God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1059
ตอนที่ 1059
โบราณสถานแห่งทวีปเทียนหลันคืออะไร?
แม้ว่าจะเดินดุ่มไปสอบถามชาวเมืองทั่วไปเรื่องโบราณสถาน สิ่งที่จะได้รับกลับมาคือความหลากหลายทางข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเปรยดังผู้ฝึกตนที่โดนศัตรูไล่ล่า หากได้เข้าไปในโบราณสถานซึ่งซ่อนอยู่ในป่าจะแข็งแกร่งมากขึ้นขนาดสังหารศัตรูได้ในพริบตา นี่คือความแข็งแกร่งที่ได้รับจากโบราณสถาน และมันยังมีประเภทที่ปรากฏในพื้นที่ชั่วข้ามคืนจนส่งผลให้สรรพชีวิตในรัศมีนับร้อยกิโลเมตรตกตาย รวมถึงยังมีอีกหลากหลายเรื่องราว
ผู้คนทั่วไปที่โดนสอบถาม บางทีอาจบอกเล่าข่าวลือที่ได้ยินมาโดยไม่ทราบว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่ด้วยซ้ำ ยิ่งหากถามถึงรายละเอียดจะยากพบเจอความจริงได้ เพราะไม่มีทางที่ผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์มาแล้วจะง่ายพบเจอตามข้างทาง
แต่หากถามพวกเขาว่าทำไมทวีปเทียนหลันถึงมีโบราณสถาน พวกเขาเหล่านั้นอาจเผยสีหน้าฉงนใจกลับมา ว่าเหตุใดจึงกล่าวถามคำถามเช่นนี้
เพราะสำหรับพวกเขา โบราณสถานที่ปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ามันจะเปรียบดังดวงตะวันขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ
เพราะมันเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานจนไม่มีใครเกิดนึกตั้งเป็นคำถามขึ้นมา
แต่อานเหวยหยาไม่มใช่ นางทราบ
มังกรสาวครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถาม “เถ้าแก่เข้าใจว่าโบราณสถานเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของโลกแห่งนี้ก็ได้”
“ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ?” เหยาซือหยานที่เป็นชนพื้นเมืองของโลกนี้ ครั้งแรกได้ยินจึงเผยสีหน้าประหนึ่งว่านี่ก็เป็นความรู้ใหม่ “มันเหมือนการที่สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติต้องการวิวัฒนาการโดยตัวตนของโบราณสถาน?”
“แม้ว่าความเป็นจริงแตกต่างออกไปบ้าง แต่โบราณสถานมีอยู่เพื่อสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาในโลกนี้อย่างแน่นอน” อานเหวยหยาพยักหน้ารับ
คำตอบของอานเหวยหยาเกินกว่าที่ลั่วฉวนคาดคิด เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำ ‘ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ’
เดิมเขาคิดว่าโลกนี้ก็ปกติธรรมดา เพียงแต่มีบางส่วนที่แตกต่างกันออกไปบ้าง อีกทั้งยังมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาหลากหลายเผ่าพันธุ์ อารยธรรมมีความซับซ้อน แต่ตอนนี้ลั่วฉวนได้เข้าใจว่าตนเองยังรู้จักโลกแห่งนี้ตื้นเขินเกินไป
บอกว่าโบราณสถานปรากฏขึ้นเป็นปกติ ทั้งที่มันมาจากต่างมิติ นี่มันเห็นชัดว่าผิดปกติไม่ใช่หรือยังไง?
“ในเมื่อเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ งั้นก็ต้องมีต้นสายปลายเหตุจริงไหม?” ลั่วฉวนเกิดสนใจประเด็นนี้ขึ้นมา
“เรื่องนี้เถ้าแก่คงต้องสำรวจด้วยตัวเองแล้ว” อานเหวยหยาส่ายศีรษะตอบกลับอย่างจริงจัง
ลั่วฉวนก็พอคาดเดาได้ว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
ในบางด้าน อานเหวยหยาไม่คิดตอบคำถามเป็นข้อมูลโดยตรง
เรื่องนี้จึงทำให้ลั่วฉวนเกิดรู้สึกถึงการคงอยู่ของเทพ ตราบเท่าที่กล่าวถึง พวกเขาจะรับรู้ได้ เหมือนเป็นความเชื่อมโยงระหว่างการกระทำและกรรม หรือจะบอกว่าเป็นการถูกแทรกแซงทางข้อมูลก็ไม่ผิด
ช่างมัน คิดมากไปเหมือนจะไม่ดีเท่าไหร่
ลั่วฉวนดึงความคิดกลับคืน ตอนนี้เขาเพียงแค่ทานอาหารต่อไปอย่างเงียบงัน ไม่ว่จะมีเทพหรือเทพมารคงอยู่หรือไม่ เหล่านี้ไม่อาจรบกวนสมาธิเขาอีกต่อไป
อยู่เช่นนี้โดยที่ไม่รู้อะไรมากนักก็เป็นชีวิตที่เรียบง่ายดี
ยกตัวอย่างชาวไซเรนที่เกือบถูกจิตแห่งเงาทำลายล้าง (อันที่จริงยังคงมีหนานกงอู๋เย่ว์ที่เป็นชาวไซเรน ดังนั้นจึงไม่ใช่การถูกทำลายล้างโดยสมบูรณ์ทั้งเผ่าพันธุ์แต่อย่างใด”
หากร้านต้นตำรับมีบริการรับจ้างแก้ไขปัญหาเหล่านั้นขึ้นมา ลั่วฉวนที่เป็นเถ้าแก่คงเป็นคนแรกที่ไม่ยินดีกับงานสักเท่าใดนัก
หากต้องออกไปช่วยโลกสักครั้งในช่วงระยะเวลาหนึ่งก็เข้าใจได้ แต่หากต้องออกไปเพื่อลูกค้าทุกวัน… เช่นนั้นลั่วฉวนคงได้ปิดร้านต้นตำรับเพื่อเดินทางท่องโลกแล้ว
เรื่องราวของโบราณสถานจบลงที่ตรงนี้ ทางด้านอานเหวยหยากับเหยาซือหยานสนทนาเรื่อราวอื่นกันระหว่างมื้ออาหารเช้าแทนเรียบร้อยแล้ว
ลั่วฉวนและปิงชวงเป็นประหนึ่งไม่มีตัวตนในการสนทนาของทั้งสอง…
เมื่อปู้หลี่เกื๋อมาถึงร้าน เขาค่อยได้เห็นภาพฉากที่กวนใจ
“เถ้าแก่ ข้ามาทานมื้อเช้าที่นี่ด้วยได้หรือไม่?” เขากัดอาหารเช้าที่เพิ่งซื้อมาจากร้านหยวนก่วยพลางถาม
“ไม่ได้” ลั่วฉวนส่ายศีรษะก่อนจะถอนหายใจอยู่ภายใน
เวลาผ่านไป จำนวนลูกค้าภายในร้านเริ่มเพิ่มมากขึ้น การต่อแถวยาวเช่นเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอีกต่อไป แต่เป็นแถวนั้นที่รอคอยไม่นานก็ได้ใช้บริการ
เหมือนว่าลูกค้าทั้งหลายจะทราบแล้ว ว่าสรรพคุณของชานมที่เป็นการเสริมศักยภาพไม่ใช่เห็นผลได้ภายในหนึ่งวัน ดังนั้นความตื่นเต้นที่เคยมีว่าจ่ายสิบได้ผลลัพธ์เท่าหมื่นเช่นน้ำแร่จึงเลือนหาย
“…คิดว่ายังไง?” เหวินเทียนจีกับอู๋เทียนนั่งตรงข้ามกน คิ้วของพวกเขาขมวดมุ่นและครุ่นคิด บรรยากาศค่อนข้างจริงจังราวกับกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญ
อันที่จริงทั้งสองก็ถือเป็นสุดยอดฝีมือ บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองที่เผยออกจึงยิ่งเด่นชัด
“คิดว่าได้อยู่” อู่เทียนพยักหน้ารับเล็กน้อย คำของเขาเป็นการยอมรับ และสิ้นคำก็มีเสียง “แก้ก” ดังปรากฏ
“งั้นก็ตัดสินกันแล้ว” เหวินเทียนจีพยักหน้ารับ “จัดการแข่งโกะที่นี่ใช่ไหม?”
“แข่งหรือ? แข่งอะไร?” ฟ่านเฉิงเทียนบังเอิญเดินผ่านจึงได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองไม่ครบถ้วน
“ผู้อำนวยการฟ่านสนใจเข้าร่วมการแข่งโกะด้วยหรือไม่?” เหวินเทียนจีเผยยิ้มกล่าวถาม
“โกะงั้นหรือ เอาสิ” ฟ่านเฉิงเทียนพยักหน้ารับก่อนจะนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา “ตอนนี้เข้าร่วมกี่คนแล้ว? ให้ข้าเรียกคนอื่นมาด้วยดีหรือไม่?”
“เพิ่งตัดสินใจกันได้เมื่อครู่นี้เอง” อู๋เทียนกล่าวตอบ “สร้างกลุ่มแชทแล้วเพิ่มผู้ที่ต้องการเข้าร่วมแข่งเลยก็ได้”
“ทำเช่นนั้นก็ไม่เลว” เหวินเทียนจีเห็นพ้อง
“…แข่งโกะ?” ลั่วฉวนมองทางเหวินเทียนจีและคณะที่เดินเข้ามาหา พวกเขาคิดจัดการแข่งโกะที่ร้านต้นตำรับ “ได้”
งานที่จัดขึ้นโดยเหล่าลูกค้า ลั่วฉวนไม่คิดเข้าไปแทรกแซง อันที่จริงก็เพราะเกียจคร้านเกินจะทำ
“เถ้าแก่สนใจเข้าร่วมด้วยหรือไม่?” เหวินเทียนจีกล่าวเชิญ
“ข้า? ไม่ดีกว่า” ลั่วฉวนส่ายศีรษะเป็นการปฏิเสธ
เล่นโกะเพื่อความสนุกสนานก็ได้อยู่ แต่หากเป็นการแข่งขันโกะนั้นลั่วฉวนจะไม่มีทางเข้าร่วมอย่างแน่นอน
เพราะความพิเศษของโกะ การเข้าร่วมแข่งขันจะต้องใช้พลังงานทางสมองอย่างมหาศาล ซึ่งนั่นไม่ใช่วิถีทางที่ลั่วฉวนจะเลือกเดิน
เหมือนกับการที่งานอดิเรกกลายเป็นงาน มันจะทำให้สูญเสียแรงกระตุ้นให้อยากเล่นจนทำผู้คนขยาด
ได้รับคำตอบจากลั่วฉวน พวกเขาจึงเดินกลับกันไป
จากบทสนทนาของพวกเขาไม่ยากจะทราบ ว่ากำลังหารือถึงรายละเอียดการแข่งขันโกะ
ขณะลั่วฉวนนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาเตรียมรับชมการถ่ายทอดสด เสียงดังสนั่นพลันปรากฏขึ้นราวสะท้อนดังก้องไปทั่วทั้งโลก
ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน หรือพูดกล่าวให้ถูกคือการสั่นสะเทือนทางมิติอ่อนจาง ทว่าร้านต้นตำรับไม่ได้รับผลกระทบมากมายแต่อย่างใด ถ้วยเหล้าซากุระที่ลั่วฉวนวางเอาไว้บนโต๊ะไม่มีแม้กระทั่งคลื่นวงน้ำปรากฏด้วยซ้ำ
ค่ายอาคมคุ้มกันนครจิ่วเหยาทำงานส่องสว่าง ท้องฟ้าที่เคยดำมืดตอนนี้กลายเป็นสว่างเจิดจ้าขึ้นมา