God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1060
ตอนที่ 1060
แรงสั่นสะเทือนทางมิติและเสียงดังสนั่นที่ราวกับดังไปทั่วทั้งฟ้าดิน มันเป็นผลให้ค่ายอาคมคุ้มกันของนครจิ่วเหยาทำงานด้วยตัวของมันเอง
ค่ายอาคมทำงาน แต่ก็คงอยู่เพียงแค่ชั่วครู่
เพราะแรงปะทะที่ปรากฏไม่มาก ดังนั้นมันจึงยังต้านรับเอาไว้ได้ สาเหตุว่าทำไมมันถูกกระตุ้นทำงาน ก็เพราะพลังที่แผ่พุ่งมารุนแรงเกินกว่าที่กำหนด
แม้กระนั้นมันก็ทำให้ทั้งนครจิ่วเหยากลายเป็นตื่นตัว
เกิดการเคลื่อนไหวรุนแรง ไม่ว่าใครทำอะไรอยู่ ตอนนี้พวกเขาจะหยุดการกระทำพร้อมออกมารับชมเป็นการตอบสนองต่อเรื่องราว
เสียงดังสนั่นฟากฟ้ายังกลบเสียงฝนจนเลือนหาย
ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านต้นตำรับมีอาการตอบอสนองแตกต่างกันไป ส่วนหนึ่งตื่นตะลึง ขณะที่อีกส่วนหนึ่งพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นทันทีที่รู้สึกตัว
“การเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ไม่ทราบ แต่ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่”
“มัวเสียเวลาพูดอยู่ทำไม? อยากทราบก็ออกไปดูไม่ดีกว่าหรือยังไง?”
“ไม่ต้อง เอาโทรศัพท์วิเศษออกมารับชมน่าจะทราบง่ายกว่า…”
ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านต้นตำรับมีมุมมองต่อโลกค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้เกิดเรื่องราวแปลกประหลาดพวกเขาก็ยังพร้อมจะเผยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมรับสถานการณ์
ตอนนี้พวกเขากำลังเริ่มค้นหาถึงต้นตอการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกันแล้ว
ลูกค้าบางคนที่กำลังใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงอยู่ต่างก็กลับออกมา พวกเขาเหม่อมองรอบด้านด้วยความสงสัยว่ามันเกิดเรื่องราวใดขึ้น
ส่วนลูกค้าที่เหลือในร้านผู้ซึ่งยังคงดื่มด่ำกับโลกเสมือนจริง นั่นเป็นเพราะพวกเขาเปิดระบบป้องกันการรบกวนจากภายนอก ที่พวกเขาตั้งค่าเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้ผู้อื่นรบกวนเวลาของตนเอง
การเคลื่อนไหวใหญ่โตเพียงนี้ คงไม่ใช่เย่ว์หลิงทดลองอะไรอีกแล้วกระมัง?
สาเหตุแรกที่ปรากฏในความคิดลั่วฉวนคือเย่ว์หลิง
อย่างไรแล้วนางก็ถือเป็นลูกค้าคนพิเศษ เรื่องราวที่นางทำล้วนฝากความประทับใจฝังลึกให้ลั่วฉวน เขายังจำได้ดีถึงครั้งก่อนที่นางสร้างระเบิดรุนแรงในเทือกเขาจิ่วเหยาที่ไม่ไกลห่างจากเมืองสักเท่าไหร่
ต้องกล่าวว่าเพราะสายฝนที่ยังคงตกต่อเนื่องจึงเป็นผลให้ทะเลสาบจากหลุมระเบิดเกือบน้ำล้นจนวิกฤต จี้อู๋ฮุยถึงกับต้องเปลืองแรงแก้ไขปัญหานี้ยกใหญ่
ลั่วฉวนดึงความคิดกลับคืน เพราะเขานึกถึงเรื่องอานเหวยหยาบอกกล่าวเมื่อเช้า ที่ว่าโบราณสถานกำลังจะปรากฏขึ้น
โบราณสถานที่เปรียบดังปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของโลกใบนี้ มันได้ปรากฏยังโลกแห่งนี้อีกครั้งด้วยวิธีการที่ยากคาดคิดและคาดเดาได้ถึง
ต่อให้ทราบข่าวคราวล่วงหน้า ลั่วฉวนก็ยังต้องประหลาดใจไม่น้อยอยู่ดี
หากเทียบกับโบราณสถานครั้งก่อน การเคลื่อนไหวครั้งนี้รุนแรงกว่ามาก มันแตกต่างกันก็เพราะขนาดของโบราณสถานอย่างนั้นหรือ?
“เถ้าแก่ การเคลื่อนไหวนี้เป็นเพราะโบราณสถานที่เพิ่งบอกเมื่อเช้า” อานเหวยหยาเดินมาถึงตรงหน้าโต๊ะตอนใดไม่ทราบ นางกล่าวบอกออกมาเสียงเบา “เหมือนที่ข้าคิดเอาไว้ ไม่ค่อยไกลจากที่นี่เท่าไหร่”
“หรือก็คือ ลูกค้าของร้านควรออกไปสำรวจ?” ลั่วฉวนมองทางเหวินเทียนจีและคณะที่เตรียมออกจากร้านไปรับชมทิศทางต้นตอความเคลื่อนไหว
ม่านพลังที่ปรากฏขึ้นจากพลังวิญญาณควบแน่นได้กันสายฝนออกไป หากมองจากระยะไกลจะเหมือนดังร่มโปรงใสที่ไม่อาจมองเห็น
“ก็อาจจะ” อานเหวยหยาพยักหน้ารับ “เถ้าแก่ไม่คิดไปรับชมหน่อยหรือ?”
“ไม่ไป” ลั่วฉวนตอบรับเสียงราบเรียบ แค่มีโทรศัพท์วิเศษก็มากพอให้เขาคลายข้อสงสัยส่วนใหญ่ได้แล้ว
เรื่องสำคัญเช่นโบราณสถานปรากฏ ลูกค้าหลายคนจะต้องไปเยือนอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นอาจมีกระทั่งการถ่ายทอดสดให้รับชมด้วยซ้ำ
ขณะอานเหวยหยาคิดกล่าวอะไรออก ความเปลี่ยนแปลงประหลาดพลันปรากฏใกล้เคียงประตูแสงภายในร้าน
ธาตุน้ำได้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและก่อตัวอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีจึงกลับกลายเป็นหญิงสาวเส้นผมสีเทา
เอเลน่าที่คล้ายงุนงง ตอนนี้สำรวจมองรอบด้านก่อนจะกล่าวออกอย่างเหม่อลอง “นี่… เหมือนว่าจะเป็นร้านของเถ้าแก่หรือ?”
“ไม่ใช่เหมือนว่า แต่เป็นร้านของเถ้าแก่” เหยาซือหยานก้าวเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย “ทำไมถึงปรากฏตัวเช่นนี้กันล่ะ?”
“ข้าคิดกลับไปเกิดใหม่ที่นครไซเรน แต่เหมือนจะมีอะไรผิดพลาดไป” เอเลน่าตอนนี้คล้ายพ้นจากสภาพความงุนงงแล้ว และคำของนางก็เป็นผลให้เหยาซือหยานถึงกับต้องอ้าปากเหวอ
“กะ-เกิดใหม่?” เหยาซือหยานกล่าวถามด้วยสีหน้านึกหวาดกลัว
“ใช่” เอเลน่าพยักหน้าตอบรับ ราวกับว่าเป็นเรื่องทั่วไปไม่ใช่อะไรผิดแปลก สีหน้าของนางตอนนี้ราวกำลังนึกย้อน “ตอนนั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงดังสนั่นปรากฏ พอจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นอะไรแปลกแปลมปรากฏในมิติ ข้าก็ถูกส่งตัวกลับมาเกิดใหม่ที่นี่แล้ว”
บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองไม่ได้ปิดกั้นให้ผู้อื่นได้ยิน ดังนั้นตอนนี้หลายคนจึงได้ยินเรื่องราวอันน่าทึ่งเข้าให้
ชาวไซเรนหลังความตายสามารถถือกำเนิดขึ้นใหม่? พวกเขาไม่เคยแม้คิด ว่าจะมีเผ่าพันธุ์ที่ถือครองความสามารถประหนึ่งต่อต้านฟ้าดินเช่นนี้คงอยู่
ตอนนี้ชาวไซเรนถือเป็นกลุ่มลูกค้าขาประจำของร้านต้นตำรับ แต่ก็ไม่ใช่ว่ายาวนานแต่อย่างใด ลูกค้าหลายคนจึงเพียงเคยได้ยิน ตอนนี้ค่อยได้เห็นกันเป็นครั้งแรกก็มีไม่น้อย
กลายเป็นว่ากระบวนการฟื้นคืนชีพของไซเรนเป็นเช่นนี้ ลั่วฉวนที่รับชมเรื่องราวอยู่จึงได้ความรู้ใหม่
ตอนนี้มีชาวไซเรนอยู่หลายคนภายในร้าน หลังรับรู้ได้ถึงออร่าของเอเลน่าที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ พวกนางจึงเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ข้อมูลที่ได้ทราบก็ไม่ต่างกับที่บอกเหยาซือหยานไปเมื่อครู่ ตอนเกิดเรื่องขึ้นเอเลน่าก็ถูกส่งตัวกลับมายังร้านต้นตำรับแล้ว มันเป็นการเกิดใหม่อีกครั้งโดยไม่ได้เห็นว่าต้นสายปลายเหตุคืออะไร
นางกระทั่งจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นที่ใด เพียงทราบว่าอยู่ในเทือกเขาจิ่วเหยา และคงมีแต่พระเจ้าที่ทราบว่าเหตุใดนางไปยังที่นั่น
“หรือก็คือ เอเลน่าเพิ่งพบเจอกับโบราณสถานที่เคลื่อนคล้อยมายังโลกแห่งนี้?” ลั่วฉวนมองทางเอเลน่าที่ตอนนี้ถูกลูกค้าหลายคนล้อมเอาไว้
ไม่ทราบว่านี่เป็นโชคดีหรือไม่ดีกันแน่
สิ่งมีชีวิตธาตุน้ำที่พิเศษ เผ่าพันธุ์ที่มีพรสวรรค์ประหนึ่งเวทมนตร์ หลังความตายสามารถฟื้นกลับคืนได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องราวเช่นนี้มากพอที่จะทำให้เผ่าพันธุ์อื่นผู้ทรงภูมิปัญญาอิจฉาอย่างล้นพ้นแล้ว
“กล่าวคือเมื่อใดที่โบราณสถานเคลื่อนคล้อยลงมา เมื่อนั้นจะเกิดแรงปะทะอันรุนแรงมหาศาล พลังงานบริเวณใกล้เคียงจะรวมศูนย์และกระจายออก การปะทะกันระหว่างสองมิติมีระดับพลังงานที่มากพอคุกคามผู้ฝึกตนขอบเขตราชันได้” อานเหวยหยาไม่ลืมที่จะเสริมความเห็นของตนเองหลังผ่านการวิเคราะห์ “แน่นอนว่าโบราณสถานบางแห่งก็มีความพิเศษ เรื่องราวเช่นนี้อาจเกิดหรืออาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ ส่วนเรื่องผลกระทบต่อขอบเขตผู้ฝึกตนอาจแตกต่างไปก็ได้ เพราะข้ายังไม่ค่อยคุ้นกับการแบ่งขอบเขตการฝึกตนสักเท่าไหร่ ว่าแต่ทำไมถึงต้องแบ่งเช่นนี้ด้วยกันนะ?”
อันที่จริงลั่วฉวนเองก็คิดอยากบ่นเรื่องการแบ่งขอบเขตการฝึกตนของทวีปเทียนหลัน มันยากจดจำ แต่ละขอบเขตใหญ่จะแบ่งออกเป็นขอบเขตย่อยมากมาย ดังนั้นจึงยากที่จะจินตนาการได้ว่าผู้ฝึกตนตั้งแต่แรกเริ่มก้าวหน้ากันขึ้นมาได้ยังไง นี่ยังไม่กล่าวถึงว่าต้องใช้แรงใจเพียงใดกว่าจะก้าวตั้งแต่ขอบเขตหลอมกายขึ้นมากันได้