God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1056
ตอนที่ 1056
หลังได้ทดสอบระหว่างชานมทั้งสองร้าน หลินฟานเกิดเสียดายที่ซื้อจากภัตตาคารเซียนหงส์อมตะขึ้นมา
แต่เรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้วก็ไม่ควรหยิบยกขึ้นมาอีก ตอนนี้เขาจึงเข้าสู่โลกเสมือนจริงเพื่อไปรับชมตัวละครใหม่ของกลอรี่ที่รอคอยมานาน
“เถ้าแก่เล่นโกะกันไหม?” อู๋เทียนในชุดคลุมสีดำเดินมาถึงตรงหน้าโต๊ะอย่างเงียบงัน
แม้อู๋เทียนตอนนี้กลายเป็นผู้นำภูเขาจักรวาลเพราะพุทธองค์ถอยทางให้ แต่กิจวัตรประจำวันของเขาก็แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
นอกจากนี้ภูเขาจักรวาลยังเป็นหนึ่งในกองกำลังสูงสุดแห่งทวีปเทียนหลัน ยกเว้นการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งผู้นำ นอกเหนือจากนั้นแทบไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้น
ตอนนี้อู๋เทียนเหมือนจะมีลั่วฉวนเป็นเป้าหมาย เขาคิดก้าวหน้าไปบนหนทางอันเรียบง่าย ทุกวันมาที่ร้าน ใช้เวลาเล่นโกะไปเสียส่วนใหญ่ จากนั้นจึงเป็นโลกเสมือนจริง
อู๋เทียนยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับสูงสุดในบรรดาลูกค้าที่เล่นโหมดทั่วไปของหอคอยแห่งการทดสอบอีกด้วย นามนักรบจอมเวทของเขาเป็นที่เลื่องลือกันแม้ในหมู่ประชากรชาวออรัน
“โกะหรือ? รอสักเดี๋ยว” หลังเขียนนิยายเรียบร้อย ลั่วฉวนก็เปิดแอพไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดขึ้นมาเล่น ตอนนี้เกมกำลังดำเนินอยู่
อู๋เทียนพยักหน้ารับและรอคอย
เวลาในการเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดแต่ละครั้งไม่ค่อยนานเท่าไหร่นัก เพียงไม่กี่นาทีลั่วฉวนก็ผ่อนลมหายใจเบาออกมา เขาโยนไพ่ราชาน้อยออกไปก่อนจะได้รับชัยชนะมาอยู่ในกำมือ
เมื่อเขาวางโทรศัพท์วิเศษ อู๋เทียนก็เตรียมกระดานโกะและตัวหมากรออยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มเล่นโกะต่อโดยทันที
ลั่วฉวนเกิดรู้สึกขึ้นมาในใจ ว่าตอนนี้ตนเองเป็นเหมือนพนักงานเกษียณที่วันหนึ่งใช้เวลาอันเรียบง่ายอย่างเรื่อยเปื่อย
ทุกวันจะมีกิจวัตรวนซ้ำ รดน้ำต้นไม้ เขียนงาน บางครั้งก็เล่นโกะกับลูกค้าภายในร้าน
มันเป็นความสุขสบายจนเคยตัวขึ้นมา
หลังถอนหายใจ ลั่วฉวนค่อยยกเหล้าซากุระขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง
อู๋เทียนนั่งฝั่งตรงข้ามตั้งสมาธิ คิ้วขมวดเล็กน้อย ท่าทีคล้ายกำลังตระหนักวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ล่วงหน้า
ต้องกล่าวว่าโกะเป็นเกมกระดานที่น่าทึ่ง ตลอดมาลูกค้าหลายคนเริ่มเข้าถึง ว่ามันมีความลึกล้ำยิ่งกว่าไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดมากมายนัก
ลั่วฉวนกระทั่งได้ยินอู๋เทียนกับเหวินเทียนจีพูดคุยเรื่องโกะต่อกันแม้ไม่ได้เล่น
เขาถึงกับนึกทึ่งที่เหล่ายอดฝีมือของทวีปเทียนหลันถึงขั้นหย่อนยานสบายกายสบายใจยิ่งกว่าตนเอง…
เพียงพริบตา หลายวันก็ผ่านพ้นไปอย่างเงียบงัน
ร้านต้นตำรับก็เหมือนเช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“…ข้าคิดมาตลอดว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ ร้านต้นตำรับก็จะยังคงตั้งอยู่ที่นี่” ยี่ลาทานไอศกรีมพลางถอนหายใจพูดกล่าวออกมา ปลายหางของนางยังตวัดตบพื้นไปมาจนเกิดเสียง
ด้วยฐานะหนึ่งในชาวไซเรนที่ลั่วฉวนรู้จัก เขาทราบความหมายของการกระทำเช่นนี้ นั่นคือการตอบสนองยามได้ทานของอร่อย
“เถ้าแก่ ไอศกรีมรสเบอร์รี่เย็นค่อนข้างอร่อยเลยทีเดียว ไม่นึกมาก่อนเลยว่ามีด้วย” หัวข้อสนทนาของนางแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
“ทำไมจำนวนของชาวไซเรนที่มาร้านต้นตำรับช่วงนี้ถึงน้อยลงไปมากกัน?” ลั่วฉวนกล่าวถามไปเรื่อย นี่เป็นเรื่องที่เขาเพิ่งได้ตระหนักเมื่อไม่นานมานี้
“โอ้ เรื่องนี้นี่เอง” ยี่ลาไม่เผยท่าทีประหลาดใจออกมาแต่อย่างใด “พวกนางออกไปเดินทางท่องเที่ยวกัน”
“ท่องเที่ยว?” เหยาซือหยานเกิดสนใจขึ้นมา
“ชาวไซเรนถือกำเนิดมาเพื่อเป็นนักเดินทาง” ยี่ลาที่แม้มีไอศกรีมเต็มปากก็ยังพูดตอบ อีกทั้งปลายหางยังตวัดฟาดกับพื้นไปมา “หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องจิตแห่งเงา ชาวไซเรนคงไม่ได้รวมตัวกันอยู่ที่นครไซเรนเป็นแน่”
“เพราะงั้นก็เลยมีข่าวคราวเรื่องพวกเจ้าในทวีปเทียนหลันเพียงน้อยนิด?” เหยาซือหยานเผยข้อคาดเดา
พิจารณาจากช่วงเวลา วิกฤตของชาวไซเรนน่าจะเกือบหลายสิบถึงระดับร้อยปีก่อน กับโลกเช่นทวีปเทียนหลัน เวลาระดับนั้นไม่น่าเป็นผลให้ข่าวคราวของสายพันธุ์หนึ่งเลือนหายไปได้
“คำถามนี้ตอบไม่ยาก” ยี่ลายิ้มพร้อมส่ายนิ้วไปมา “แรกเริ่มเลยชาวไซเรนนั้นชื่นชอบการท่องเที่ยง แต่ก็ไม่ชอบเปิดเผยตัวตนด้วย เพราะสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญามักเกิดข้อสงสัย พวกเขาอาจหนักมือจนเกิดเป็นการสร้างปัญหาแก่พวกเราได้”
เรื่องราวนี้ง่ายเข้าใจ เช่นคนใหญ่คนโตบังเอิญเปิดเผยตัวตนระหว่างการท่องเที่ยว ถึงตอนนั้นจะดึงดูดความสนใจชาวพื้นเมืองขึ้นมา เช่นนั้นพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาแต่แรกจึงดีกว่า
“ในเมื่อมีอย่างแรก งั้นก็มีอย่างที่สองอีกสินะ?” เหยาซือหยานเผยยิ้ม
“แน่นอน” ยี่ลาพยักหน้าตอบรับ “ประเด็นสำคัญคือระยะทาง นครไซเรนตั้งอยู่ในห้วงลึกใต้สมุทร อีกทั้งยังไกลห่างจากทวีปเทียนหลันอย่างมหาศาล ชาวไซเรนที่เดินทางมาไกลถึงที่นี่เรียกได้ว่าเป็นส่วนน้อยมาก”
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานเกิดคิดขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งสองสาเหตุนี้มากพอจะอธิบายได้ว่าเหตุใดข่าวคราวของชาวไซเรนจึงแทบไม่มีตัวตนในทวีปเทียนหลัน
“อย่างนั้นแล้วทำไมไม่สร้างประตูมิติขึ้นมากัน?” ลั่วฉวนทราบถึงอารยธรรมอันพิเศษของชาวไซเรน พวกนางมีความสามารถพิเศษก้าวล้ำยิ่งกว่าความก้าวหน้าของทวีปเทียนหลันอย่างมหาศาล “สร้างประตูมิติไม่น่าเป็นไปไม่ได้ หรือว่าเพราะยากก่อสร้าง?”
“เพราะไม่มีอะไรให้น่าท่องเที่ยวต่างหาก”
เหยาซือหยานกับลั่วฉวน : …
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” ยี่ลากล่าวบอก “ประตูมิติที่เถ้าแก่ให้สร้างขึ้นในนครไซเรนได้เชื่อมโยงถึงสองพื้นที่เข้าด้วยกัน ตอนนี้ชาวไซเรนส่วนใหญ่ต่างสงสัยต่อความเป็นไปของโลกมนุษย์ เพราะงั้นก็เลยเริ่มออกเดินทางกันไปแล้ว”
ประตูแสงที่เพียงเชื่อมโยงมายังร้านและใช้งานกันอย่างคุ้นเคย ตอนนี้มันเป็นการเปิดโลกใหม่ให้แก่ชาวไซเรนได้ออกเดินทางค้นหา ลั่วฉวนคิดเช่นนี้
จากปากคำของยี่ลา เพราะนางคือผู้บัญชาการทัพของนครไซเรน ดังนั้นจึงไม่อาจเดินทางไปไหนมาไหนโดยอิสระเช่นชาวไซเรนทั่วไป
บอกกล่าวตามตรง ลั่วฉวนไม่เห็นว่าตำแหน่งผู้บัญชาการไซเรนนี้สำคัญมากนัก เพราะพวกนางล้วนแข็งแกร่งยิ่งกว่าชาวทะเลอย่างมหาศาล แต่มันก็อาจมีส่วนเฝ้าระวังอื่นที่เขายังไม่ทราบ
ต้องกล่าวว่าแม้ชาวไซเรนมีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง แต่พวกนางไม่ได้ไปก่อเรื่องให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตในบริเวณใกล้หรือไกล ลั่วฉวนจึงได้ข้อสรุปว่าข่าวลือที่เคยกล่าวขานถึงไซเรนไม่ได้เป็นจริงแต่อย่างใด
อย่างไรแล้วกระทั่งเผ่าพันธุ์มังกรก็ยังมีข่าวลือจนสร้างความปั่นป่วนขึ้นได้ แต่ไม่ช้าผู้คนก็เลิกกล่าวขานกันถึง
แต่หากคิดถามถึงเรื่องนี้ อานเหวยหยาน่าจะทราบต้นตอว่าเป็นจริงหรือแค่ข่าวลือ
ขณะฟ้าเริ่มมืดลง เวลามื้อเย็นของร้านต้นตำรับก็มาถึง เพราะปิงชวงร้องขอ (ที่จริงแล้วแค่ยืนนิ่งจ้องมอง) นางและอานเหวยหยาจึงอยู่ที่ร้านกันต่อ
พอลั่วฉวนกล่าวถึงตำนานมังกร มังกรสาวถึงกับเผยสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง นางพยายามบ่ายเบี่ยงประเด็นนี้ระหว่างทานอาหาร
เหยาซือหยานเกิดสงสัย ภายใต้นางยืนกรานถามซ้ำ อานเหวยหยาจึงถอนหายใจเบาเผยสีหน้าบ่งบอกว่า ‘เรื่องราวมันดำมืด’ และ ‘ทำไมถึงต้องมาถามตอนระหว่างทานอาหารอร่อยด้วย’ ออกมาอย่างไม่ปิดบัง