God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 984
ตอนที่ 984
“จ้าวสำนักกับคณะผู้อาวุโสคิดทำอะไรกัน?” เซี่ยหยิงมองเหยาฮุยเฉินและคณะด้วยความสงสัย
“น่าจะหาทางคลายปริศนาของไวน์หยก” เหว่ยอี้มองอยู่พักหนึ่งและจึงตอบ
“คลายปริศนาของไวน์หยก?” เซี่ยหยิงประหลาดใจ “ล้อกันเล่นหรือ? สินค้าที่ขายในร้านเถ้าแก่จะวิเคราะห์ง่ายขนาดนั้น?”
ด้วยฐานะนักปรุงยาและลูกค้าของร้านต้นตำรับ นางทราบความจริงเรื่องนี้ดี
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” เหว่ยอี้ยักไหล่อย่างอับจน “บางทีจ้าวสำนักอาจคิดอยากได้เห็น ว่าไวน์หยกนั้นทำขึ้นมายังไง”
ด้วยฐานะนักปรุงยา การแสวงหาความรู้คือสิ่งที่ต้องมีอยู่โดยตลอด
“ก็นะ” เซี่ยหยิงพยักหน้ารับคำของเหว่ยอี้
ลั่วฉวนตระหนักพบเห็นท่าทีของเหยาฮุยเฉินและคณะ เขาไม่ได้เข้าไปขวางแต่อย่างใด
ทว่าหากกล่าวถึงคลายปริศนาของไวน์หยก เช่นนั้นก็ใกล้เคียงเพ้อฝันแล้ว
เหยาฮุยเฉินและคณะผู้อาวุโสทั้งเก้าต่างเผยสีหน้ากันเคร่งเครียด
ขั้นแรกคือการย้อนรอยการบ่มไวน์หยก ซึ่งไม่อาจสำเร็จ
รสชาติของไวน์หยก ก็ไม่คล้ายผลไม้วิญญาณใดในความทรงจำของพวกเขาเลย
ด้วยไม่ทราบว่าวัตถุดิบคืออะไร แผนการย้อนรอยขึ้นไปนั้นก็พังทลายแล้ว
“พบเจออะไรบ้าง?” หยวนก่วยเดินเข้ามา
เขาคิดอยากแกะรอยกระบวนการของไวน์หยกเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้จึงเข้ามาสอบถามเรื่อยเปื่อย
“ไม่พบเจออะไร” เหยาฮุยเฉินมองที่หยวนก่วยและส่ายศีรษะอย่างอับจน “ไม่ทราบเลยว่าเป็นยาวิเศษใดกัน”
หยวนก่วยพยักหน้ารับ หาได้เผยความประหลาดใจใดไม่
หลังครุ่นคิด เขาจึงเดินเข้าไปยังหน้าโต๊ะรับเงิน
เหยาฮุยเฉินและผู้อื่นต่างก็ตามไป
“วัตถุดิบในการทำไวน์หยกคืออะไรงั้นหรือ?” ลั่วฉวนเงยหน้าขึ้นมองหยวนก่วยและคณะที่มารวมตัวกันหน้าโต๊ะ
ลั่วฉวนไม่ทราบข้อมูลส่วนนี้เช่นกัน
“ระบบ” เขาจึงเรียกระบบออกมาเหมือนดังเคย
“ผลไม้ที่ใช้หมักบ่มไวน์หยก เป็นการบ่มเพาะขึ้นเป็นพิเศษโดยระบบ…”
“พอแล้ว”
ลั่วฉวนขัดคำระบบเอาไว้
บางทีมันอาจเหมือนผลองุ่นชำระล้างวิญญาณก่อนหน้านี้
“จากต่างโลก” ลั่วฉวนกล่าวตอบ
“เป็นเช่นนี้” หยวนก่วยและคณะถอนห่ายใจ ขณะเดียวกันก็ทราบเหตุผลว้าทำไมลิ้มรสชาติแล้วจึงไม่อาจพบอะไร
พวกเขาต่างก็อยู่ที่โลกนี้ ดังนั้นจึงไม่อาจทำอะไรได้
กลุ่มคนกระจายตัว
ลั่วฉวนดื่มเหล้าซากุระ
หากเทียบกับไวน์หยก เขารู้สึกว่าเหล้าซากุระนี้ดีกว่า
นอกจากนี้แล้วลั่วฉวนยังสงสัยจริงจัง ว่าสรรพคุณของไวน์หยกมันคล้ายหยิบยืมมาจากเรื่องราวใดสักเรื่องในความทรงจำ
เพิ่มพลังชีวิต มันคือรากฐานของชีวิตในการอยู่รอด
พลังชีวิตเป็นศูนย์ สิ่งมีชีวิตตาย เรื่องนี้ทราบกันดี
โดยคร่าวแล้วสรรพคุณของไวน์หยกคือการเติมเต็มพลังชีวิตและฟื้นคืนอาการบาดเจ็บ
จะเรียกว่าเป็นขั้นกว่าของโคล่าก็ได้…
สรรพคุณของไวน์หยกนั้นค่อนข้างเหนือล้ำกว่าที่ลั่วฉวนคาดคิด
เพราะคำบอกเล่าของลูกค้าร้านและประชากรของนครจิ่วเหยา เรื่องราวของไวน์หยกจึงแพร่กระจายออกไป
สาเหตุหลักก็เพราะกลิ่นหอมที่แทบปกคลุมทั้งนครจิ่วเหยา
ที่ภัตตาคารในนครจิ่วเหยา อัตราการขายไวน์วันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก
“เถ้าแก่ ทำไมปล่อยให้ลูกค้าทั้งหลายต่อสู้แย่งชิงไวน์หยกมานาน แต่แล้ววันนี้กลายเป็นมีให้ซื้อเท่าไหร่ก็ได้กัน?” กู่หยุนซีเดินเข้ามากล่าวถามเสียงเบา
ลั่วฉวนมองตอบนางอย่างเรียบเฉย
กู่หยุนซียังมีรอยยิ้มอ่อนจางเผยที่ใบหน้า
ด้วยไม่ตอบอะไร นางที่รอจนเบื่อก็หันกลับไปเอง
หนึ่งวันผ่านพ้นไปเงียบงัน
ในช่วงเย็นจึงเป็นเวลาอาหารเย็นของที่ร้าน
ลั่วฉวนมองก่อนจะได้ข้อสรุป
มื้อนี้ไม่มีอาหารซากุระเลย
นอกจากนี้แล้วตอนมื้อกลางวันก็เปลี่ยนบรรยากาศโดยไปกินที่ร้านน้อยหยวนก่วย
จากนั้นจึงเริ่มทานมื้อเย็น
“ไวน์หยกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หลายคนต่างพูดกล่าวกันถึงเรื่องนี้ไม่ขาด” เหยาซือหยานเผยยิ้ม
ที่ทวีปเทียนหลัน สิ่งแปลกประหลาดที่สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้นั้นควรค่าให้กล่าวถึง
ทุกครั้งที่มันปรากฏล้วนสร้างคลื่นลมได้
แต่ที่ร้านต้นตำรับ ด้วยมูลค่าเพียงหนึ่งแสนผลึกวิญญาณก็สามารถเติมเต็มพลังชีวิตได้แล้ว
และไม่เพียงแต่เติมเต็มพลังชีวิต แต่ยังรักษาอาการบาดเจ็บ
สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือรสชาติอันลึกล้ำของมัน
“กองกำลังอื่นของภูมิภาคที่เหลือคงไม่อาจนั่งเฉยยามได้ยินข่าวคราวนี้” เสียงของลั่วฉวนราบเรียบราวกล่าวถึงเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป
ดังที่เคยกล่าวไป ลูกค้าของร้านต้นตำรับตอนนี้ไม่ใช่มีเพียงแต่สี่สถาบันใหญ่ ภูเขาจักรวาล และกองกำลังชั้นนำทั้งหลาย แต่ยังรวมถึงเหล่ากองกำลังที่อยู่ใกล้เคียงจักรวรรดิเทียนชิง
หากเทียบกับทั้งทวีปเทียนหลัน จำนวนเท่านี้ถือว่ายังน้อย
ด้วยเหตุนี้คำกล่าวของเหยาซือหยานจึงเข้าใจได้
ระหว่างพูดกล่าวไปก็ทานอาหารมื้อเย็นไป
ไม่ทราบว่าหัวข้อสนทนาแปรเปลี่ยนไปยังเรื่องราชวงศ์สัตว์อสูรเมื่อครั้งบรรพกาลได้ยังไง
“ไม่มีบันทึกโบราณคงอยู่ในราชวงศ์สัตว์อสูร” เหยาซือหยานส่ายศีรษะ “ท่านนักบวชใหญ่สืบทอดความทรงจำ ท่านเคยพบท่านบรรพชนพฤกษาที่โบราณสถานมาก่อนและเคยพูดกล่าว แต่มรดกความทรงจำของท่านนักบวชใหญ่ไม่ได้มีรายละเอียดเชิงลึก ข้อมูลโดยเฉพาะเจาะจงนั้นไม่ทราบ”
ลั่วฉวนพยักหน้ารับพลางครุ่นคิดตาม
นักบวชใหญ่สืบทอดความทรงจำ นั่นหมายความถึงมีการส่งข้อมูลตรงเข้าสู่สมอง
เพราะต้นไม้โลกถูกขุมนรกรุกราน ดังนั้นความทรงจำจึงขาดหาย
หายนะเช่นขุมนรกที่เกือบกวาดล้างทั้งโลก มันคือเรื่องจริง
แต่แล้วเผ่าพันธุ์มังกรข้องเกี่ยวอะไรกับหายนะ?
ยังมีก้อนดำน้อย วิกฤตของชาวไซเรน รวมถึงมิติมืดมิด…
ทุกสิ่งอย่างเชื่อมต่อกันโดยเบาะแสไร้ลักษณ์
ไม่ทราบว่าเพราะอะไร ลั่วฉวนเกิดรู้สึก ว่าเก๋อหลัวก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้
ช่างมัน เรื่องนี้คงไว้ต้องภายหลัง ลั่วฉวนได้แต่กล่าวเช่นนี้กับตนเอง
การพูดคุยยังคงดำเนินต่อไป
ลั่วฉวนมองที่ดวงตาสีม่วงของเหยาซือหยานก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “สายเลือดเจ้าคืออะไรนะ?”
“จิ้งจอกสวรรค์สีม่วง เถ้าแก่ถามทำไมหรือ?” เหยาซือหยานมองลั่วฉวนด้วยความสงสัย
“แล้วเปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกสวรรค์สีม่วงได้หรือไม่?” ลั่วฉวนกล่าวถามต่อ
“ไม่ได้” เหยาซือหยานส่ายศีรษะ
“เพราะอะไรกัน?” ลั่วฉวนสงสัย
“ข้าเพียงมีสายเลือด ร่างเดิมอย่างไรก็เป็นมนุษย์เช่นที่เห็น” เหยาซือหยานตอบกลับมา
“เพราะอะไรกัน? หู่ขวงยังกลายเป็นเสือดำได้” ลั่วฉวนนึกถึงความทรงจำยามได้ขึ้นขี่หลังเสือ
“กล่าวอย่างไรดี?” เหยาซือหยานขมวดคิ้วครุ่นคิด “แม้พวกเราเป็นสัตว์อสูร แต่ก็ไม่ใช่เหมือนกัน”
ตามความหมายของเหยาซือหยาน ราชวงศ์สัตว์อสูรเป็นเพียงการจัดแบ่งระดับ ไม่ใช่ราชวงศ์สัตว์อสูรทุกคนสามารถกลายเป็นสัตว์อสูร
หลังพูดกล่าวกันอีกพักหนึ่ง มื้อเย็นก็จบลง
เหยาซือหยานเก็บของขึ้นไปชั้นบน ลั่วฉวนไปนั่งเล่นตรงเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง
จากนั้นจึงสวมหมวกและเข้าไปยังเก๋อหลัว