God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1055
ตอนที่ 1055
สายฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง หากสดับหูฟังสักเล็กน้อยจะได้ยินเสียงฝนตกกระทบ น้ำฝนจะรวมตัวกันและไหลไปตามความลาดเอียงสู่เส้นทางระบายน้ำของสองฟากถนน
อากาศเย็นและความชื้นที่แทรกผ่านเสื้อผ้า มันเป็นผลให้หลินฟานต้องตัวสั่น
ช่วงนี้ที่อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว มันทำเขาต้องกอดแขนตนเองพลางครุ่นคิดในใจ
บนถนนมีคนสัญจรไปมาเพียงสองถึงสามคน ร้านค้าของสองฟากข้างเส้นทางส่วนใหญ่ปิดลง ผู้คนที่ทำงานและมีเวลาได้พักต่างก็โดนผลกระทบจากฝนที่ตกต่อเนื่องเข้าเล่นงาน พวกเขาแทบไม่ขยับออกไปไหนกัน
หลินฟานมีเวลาพักผ่อนครึ่งวัน ตอนนี้เขาคิดไปใช้บริการที่ร้านต้นตำรับ
แม้ว่าสถานะของเขาไม่ใช่เช่นที่เคยเป็น แต่ขอบเขตการฝึกฝนแทบไม่เปลี่ยนแปลง เขาก็ยังคงอยู่ขอบเขตหลอมกายที่ดีกว่ามนุษย์ปกติเพียงเล็กน้อย
ด้วยถือร่มในมือเพื่อป้องกันเม็ดฝนที่ตกลงจากฟากฟ้า พื้นผิวของร่มจึงทำหน้าที่รับสายฝนแทนตัวเขาก่อนจะกระจายออกเป็นเม็ดน้ำที่เปรียบดังไข่มุกกระจายรอบด้าน
หลังผ่านไปนาน เวลาทำการของร้านต้นตำรับก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน นี่น่าจะเป็นความจงใจของเถ้าแก่ที่ไม่คิดเปลี่ยนแปลง
หากไม่ใช่เพราะร้านต้นตำรับ บางทีเขาก็คงยังมีสถานะไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา ยังคงใช้ชีวิตเช่นคนธรรมดาต่อไป…
ยามนึกถึงเรื่องนี้ในใจ ฝีเท้าเขาก็ยังคงก้าวเดินไปไม่หยุด
ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ที่กลิ่นหอมได้ปรากฏในอากาศ มันค่อนข้างคลุมเครือและชวนให้ลุ่มหลง
“กลิ่นนี้…” หลินฟานสูดดมพร้อมตามทิศทางของกลิ่นไปด้วยฝีเท้าที่ก้าวเร็วมากขึ้น
ระยะทางหดแคบเข้ามา กลิ่นหอมยิ่งมายิ่งชัดมากขึ้น มันทำให้เขารู้สึกราวกับโดนล่อลวงให้เข้าไปหา
“แต่ทิศทางนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นทางไปร้านต้นตำรับหรอกหรือ?” หลินฟานมองอาคารรอบด้านที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงก่อสร้างขึ้นมาใหม่
สุดท้ายเขาจึงไปหยุดตรงหน้าภัตตาคารเซียนหงส์อมตะอันคุ้นเคย
ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอาคารคือพ่อครัวในชุดขาวหลายคน ตรงหน้าพวกเขาคือโต๊ะที่วางเรียงรายด้วยบรรจุภัณฑ์โปร่งใส
พิจารณาให้ใกล้ ของเหลวด้านในเป็นการผสานกันระหว่างนมสีขาวและของเหลวสีน้ำตาล มันไม่มีฝาปิด ดังนั้นตอนนี้จึงมีไอร้อนปรากฏออกมา
ต้นตอของกลิ่นหอมหวานก็คือสิ่งที่เห็นตรงหน้า
“มันคืออะไรกัน?” เมื่อเดินเข้ามาใกล้ หลินฟานเผยความสงสัยมองสินค้าใหม่ที่ภัตตาคารเซียนหงส์อมตะทำขาย
“ชานม” พ่อครัวกล่าวตอบกลับมา
“ชานม? ที่เป็นสินค้าใหม่ของร้านต้นตำรับ?” หลินฟานเกิดสนใจขึ้นมา
แม้ช่วงสองสามวันมานี้เขาไม่ได้แวะเวียนไปร้านต้นตำรับ แต่ข่าวคราวของสินค้าใหม่ที่ร้านเพิ่งเปิดขายนั้นย่อมทราบ รวมถึงเรื่องที่กลอรี่เพิ่มตัวละครเขาก็ทราบเช่นเดียวกัน
ด้วยเวลาเพียงสองวัน ภัตตาคารเซียนหงส์อมตะได้นำเสนอขายชานม เรื่องนี้ทำเขาเกิดสนใจขึ้นมาไม่ใช่น้อย
“ขายยังไง?” หลินฟานกล่าวถาม
“ทางด้านนี้หนึ่งแก้วหนึ่งเหรียญทอง ทางด้านนั้นหนึ่งแก้วหนึ่งผลึกวิญญาณ แตกต่างกันที่วัตถุดิบและมีความหลากหลายทางรสชาติ” พ่อครัวกล่าวตอบกลับมา
“ขอแก้วที่แพงแล้วกัน” หลินฟานกล่าวบอก
“รอสักครู่” พ่อครัวตอบรับ
เท่าที่ลั่วฉวนได้เห็นจนถึงตอนนี้ กิจการของร้านต้นตำรับไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศสักเท่าใดนัก
เมื่อมองไปยังฝนที่ยังคงตกหนักภายนอก ลั่วฉวนเกิดนึกถึงดวงตะวันสาดแสงที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน
ระหว่างที่ลั่วฉวนปล่อยความคิดไหลไป ปู้หลี่เกื๋อ ปู้ฉืออี และเจียงเฉิงจวินต่างก็เดินเข้ามาในร้าน
ลั่วฉวนตอนนี้ไม่คิดประหลาดใจกับการที่คณะของปู้หลี่เกื๋อจะมาถึงตอนร้านเปิดแต่อย่างใด
จากนั้นจึงเป็นการทักทายประจำวัน
“เถ้าแก่ เมื่อไหร่ผลงานใหม่ที่ท่านกล่าวถึงจะเปิดให้อ่านกัน?” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวถามด้วยความคาดหวัง
โทรศัพท์วิเศษมีความเร็วในการส่งต่อเรื่องราวอย่างมหาศาล ตอนนี้ลูกค้าแทบทุกคนได้ทราบแล้วว่าลั่วฉวนกำลังเตรียมผลงานใหม่ เสียงตอบรับก็ยังคงดีเหมือนเช่นเคย
“คงอีกสักพักหนึ่ง” ลั่วฉวนรับคำราบเรียบ แต่เขาตอนนี้ก็พร้อมที่จะแง้มเรื่องราวออกเล็กน้อยให้ได้ทราบ “แต่เรื่องราวนี้จะไม่เหมือนที่ดำเนินอยู่ จะไม่ใช่เน้นการต่อสู้สักเท่าไหร่”
“ไม่เน้นการต่อสู้?” ปู้หลี่เกื๋อเกาศีรษะเกิดความสงสัย “อย่างนั้นไม่ราบเรียบเกินไปหรือ?”
“แล้วทุกเรื่องต้องเข่นฆ่ากันหมดเลยหรือยังไง?” ปู้ฉืออีขมวดคิ้วเห็นต่างกับปู้หลี่เกื๋อ “ในความเห็นข้า เรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปก็มีกลุ่มลูกค้าที่ชอบแตกต่างกันไปด้วย”
“เห็นด้วย เห็นด้วย!” เจียงเฉิงจวินที่อยู่ด้านข้างพยักหน้ารับ “แต่ละคนต่างมีความชอบไม่เหมือนกัน เจ้าไม่ชอบผลงานเรื่องนี้ก็เพียงรับชมอยู่เฉย ๆ ไป หากไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนอ่านจริงไหม? มีหลากหลายรสชาติให้ได้ลอง เช่นนั้นพวกเราจึงได้ทราบว่าชอบรสชาติไหนมากกว่ากันแน่ นี่จึงเป็นเรื่องดี”
สุดท้ายแล้วเจียงเฉิงจวินจึงถอนหายใจต่อความอ่อนหัดทางความคิดของปู้หลี่เกื๋อปิดท้าย
เพราะโดนสองคนทักท้วงอย่างกะทันหัน ปู้หลี่เกื๋อรู้สึกว่านี่ไม่ถูกต้องจึงรีบทักท้วง “หยุดก่อน หยุดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความถึงอย่างนั้น! ข้าไม่ได้กล่าวว่าไม่ชอบเรื่องราวที่เถ้าแก่เขียน ข้าจึงเป็นแฟนตัวยงของเถ้าแก่ แฟน…”
เพราะผลงานต่างโลกของลั่วฉวน ลูกค้าในร้านหลายคนจึงเริ่มมีแนวทางการพูดเปลี่ยนไปเหมือนดังปู้หลี่เกื๋อ
เหยาซือหยานที่รับฟังบทสนทนาคนทั้งสามตอนนี้เผยยิ้มบางปรากฏที่ใบหน้า
ลั่วฉวนไม่คิดใส่ใจอะไรมาก สาเหตุหลักก็เพราะตอนนี้ยังเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดติดพันอยู่ เสียงพูดจอแจในร้านเขาแทบไม่เก็บมาใส่ใจ
“กล่าวไปแล้วเถ้าแก่ ภัตตาคารเซียนหงส์อมตะนำเสนอขายชานมแล้วแหละ” หลังโต้เถียงกับอีกสองคนไปครู่โดยไม่มีทีท่าเห็นว่าจะจบ ปู้หลี่เกื๋อจึงเปลี่ยนเรื่องกล่าวบอกออกมา
“สองวันก่อนสั่วว่านจินมาบอกกล่าวไว้แล้ว” ลั่วฉวนตอบกลับโดยไม่หันมอง
“โอ้ เป็นข้าไม่ทราบเอง” ปู้หลี่เกื๋อยิ้มตอบ “เมื่อครู่ก็เลยซื้อชานมจากภัตตาคารเซียนหงส์อมตะมาลอง แม้รสชาติค่อนข้างคล้าย แต่ความแตกต่างก็มีค่อนข้างมาก”
เวลาผ่านไป จำนวนลูกค้าที่มาร้านก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น
หลินฟานเดินเข้ามาในร้านพร้อมถือแก้วชานมในมือ อุณหภูมิของภายในร้านช่วยไล่ความเย็นที่เกาะตามตัวเขาออกไปจนเกิดสบายตัวขึ้นมา
“เฮ้อ ร้านเถ้าแก่อุ่นดีจัง” เขาพูดพึมพำกับตัวเอง
ลูกค้าหลายคนตอนนี้ต่างต่อแถวเรียงรายตรงหน้าเครื่องขายชานม หลินฟานเพียงเดินผ่านไป
“ไม่ซื้อหรือ? ชานมของร้านเถ้าแก่ซื้อได้แค่วันละครั้งนะ” ลูกค้าบางคนมองว่าหลินฟานเป็นลูกค้าใหม่ที่เพิ่งมาเยือนร้าน ดังนั้นจึงไม่น่าทราบกฎจึงช่วยบอกกล่าว
“ข้าซื้อมาจากภัตตาคารเซียนหงส์อมตะแล้ว” หลินฟานตอบกลับไป
“ที่นั่นหรือ ตอนเดินผ่านมาก็เห็นอยู่”
“แต่ชานมของที่นั่นกับที่นี่มีความแตกต่างกันค่อนข้างมากอยู่นะ”
“แหงอยู่แล้ว ของที่ร้านเถ้าแก่มีขายมีหรือจะทำเลียนแบบโดยง่าย…”
หลังพบหัวข้อสนทนา ลูกค้าทั้งหลายจึงเริ่มพูดคุยกันไปเรื่อย
ตอนนี้ยังค่อนข้างเช้า ภายในร้านยังมีลูกค้าไม่มาก หลังผ่านไปไม่กี่นาที แถวลูกค้าที่ต่อรอตรงหน้าเครื่องขายชานมก็ผลัดเปลี่ยนคนไปเรื่อย จนกระทั่งถึงคราวของหลินฟาน
เขารับชม พบว่าเหมือนเครื่องขายไอศกรีมที่อยู่เคียงข้าง ตอนนี้จึงเลือกซื้อที่เครื่องแนะนำมาแก้วหนึ่ง ตอนนี้จึงกลายเป็นเขาถือชานมสองแก้วเดินไปนั่งตรงหน้าเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเพื่อดื่ม
เขาเตรียมเทียบรสชาติระหว่างทั้งสองแก้วไปด้วย
ก่อนอื่นคือชานมของร้านต้นตำรับ หลังดื่มไปอึกหนึ่ง ตั้งแต่ริมฝีปากเป็นต้นไป กลิ่นหอมได้ฟุ้งกระจายให้ความรู้สึกอันสมบูรณ์แบบทางรสชาติออกมา
ถัดจากนั้นจึงเป็นคราวของชานมจากภัตตาคารเซียนหงส์อมตะ หลังดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง หลินฟานต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้ว่ารสชาติดี แต่ความแตกต่าระหว่างสองแก้วนี้มันมากพอจนรับรู้ได้อย่างชัดเจน