิเศษทั้งหลายที่หุบเขาโอสถสกัดขึ้น
เมื่อหลายวันก่อนพวกเขาเพิ่งมีแนวคิดกันได้ ภายหลังแอพวิดีโอปล่อยออกมาให้ใช้งาน ดังนั้นเงื่อนไขจึงพร้อมให้แนวคิดกลายเป็นความจริง
น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่อาจขายยาวิเศษทั้งหลายผ่านทางโทรศัพท์วิเศษ
ก่อนจะเข้าโลกเสมือนจริง เหยาฮุยเฉินเกิดความคิดอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาประการหนึ่ง
ทางด้านปู้หลี่เกื๋อที่ทำการทดสอบจนถึงวัตถุดิบสุดท้าย เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออก
เพราะวัตถุดิบมีมากมาย เขาจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องเกินตัว
นับตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดกระบวนการ หยวนก่วยไม่กล่าวอะไรแม้สักคำ
ปู้หลี่เกื๋อจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในใจ ว่าผลการทดสอบนี้จะผ่านไปได้หรือไม่
“กลับไปก่อน” หยวนก่วยตอบคำเสียงราบเรียบ สีหน้านั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
อีกฝ่ายเหมือนเย็นชา ปู้หลี่เกื๋อถอนหายใจอยู่ภายใน
ใช่แล้ว เขาก็แค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง จะมีพรสวรรค์เป็นศิษย์ของเทพแห่งอาหารได้ยังไง
“คืนนี้ข้าจะไปยังบ้านเจ้าเพื่อพูดคุยเรื่องกระบวนการรับเป็นศิษย์”
ขณะปู้หลี่เกื๋อก้าวเท้าออกไป เสียงของหยวนก่วยก็ดังตามหลัง
ปู้หลี่เกื๋อเดินออกจากร้านหยวนก่วยไปยังร้านต้นตำรับ ความรู้สึกในใจตอนนี้คือสับสน
ง่ายดายเช่นนี้?
เป็นศิษย์ของเทพแห่งอาหาร?
ปู้หลี่เกื๋อรู้สึกราวฝันไป
“ปู้หลี่เกื๋อ ในที่สุดเจ้าก็มา เร่งรีบแล้ว กลอรี่กำลังขาดอยู่หนึ่งตำแหน่งพอดี!”
เจียงเฉิงจวินที่กำลังเบื่อ ตอนนี้พบเห็นปู้หลี่เกื๋อเดินเข้าร้านมาจึงโบกมือเรียกด้วยอาการยินดี
ได้ยินเสียงเรียก ปู้หลี่เกื๋อค่อยดึงสติตนเองกลับคืนมาได้
“ไปแล้ว” เขาตอบรับเหมือนดังเคยก่อนจะเดินเข้าไป
“เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ร้านน้อยหยวนก่วยเสียนาน? ข้าส่งข้อความไปเจ้าก็ไม่ตอบ” ปู้ฉืออีขมวดคิ้วกล่าวคำถาม
ปู้หลี่เกื๋อเรียบเรียงความคิดอันยุ่งเหยิงจนได้ตระหนัก ว่าหลายคนรอบด้านมองมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
“กล่าวไปอาจไม่เชื่อ ผู้อาวุโสหยวนก่วยตัดสินใจรับข้าเป็นศิษย์” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวออกอย่างจริงจัง
ทุกคนต่างเงียบเสียงกันไปครู่หนึ่ง
“มุกตลกเจ้าไม่ตลกเท่าไหร่นะ” เจียงเฉิงจวินเผยยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะ
“นี่กล่าวเรื่องจริงหรือ?” ปู้ฉืออีรู้สึกได้ ว่าคำกล่าวเหล่านี้เป็นความจริง
“แน่อยู่แล้ว” ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับ “ผู้อาวุโสหยวนก่วยอีกประเดี๋ยวก็มาที่ร้าน ถึงตอนนั้นลองสอบถามดูก็ได้”
หากกล่าวถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องจริงแล้ว
แต่คำแนะนำของปู้หลี่เกื๋อ ย่อมไม่มีใครกล้าทำตาม
ตอนนี้ปู้หลี่เกื๋อจึงกลายเป็นที่สนใจของภายในร้าน
เทพแห่งอาหาร เป็นศิษย์ของหยวนก่วยผู้อยู่ขอบเขตราชันระดับสูงสุด นั่นหมายความถึงอะไรทุกคนล้วนทราบ มันไม่ต่างอะไรหากจะกล่าวว่าเป็นการก้าวเดินขึ้นทะยานฟ้า
เมื่อหยวนก่วยมาที่ร้าน เสียงสนทนาจึงลดทอนเบาลง
“ตัดสินใจแล้ว?” ฟ่านเฉิงเทียนรอคอยอยู่นาน ตอนนี้เดินเข้ามาสอบถาม
เขากำลังสงสัย ว่าอะไรที่ทำให้เทพแห่งอาหารรับตัวปู้หลี่เกื๋อเป็นศิษย์
แม้ว่าได้ทราบข่าวคราวจากบทสนทนาในร้านเมื่อครู่ แต่เขาก็ยังอยากได้ยินคำตอบจากปากของหยวนก่วย
“ใช่” หยวนก่วยพยักหน้ารับและมองทางปู้หลี่เกื๋อ เขากล่าวออกอย่างไม่ปิดบัง “เจ้าหนูนั่นจะเป็นศิษย์ที่ดีได้”