God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1051
ตอนที่ 1051
ไม่ว่าจะด้านใด ชาวไซเรนก็ยังแตกต่างจากเผ่าพันธุ์อื่น
เหมือนเช่นตอนนี้
การปรากฏตัวของมังกรดำเป็นผลให้เหล่าราชวงศ์สัตว์อสูรต้องตื่นตะลึง
พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าจะได้เห็นสุดยอดสิ่งมีชีวิตที่มีเพียงข่าวลือเล่าขานในทวีปเทียนหลันอย่างใกล้ชิดเช่นนี้
แม้ว่าที่ร้านจะมีมังกรตัวจริง แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่เคยทราบว่าอานเหวยหยาคือมังกร
เพราะภาพลักษณ์ที่เห็นนั้นไม่มีทางเชื่อมโยงได้ถึง
หลังประหลาดใจไปครู่ หู่ขวงและคณะสัตว์อสูรราชวงศ์จึงค่อยพบว่ามังกรดำตัวนี้ดูคุ้นเคย
“กู่หลงเอ๋าในกลอรี่ไม่ใช่หรือ?” หู่ขวงหันมองไปทางลั่วฉวนเป็นการสอบถาม
ด้วยเพราะเป็นผู้เล่นกลอรี่เก่าแก่ แม้ตัวใหญ่เพิ่มขึ้นนับสิบเท่า แต่รายละเอียดของมังกรดำก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
เพื่อให้กลอรี่ดำเนินเกมไปอย่างเสมอภาค ความสูงของแต่ละตัวละครจะถูกกำหนดเอาไว้อย่างเหมาะสม
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ เหล่าสัตว์อสูรราชวงศ์ต่างเกิดตื่นเต้นกันขึ้นมา
“กลายเป็นว่าตัวจริงของกู่หลงเอ๋าใหญ่โตเช่นนี้ นี่มันน่าเกรงขามยิ่งกว่าตอนอยู่ในกลอรี่ตั้งเยอะ!”
“สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ สมแล้วที่เป็นมังกรในตำนานเล่าขาน”
“ชักคาดหวังจะได้เห็นตัวละครอื่นในกลอรี่แล้วสิ…”
ต่อให้มังกรดำยืนนิ่งเงียบ แต่ด้วยร่างอันใหญ่โตก็มากพอทำให้เกิดความรู้สึกถูกสะกดข่ม มันราวกับมีออร่าที่มองไม่เห็นปรากฏคงอยู่
แม้ว่าไม่ใช่ตัวตนมีชีวิตจริง แต่มันก็แทบไม่มีอะไรแตกต่าง
“เถ้าแก่ ให้ข้าพูดว่าอะไรดี?” หู่ขวงกล่าวถาม
“ข้าคือผู้มาจากความเป็นนิรันดร์และมีชีวิตอมตะ” ลั่วฉวนกล่าวบอก
บทที่เขาคิดขึ้นในช่วงบ่าย มันมีความสอดคล้องกับตัวตนของกู่หลงเอ๋า
“ข้าคือผู้มาจากความเป็นนิรันดร์และมีชีวิตอมตะ” หู่ขวงเผยคำเสียงเบากับตัวเอง “ให้ข้าลอง”
เขาปรับสภาพลมหายใจ ดวงตาเกิดประกายขึ้น ออร่าเริ่มปรากฏขึ้นจากร่าง
อย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็มีฉายาราชาพยัคฆ์ทมิฬ ความแข็งแกร่งและตัวตนของหู่ขวงถือว่ามีชื่อเสียงในโลกผู้ฝึกตนมนุษย์ไม่ใช่น้อย
ยามเมื่อหลับตาลง ราวกับเขาได้สวมบทบาทใหม่
บทสนทนาในหมู่ราชวงศ์สัตว์อสูรเลือนหาย ยี่ลาก็หยุดถ่ายภาพแล้วเช่นกัน
ผ่านไปหลายวินาที หู่ขวงค่อยลืมตาขึ้นทีละน้อย
ในดวงตานั้นมันดูราวกับมีอัคคีเพลิงลุกโชนคงอยู่
“ข้า ผู้มาจากความเป็นนิรันดร์ และมีชีวิตเป็นอมตะ!”
เสียงอันลุ่มลึกดังปรากฏในความว่างเปล่าและเงียบงัน ราวกับทั้งโลกนี้มีเพียงเสียงนี้หนึ่งเดียว
“น่าทึ่ง” ยี่ลาเผยคำเป็นการทำลายความเงียบ
“ไม่มีความรู้สึกเลย เอาอีกครั้ง” ลั่วฉวนส่ายศีรษะหันไปบอกกล่าวกับหู่ขวง
“ทราบแล้ว” หู่ขวงถอนหายใจอย่างอับจนก่อนจะกลับคืนสภาวะเดิม
ผ่านไปอีกหลายวินาที เสียงเขาค่อยดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าคือผู้มาจากความเป็นนิรันดร์และมีชีวิตอมตะ”
จากนั้นเขาจึงหันมองทางลั่วฉวนและรอคอยผลการประเมิน
ท่าทีลั่วฉวนยังเหมือนเดิมพร้อมส่ายศีรษะตอบกลับ
หู่ขวงไม่ได้เสียกำลังใจ เขาเตรียมใจรับเรื่องราวเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว
เวลาผันผ่านไปกับบทพูดของหู่ขวง
“รู้สึกว่าเถ้าแก่เข้มงวดไม่ใช่น้อย” ยี่ลาลดเสียงเบาพูดคุยกับเหยาซือหยาน
“เถ้าแก่ต้องการให้มันสมบูรณ์แบบน่ะ” เหยาซือหยานกระซิบตอบ
หู่ขวงแทบไม่อาจนับแล้วว่าตอนนี้พูดออกไปกี่ครั้ง อย่างน้อยก็เกินสิบครั้งเห็นจะได้
ความอดทนของเขาเริ่มเลือนหาย เขาคิดอยากยอมแพ้เสียตั้งแต่ตรงนี้
อย่างไรแล้วจำนวนสัตว์อสูรราชวงศ์ก็มีมาเกินจำนวนของตัวละคร ไม่ใช่เขาก็ยังมีคนอื่นมาแทนได้
“ข้าคือผู้มาจากความเป็นนิรันดร์ และมีชีวิตเป็นอมตะ!”
“ครั้งนี้ได้นะ”
หู่ขวงรู้สึกราวกับหูฝาด เถ้าแก่บอกกล่าวว่าใช้ได้แล้ว?
“ครั้งนี้ใช้ได้แล้ว?” เขาถึงกับต้องถามเป็นการยืนยัน
“ใช่” ลั่วฉวนพยักหน้าตอบ
หู่ขวงถึงกับถอนหายใจก่อนจะเผยสีหน้ายินดีออกมา
เมื่องานเสร็จ ร่างอันน่าเกรงขามของมังกรดำจึงบินกลับขึ้นฟ้ากลายเป็นจุดแสงหายวับไป
“รู้สึกยังไงบ้าง?” อสูรวานรเผยยิ้มแย้มกล่าวถามหู่ขวงที่เดินกลับมา
“ไม่ดีเท่าไหร่” หู่ขวงส่ายศีรษะราวเหม่อลอย “เมื่อครู่นี้เจ้าผลักข้าใช่ไหม”
“ไม่ใช พวกเราเป็นพี่น้องอันดีต่อกัน ข้าจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง?” อสูรวานรยิ้มตอบ
“ถัดไปใครดี?” ลั่วฉวนเผยเสียงกล่าวถาม ผู้อื่นที่คุยอยู่ตอนนี้ถึงกับเงียบปาก
พวกเขาได้เห็นหู่ขวงเป็นตัวอย่างแล้ว ประโยคเดิมต้องพูดกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นจึงเป็นความยากลำบาก
เหล่าสัตว์อสูรราชวงศ์ตอนนี้จึงเกิดนึกเสียใจที่ขันอาสามา
“ข้าเอง” ยี่ลากล่าวกับลั่วฉวน เพราะนางได้เห็นอาการตอบสนองของเหล่าราชวงศ์สัตว์อสูรแล้ว
“ได้” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
พื้นไม่ไกลห่างปรากฏพื้นผิวน้ำกระจ่างใส ขณะเดียวกันนี้เสียงน้ำกระจายได้ดังปรากฏ ไอน่าที่เป็นชาวไซเรนได้เผยตัวขึ้นในรูปลักษณ์ครึ่งงูมายืนบนพื้นด้านข้างแอ่งน้ำ
รูปลักษณ์นั้นไม่แตกต่างจากในกลอรี่
พบเห็นเช่นนี้ ยี่ลาเองที่อยู่ในสภาพครึ่งงูเช่นเดียวกันจึงโอนเอนไปมารับชมด้วยความสงสัย กระทั่งจิ้มตามตัวชาวไซเรนตรงหน้าที่แม้สัมผัสก็เหมือนจริง
ดวงตาของไอน่าหันมองที่ยี่ลา นางถึงกับร้อง “เหวอ” ออกมาด้วยอาการประหลาดใจ
“เถ้าแก่ นี่…” สายตานางหันมาสอบถามลั่วฉวน
“เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อโลกภายนอกทั่วไป ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของจริง” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“โอ้…” ยี่ลาพยักหน้าตอบ “งั้นให้ข้าพากย์อะไรดี?”
“ไม่พากย์” ลั่วฉวนกล่าวตอบ
“ไม่พากย์?” ยี่ลาเผยสีหน้างุนงง
“ชาวไซเรนสื่อสารด้วยการขับขานบทเพลงจึงเหมาะสมกว่า” ลั่วฉวนตอบกลับมา
“เข้าใจแล้ว” ยี่ลาพยักหน้าตอบรับ
เมื่อนางไปหยุดยืนตรงหน้าไอน่า สีหน้าของนางตอนนี้จึงเผยความจริงจังขึ้น
คลื่นเสียงที่ราวปรากฏดังในห้วงสมุทรได้ปรากฏขึ้น มันเป็นเสียงที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่มีทางเปล่งออกมาได้
บทเพลงนี้ไม่มีเนื้อร้องขับขาน แต่เพียงได้ฟังก็รู้สึกสบายใจ
นางฮัมเพลงอยู่พักหนึ่งจึงค่อยหันมองทางลั่วฉวน
“ใช้ได้” ลั่วฉวนพยักหน้าตอบรับ
หู่ขวงนึกถึงเรื่องราวของตนเมื่อครู่ ตอนนี้ถึงกับต้องถอนหายใจลากยาวออกมา
เหตุใดความแตกต่างนี้มากมายนัก?
เหมือนดังมังกรดำที่หายตัวไปก่อนหน้า ไอน่าได้กลับกลายเป็นลำแสงเลือนหายไปราวไม่เคยมีตัวตนคงอยู่มาก่อน
ยังคงเหลืออีกสิบสามตัวละคร
หลังใช้เวลาอยู่นานไม่น้อย ภารกิจที่เหล่าสัตว์อสูรราชวงศ์ขันอาสารับงานก็เสร็จสิ้น
พวกเขาตอนนี้ต่างเผยสีหน้าโล่งใจกันออกมาไม่ปิดบัง
ตัวตนของลั่วฉวนในใจพวกเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ
เพราะยี่ลาเป็นต้นแบบ เหล่าสัตว์อสูรราชวงศ์จึงนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาถ่ายภาพคู่กับตัวละครในกลอรี่
หลังโพสต์ลงกระดานสนทนาและแอพแชท เสียงตอบรับถึงกับท่วมท้น
“พวกเราขอตัวก่อน” ที่ภายในร้าน อวี่เว่ยกล่าวลาลั่วฉวนกับเหยาซือหยาน
“ไว้พบกันพรุ่งนี้” เหยาซือหยานยิ้มตอบ
“พบกันพรุ่งนี้” ลั่วฉวนกล่าวออกเช่นกัน
ทั้งสองเดินมาส่งทั้งคณะถึงหน้าประตูร้านจนกระทั่งพวกเขาหายไปกับความมืดยามค่ำคืน
อุณหภูมิยามค่ำคืนที่ฝนตกค่อนข้างหนาวเย็น ลั่วฉวนยืนอยู่ได้ไม่นานจึงกลับเข้าร้าน
ทางด้านยี่ลากลับนครไซเรนผ่านทางประตูแสงไปเรียบร้อยแล้ว
ในร้านจึงกลับคืนความเงียบสงบ
ลั่วฉวนเกิดรู้สึกง่วง วันนี้เขาคิดเข้านอนเร็วกว่าปกติ
“ราตรีสวัสดิ์” เขากล่าวบอก
“ราตรีสวัสดิ์เถ้าแก่” เหยาซือหยานรับคำ